ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1986

สรุปบท บทที่ 1986 ความจริงของย่าเหยียน: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 1986 ความจริงของย่าเหยียน – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 1986 ความจริงของย่าเหยียน ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ร่างกายมนุษย์ที่ย่าเหยียนใช้อยู่นั้นไม่ใช่ร่างกายเดิมของย่าเหยียน เป็นเพียงตัวพาหะของเฮยอิ่ง เฮยอิ่งก็คือย่าเหยียนที่แท้จริง

เมื่อเซียวหมิงชิวได้ยินคำพูดดังกล่าวของเซียวเฉวียน นางก็ส่งเสียงออกมาว่า “จะเข้าใจเช่นนี้ก็ได้”

“เพื่อไม่ให้มนุษย์เกิดความสงสัย ย่าเหยียนได้ก่อตั้งสำนักหมิงเซียนขึ้นมา หลังจากหามนุษย์มารับช่วงต่อของสำนักหมิงเซียนได้แล้ว นางก็สลายร่างกลายเป็นเฮยอิ่ง และอยู่ร่วมกับผู้นำคนก่อนๆ ที่ผ่านมา”

“จนกระทั่งสิบปีก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางพบตัวพาหะอย่างกะทันหัน เข้าร่วมสำนักหมิงเซียนในฐานะของคนธรรมดา ตลอดระยะเวลาของการเดินทาง นางทำงานหนักเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่ชื่นชมของผู้นำ”

“ในระยะเวลาพันปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ย่าเหยียนปรากฏตัวออกมามากที่สุดก็คือช่วงเวลาเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี้”

นางจะปรากฏตัวออกมาบ่อยหรือไม่ เซียวเฉวียนไม่ได้สนใจ สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็คือ เหตุใดเซียวหมิงชิวจึงกล่าวว่าย่าเหยียนเป็นคนทำลายเทือกเขาคุนหลุน?

เซียวหมิงชิวพูดทุกอย่างออกมาจนหมด แต่เกือบลืมอธิบายเรื่องนี้ให้กับเซียวเฉวียนได้รับรู้

กลับมาที่หัวข้อเดิม นางกะพริบตาพร้อมกล่าวว่า “หลังจากย่าเหยียนสร้างสำนักหมิงเซียนขึ้นมา นางก็เดินทางไปทั่วซินเจียงเพื่อตามหาลูกศิษย์มาเข้าร่วมสำนัก”

และในตอนนั้นเอง นางบังเอิญไปได้ยินตำนานเรื่องหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ตำนานเล่าว่าบนดินแดนซินเจียงมีสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าทุ่งน้ำแข็ง และในดินแดนที่เรียกว่าทุ่งน้ำแข็งได้ทำการปิดผนึก “เพลิงชุ้ยเจี้ยน” เอาไว้ ซึ่งเปลวไฟดังกล่าวคือศัตรูตัวฉกาจของชาวคุนหลุน

ขอแค่เปลวเพลิงดังกล่าวลุกไหม้ มันก็จะเผาทำลายสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในคุนหลุนจนสิ้นซาก

ตำนานเรื่องนี้ หากคนอื่นได้ยินอาจคิดว่าเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

แต่ในฐานะที่ย่าเหยียนเป็นคนของเทือกเขาคุนหลุน แม้ว่าความแข็งแกร่งจะเทียบกับเหล่าทวยเทพในยุคเทพเจ้าไม่ได้ แต่บนเทือกเขาคุนหลุนในเวลานั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรล้ำค่า พวกเขาได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดี ล้ำหน้าผู้คนในดินแดนอื่นไปมาก ดังนั้นภูมิปัญญาของพวกเขาจึงไม่มีใครเทียบเทียมได้

นอกจากนี้ชาวคุนหลุนก็เป็นผู้ที่มีความสามารถอยู่แล้ว แถมยังมีคนที่สามารถเดินทางเป็นพันลี้ได้ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งวัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้รับข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลกอย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้เอง ชาวคุนหลุนจึงมีความรู้ที่กว้างไกลว่าคนทั่วไปเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มที่จะยอมรับสิ่งต่างๆ ที่อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับคนทั่วไป

ดังนั้นย่าเหยียนจึงจริงจังกับตำนานเรื่องนี้ นางจึงเริ่มออกเดินทางตามหาทุ่งน้ำแข็ง

เมื่อได้ฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดเซียวเฉวียนก็เข้าใจถึงความหมายที่เซียวหมิงชิวต้องการสื่อออกมา เดิมทีเพลิงชุ้ยเจี้ยนเป็นเพลิงที่ถูกซ่อนอยู่ในทุ่งน้ำแข็ง ย่าเหยียนคือคนที่เอามันออกมา และใช้มันเพื่อแก้แค้นชาวคุนหลุน

เซียวหมิงชิวพยักหน้าด้วยศีรษะเล็กๆ ของนาง “ใช่ เรื่องราวมันก็เป็นเช่นนั้น”

ผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งยิ่งนัก คนในเผ่าเอาแต่หัวเราะเยาะนาง แต่ด้วยหัวใจที่ใฝ่หาแต่การแก้แค้น นางลงมือถึงขั้นทำลายเทือกเขาคุนหลุน

เป็นผู้หญิงที่เหี้ยมโหดอะไรเช่นนี้!

