ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1990

สรุปบท บทที่ 1990 มีฤทธิ์เดชสามารถมาก: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 1990 มีฤทธิ์เดชสามารถมาก – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 1990 มีฤทธิ์เดชสามารถมาก ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เขาจากไปนานแค่ไหนกัน เซียวเฉวียนถึงสร้างดาบวิญญาณขึ้นมาใหม่?

มีเสี่ยวเซียนชิวแห่งดาบวิญญาณ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หลายคนตาบอดด้วยความอิจฉา ยังมีอีกมาเพิ่มอีกหนึ่งหรือนี่?

เหตุใดเซียวเฉวียนถึงได้โชคดีขนาดนี้!

อี้กุยเหลือบมองที่เซียวเฉวียน ดวงตาของเซียวเฉวียนเป็นประกายและเขาไม่ปฏิเสธซึ่งหมายความว่าเขายอม

เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขายังคงเป็นป้าของอี้กุยของเขาหรือเปล่า?

อี้กุยยอมรับเสี่ยวเชียนชิวในฐานะป้า แต่เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในการเรียกเด็กน้อยตรงหน้าเขาซึ่งอายุหนึ่งปีเศษว่าเป็นป้า

แต่อี้กุยเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมารยาทเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะอึดอัดแค่ไหน เขาก็ยังเรียกเซียวหมิงชิวว่า "ท่านป้า"

ประการแรก คือการแยกแยะเธอจากเสี่จสเชียนชิวและประการที่สองเซียวหมิงชิวยังเด็กอยู่จริงๆ

เซียวหมิงชิวมีความสุขมากเพราะเขาสมควรได้รับมัน“อืม เด็กดี”

พอถูกเด็กหนึ่งขวบเศษพูดเช่นนี้ อี้กุยก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้นไปอีก

เดิมทีเขารู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักน่าชังเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้น จู่ ๆ มันก็พลันหายไปหมดเสียแล้ว

เดิมทีเขายังอยากจะไปกอดไปเล่นกับเซียวหมิงชิวให้หนำใจ แต่ตอนนี้ก็สิ้นความรู้สึกนั้นไป

ทแเธอเป็นผู้อาวุโสและเขาก็ไม่สามารถเฉยเมยต่อหน้าเธอได้

เมื่อเห็นการแสดงออกของอี้กุยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเซียวเฉวียนก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ “เจ้านี่ซื่อบื้อจริง ๆ “

เพื่อบรรเทาความลำบากใจและท่าทีที่ไม่เป็นธรรมชาติของอี้กุย เซียวเฉวียนจึงเปลี่ยนหัวข้อและกล่าวว่า “นี่เสี่ยวอี้ เกิดเหตุใดขึ้น เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนมาขนาดนี้?”

อย่าลืมเรื่องธุระเพราะหมกมุ่นอยู่กับตัวตนของเซียวหมิงชิว

พอเซียวเฉวียนถามเช่นนี้ อี้กุยก็นึกขึ้นมาได้ ว่าจริง ๆ จะต้องมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างจากเซียวเฉวียน “ท่านปู่น้อย หอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันเริ่มกิจการ ท่านต้องการที่จะจัดงานเปิดใหญ่หรือไม่?”

เขาจำได้ว่าเซียวเฉวียนเคยทำมาก่อน ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าเขาควรเลียนแบบแนวทางของเซียวเฉวียนหรือไม่

เซียวเฉวียนตอบเสียงเรียบ “เรื่องนี้ เจ้าตัดสินใจเองก็ถือเป็นอันว่าได้แล้ว”

โดยสรุปอี้กุยดูแลหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันเป็นส่วนใหญ่ และเซียวเฉวียนรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการเปิด ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องถามทุกสิ่งกับเซียวเฉวียน เขาตัดสินใจด้วยตัวเองได้

อี้กุยมีความคิดอยู่ในใจและต้องการทำเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามเซียวเฉวียนอยู่ในศาลาคุนหวู่ และเขาคือเถ้าแก่ที่แท้จริง และเขายังเป็นผู้อาวุโสของอี้กุยด้วย ดังนั้นอี้กุยจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องปฏิบัติตามเขา

เซียวเฉวียนทักทายดูเผื่อว่าเขามีความคิดเห็นหรือไม่

ด้วยคำพูดของเขา อี้กุยรู้สึกโล่งใจและยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบ“ขอรับ ท่านปู้น้อย”

หลังจากพูดจบแล้ว อี้กุยก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เซียวหมิงชิว หยิบจี้หยกที่มีคุณภาพดีเยี่ยมออกจากร่างกายของเขา มอบให้เซียวหมิงชิว และพูดว่า "ท่านป้า นี่เป็นของขวัญสำหรับการพบปะจากรุหลานคนนี้ หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ”

คนรุ่นหลังเมื่อเจอผู้อาวุโสการให้สิ่งของนั้นเป็นสิ่งที่สมควรทำอยู่แล้ว

เซียวหมิงชิวยิ้มและสวมจี้หยก แล้วกล่าวว่า “หลานรัก ป้าชอบหยกเส้นนี้มากเลย ขอบใจนะจ๊ะ”

ขอเพียงแค่ท่านชอบก็พอแล้ว

แต่คำว่าหลานรัก อี้กุยไม่ทันระวังและสำลักน้ำลาย เกือบสำลักตายด้วยตัวเอง

เด็กเล็กเยี่ยงนี้ สามารถพูดจาได้ถึงขนาดนี้ และไม่อยากเสียเปรียบ

ตามที่อี้กุยดู เซียวหมิงชิวมีความคล้ายคลึงกับเซียวเฉวียนมาก อี้กุยเชื่อว่าเซียวหมิงเชียวเป็นลูกสาวแท้ๆของเซียวเฉวียน

แต่เมื่อเซียวหมิงชิวเรียกอี้กุยเช่นนี้ ก็ไม่ผิด ดังนั้น อี้กุยไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดด้วยน้ำเสียงปรึกษาว่า "ท่านป้า เรียกข้าเสี่ยวอี้ได้หรือไม่"

คำว่าหลานรักฟังดูแล้วอึดอัด อี้กุยบอกว่ามันยากที่จะยอมรับ

เดิมทีอี้กุยคิดว่าจำเป็นต้องหารือเรื่องนี้อย่างรอบคอบมากขึ้น โดยไม่คาดคิดเซียวหมิงชิวก็ตอบตกลงทันที “ไม่มีปัญหา!”

แต่เซียวหมิงชิวพูดอย่างตกตะลึงอีกครั้ง “เสี่ยวอี้ มิเห็นอะไรต้องน่าอายเลย ยุคปัจจุบันนี้ ไม่มีอะไรที่พูดมิได้ ไม่เชื่อเจ้าก็ถามพ่อข้าสิ”

ยิ่งเธอพูดอย่างนี้ หน้าอี้กุยก็ยิ่งแดง แดงราวกับเหมือนโดดนไฟเผาอย่างไรอย่างนั้น เขาพูดอย่างเขินอายว่า “โถ ท่านป้า ท่านอย่าหยอกล้อข้าเยี่ยงนี้เลย”

เขาเคยได้ยินเซียวเฉวียนพูดว่า ที่ฮวาเซี่ยนี้ ถ้าชายและหญิงต่างสนใจกันและกันบอกกันอย่างเปิดเผย นี่เรียกว่าสารภาพรัก

หากสารภาพสำเร็จทุกคนก็มีความสุข

หากการสารภาพไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร ก็แค่แพ้ และมองหาความสัมพันธ์ครั้งต่อไปได้

แต่อี้กุยนั้นได้รับการศึกษาจากโบราณคร่ำครึ เช่นเดียวกับผู้คนในเวลานี้และพื้นที่นี้เขาสงวนไว้มากเกี่ยวกับความรู้สึกเข้าในกระดูกของเขา

หากอยากให้เขายอมเปิดรับ เขาก็คงเปิดรับไม่ไหว

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ถามเขาว่าสิ่งนี้ยังเป็นเด็กน้อยอายุหนึ่งปีเศษ อี้กุยล่ะอยากจะมุดหัวขุดหลุมและคลานเข้าไปจริงๆ

ดาบวิญญาณขิงเซียวเฉวียน ทำไมคนหนึ่งรู้มากกว่าอีกคน?

พอรู้สึกว่าใบหน้าตนนั้นแดงไม่ไหว เขาจึงรีบนำเซียวหมิงชิงลงทันที แล้วพูดอย่างเขินอายว่า “ท่านปู่น้อย ท่านป้า เชิญพวกท่านคุยกันต่อ ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องไปจัดการ”

พูดจบ เขารีบวิ่งออกไปจากประตูทันทึ

นี่มันช่างเหลือเดินซะจริง เขาเองก็เคยรับมือกับคนทุกประเภทซึ่งหลายคนรับมือยากอาจกล่าวได้ว่าในฐานะคนที่เคยเห็นโลกเขาไม่เคยรู้สึกเขินอายเหมือนตอนนี้เลย

สิ่งที่ทำให้เขาเขินอายคือเด็กน้อยอายุหนึ่งปีเศษ

เป็นจริงอย่างที่เซียวเฉวียนนั้นพูด โลกใหญ่ไพศาล มิพิสดารมิมี

แปลง่าย ๆ นั้นคือ ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้!

อี้กุยล่ะไม่เข้าใจเสียจริบ ว่าทำไมดาบวิญญาณมีฤทธิ์เดชสามารถมาได้ถึงเพียงนี้?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย