เซียวเฉวียนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า คราต่อไปหมายความว่าเช่นไร เขาจึงเอ่ยคำมั่นสัญญากลับไปว่า "ขอรับ ท่านบรรพชน"
หากมาพบเจอองค์หญิงในคราหน้านั้น มิควรรั้งอยู่จนดึกดื่นเช่นนี้อีก
มิรู้ว่าเป็นเพราะร่างกายของเซียวเฉวียนที่บาดเจ็บอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะสภาพอากาศโดยรอบในยามนี้ที่สูงเสียจนทำเอารู้สึกหนาวสั่น ทำเอาเซียวเฉวียนรู้สึกว่าอากาศในยามค่ำคืนนี้หนาวเย็นกว่าวันก่อน ๆ ยิ่งนัก
แต่ด้วยไออุ่นจากผนึกจูเสินที่แผ่กระจายออกมานั้น ทำให้เซียวเฉวียนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมามาก
ทว่า ความเร็วในการบินของกินเลนนั้นก็รวดเร็วเช่นกัน ผ่านไปเพียงจิบน้ำชาเดียว พวกเขาก็กลับมาถึงศาลาคุนหวู่ในทันที
ยามราตรีที่เงียบสงัดเช่นนี้ ทั่วทั้งศาลาคุนหวู่ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงแมลงร้องเรียกดังออกมาเท่านั้น
ไฟในตามทางเดินยังคงเปิดเอาไว้สว่างไสว เกรงว่าจะเป็นอี้กุยกระมังที่สั่งให้ข้ารับใช้จุดไฟรั้งรอให้กับเซียวเฉวียนเป็นพิเศษ
หลังจากกลับมายังศาลาคุนหวู่แล้วนั้น เซียวเฉวียนเพียงแค่อาบน้ำชำระกายของตนเองอย่างง่าย ๆ ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงไปในทันที
ค่ำคืนที่ไร้ความฝัน เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาเสียแล้ว ด้านนอกประตูพลันมีเสียงเคาะประตูของอี้กุยดังขึ้นมาว่า "ท่านลุง ท่านตื่นแล้วหรือ?"
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่อี้กุยวิ่งมาที่นี่ สองครั้งแรกยามที่เขามาถึงนั้น ยังคงเห็นประตูห้องเซียวเฉวียนปิดเงียบอยู่ อี้กุยจึงเข้าใจว่า เซียวเฉวียนยังคงไม่ตื่น ดังนั้นเขาจึงมิคิดเคาะเรียกเพื่อรบกวนเวลาพักผ่อนของเซียวเฉวียน
ทว่า แม้ยามที่ฟ้าสว่างจ้าเช่นนี้ เซียวเฉวียนกลับยังมิเปิดประตูห้องออกมาอีก นับว่าผิดแปลกยิ่งนัก
เนื่องจากเซียวเฉวียนมักจะเป็นคนที่ตื่นตรงเวลาอยู่เสมอ
ดังนั้น อี้กุยจึงคิดว่าเซียวเฉวียนเปลี่ยนใจที่จะค้างอยู่กับองค์หญิงเมื่อคืนนี้ จึงมิได้กลับมาพักที่ศาลาคุนหวู่ หรือว่าอาจมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับเซียวเฉวียนหรือไม่
ไม่ว่าจักเป็นเช่นไร อี้กุยคิดว่าตนเองควรจักต้องเปิดประตูเข้าไปให้รู้แจ้งเสียก่อน
ในยามที่อี้กุยคิดร้อนใจนั้น พลันมีเสียงประตูเปิดออกมาในทันที พร้อมทั้งเซียวเฉวียนที่เหลือบมองอี้กุยด้วยท่าทีเฉยเมยว่า "สวัสดีตอนเช้า อี้น้อย"
หลังจากที่เห็นว่าเซียวเฉวียนสบายดีแล้วนั้น อี้กุยก็อดมิได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "อรุณสวัสดิ์ท่านลุง เร็วเข้า ท่านรีบมาทานอาหารเช้าเสีย"
เพื่อให้เซียวเฉวียนได้รับสำรับเช้าได้ทันท่วงทีนั้น ทุกครั้งที่อี้กุยเดินมา เขามักจะถือสำรับอาหารเช้ามาด้วยเสมอ ไม่เพียงเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาเดินมาเขายังอุ่นสำรับอาหารให้อุ่นพร้อมสำรับกินอีกด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาสงสัยของเหล่าข้ารับใช้มากมาย อี้กุยจึงได้แต่อธิบายออกมาว่า "มื้อเช้าพวกนี้ เอาไว้ข้าจะกลับมารับทีหลัง"
ทว่า ทุกครั้งที่อี้กุยถือสำรับออกไปนั้น เขาก็จักต้องนำมันกลับมาด้วยอยู่เสมอ เหตุผลนี้ดูมิค่อยฟังเข้าเค้าเท่าไหร่นัก
นับว่าโชคดี หลังจากที่ศาลาคุนหวู่มิคิดติดต่อกับผู้คนภายนอก อี้กุยจึงได้ทำการลดจำนวนข้ารับใช้ภายในจวนลง ดังนั้น ข้ารับใช้ที่ยังรั้งอยู่ภายในจวนในตอนนี้จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ศาลาคุนหวู่กว้างใหญ่ขนาดนี้ หากจัดให้คนมาคอยดูแลเพียงไม่กี่คนหาใช่เรื่องง่ายดายไม่
ดังนั้น เหล่าข้ารับใช้ทั้งหลายจึงเอาแต่วิ่งวุ่นตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งยังมิมีเวลามาสนใจอี้กุยอีก
หากว่าอี้กุยเรียกหาพวกเขานั้น พวกเขาจึงจักเข้ามาหาอี้กุยพร้อมทำตามคำสั่งในทันที
หากมิเรียกหาละก็ มิเช่นนั้นเหล่าข้ารับใช้ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตนเอง
นั่นหมายความว่า ย่อมมิมีเหล่าข้ารับใช้คนใดรู้เรื่องที่อี้กุยเดินถือสำรับอาหารไปยังเรือนทางตะวันตกมาหลายครั้งหลายครา
อี้กุยรักและเคารพเซียวเฉวียนยิ่งนัก
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แม้แต่ปู่ของเขาอี้อู๋หลี่ หาเคยได้รับการดูแลที่เป็นห่วงเป็นใยเช่นนี้จากอี้กุยไม่
มันสอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า บรรพบุรุษปลูกต้นไม้ ลูกหลานได้ใช้ร่มเงาเสียจริง
อี้อู๋หลี่ปลูกต้นไม้ เซียวเฉวียนได้ใช้ร่มเงาและอี้กุยคือต้นไม้ต้นนั้น
บรรพบุรุษเช่นเขาและต้นไม้เช่นอี้กุย ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
แม้แต่อ่างน้ำสำหรับล้างหน้าของเซียวเฉวียนก็ยังถูกเตรียมเอาไว้โดยอี้กุยเช่นกัน ก่อนจะวางเอสไว้บนราวบันไดทางเดินหน้าประตูเรือน
เซียวเฉวียนพลันหยิบอ่างล้างหน้าขึ้นมา ก่อนหันหลังกลับเข้าไปในห้อง พลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า "อี้น้อย มานั่งกินข้าวกับลุงเร็ว?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...