แต่นางเองก็คงคาดไม่ถึง คนที่ทำเรื่องชั่วร้าย สุดท้ายแล้วก็ต้องรับผลกรรมที่ตามมา

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นพันปีแล้ว แม้ว่าวัฏจักรเทียนเต๋าจะช้าไปหน่อย แต่ผลกรรมของนางก็ยังคงอยู่ สำนักหมิงเซียนที่นางสร้างขึ้นด้วยมือของนางเอง แหล่งสมบัติฮวงจุ้ยอย่างภูเขาหมิงเซียนที่นางเลือก ทุกอย่างพังทลายลง แถมยังพลังทลายด้วยเพลิงชุ้ยเจี้ยนที่นางเป็นคนตามหามาด้วยตัวเอง

ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม

พูดตามตรง การที่เพลิงชุ้ยเจี้ยนไม่ได้แผดเผานางจนตาย มันเป็นความละเลยของสวรรค์

ในเวลานี้ สุดท้ายเซียวเฉวียนก็เข้าใจ ตอนที่ภูเขาหมิงเซียนถูกเผาในตอนนั้น เหตุใดเขาจึงไม่พบร่องรอยของย่าเหยียน

นางเป็นชาวคุนหลุนแต่กำเนิด ทำให้นางสามารถรอดพ้นจากเพลิงชุ้ยเจี้ยนไปได้

เซียวเฉวียนกล่าวอย่างใจเย็น “พูดเช่นนี้ก็แสดงว่า ตอนนั้นมีคนช่วยนางนำเปลวไฟออกมาจากทุ่งน้ำแข็งอย่างนั้นหรือ?”

เซียวหมิงชิวตอบ “อื้อ ถูกต้อง แต่หลังจากที่นางใช้ประโยชน์จากคนผู้นั้นแล้ว นางก็ทำการฆ่าปิดปากเขา”

ย่าเหยียนลงมือโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำการอันยิ่งใหญ่ ฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าอย่างทารุณ ความผิดของนางไม่อาจมีใครรับรู้ นางจึงจำเป็นต้องฆ่าปิดปาก

เซียวหมิงชิวกล่าวออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง “เรื่องนี้หมิงชิวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ในสมองของนางได้รับการพัฒนาโดยธรรมชาติ และมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับย่าเหยียน

ไม่ใช่ข้อมูลของย่าเหยียนเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่นางรับรู้

เห็นใบหน้าแห่งความสงสัยของเซียวเฉวียน เซียวหมิงชิวหาเหตุผลออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “น่าจะเป็นเพราะข้าเป็นลูกของท่านพ่อกับท่านแม่ เพราะท่านพ่อกับท่านแม่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว”

ความหมายของมันก็คือ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

“หรือพูดอีกอย่างก็คือ หมิงชิวก็เหมือนกับพี่สาว”

นางเกิดมาเหมือนกับเสี่ยวเซียนชิว รู้เรื่องราวมากมายที่คนบนโลกไม่รู้ แต่เซียวหมิงชิวนั้นค่อนข้างจะรู้มากกว่าเสี่ยวเซียนชิว

เมื่อลองคิดทบทวนให้ดี เซียวเฉวียนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันก็มีเหตุผล ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเซียวหมิงชิว เซียวเฉวียนรู้สึกว่านางแข็งแกร่งว่าเสี่ยวเซียนชิวมาก

เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง นับตั้งแต่ได้ครอบครองผนึกจูเสิน เสี่ยวเซียนชิวก็ไม่สามารถฟังเสียงหัวใจของเซียวเฉวียนได้ แต่เซียวหมิงชิวกลับทำได้ แค่เรื่องนี้มันก็สามารถอธิบายได้ว่าเซียวหมิงชิวนั้นเหนือกว่าเสี่ยวเซียนชิวแล้ว

เนื่องจากมีเสี่ยวเซียนชิวเป็นแบบอย่าง เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เซียวเฉวียนรู้สึกว่าการที่เซียวหมิงชิวรู้เรื่องราวของย่าเหยียนมาแต่โดยกำเนิดมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ในแง่ของยุคปัจจุบัน ลูกของเซียวเฉวียนมีแต่ตัวประหลาด เสี่ยวเซียนชิวใช่ เซียวหมิงชิวเองก็ใช่

แถมคนหนึ่งยังเจ๋งกว่าอีกคนหนึ่งอีก

ในตอนที่เสี่ยวเซียนชิวลืมตาดูโลก สภาพของนางเหมือนกับเด็กอายุสิบห้า นางคือดาบวิญญาณที่แท้จริง มีตัวตนที่แตกต่างโดยเนื้อแท้ 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย