กระทั่งพวกเขาแพ้พนันจนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้วนั้น ภายในใจของเขายังคงเก็บความโชคดีเหล่านั้นเอาไว้ พลางบอกกับตนเองว่าพนันตราหน้าพวกเขาจักต้องชนะกลับมาอย่างแน่นอน
พร้อมทั้งหลงมัวเมาอยู่แต่ในบ่อนพนันจนมิอาจเอาตัวเองออกมาได้!
เมื่อบ่อนพนันจักกลับมาเปิดใหม่เช่นนี้ เหล่าผีพนันที่ไปพ่ายแพ้จากบ่อนอื่นจนสงสัยในโชคชะตาของตนเอง ไม่เพียงแต่เขารู้สึกว่าโชคด้านพนันในครานี้จักขึ้นมือ ทั้งยังคิดไปเองว่าโชคแห่งโชคลาภมาสิงสถิตอยู่ในร่างกายของเขาอีก พวกเขาจักต้องกอบโกยเงินออกจากบ่อนพนันมาได้เป็นกอบเป็นกำอย่างแน่นอน
ในยามที่เหล่าผีพนันกำลังตื่นเต้นอยู่นั้น ทางฝั่งของเหล่าแขกเรือที่เป็นนักกินเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
เพื่อยืนยันว่าหอปี๋เซิ่งจักเปิดขึ้นจริง ๆ ในวันพรุ่งนี้นั้น เหล่าราษฎรที่คิดถึงรสชาติอาหารอันโอชะของหอปี๋เซิ่ง ต่างก็พากันมาสอดส่องดูลาดเลาการเคลื่อนไหวของหอปี๋เซิ่งในทันที
ทันใดนั้น พวกเขาก็พบว่าพลันมีป้ายอันใหม่ติดอยู่ด้านหน้าหอปี๋เซิ่ง พร้อมทั้งมีแถบผ้าสีแดงปิดแผ่นป้ายเอาไว้
ไม่เพียงเท่านั้น ด้านหน้าของประตูหน้าหอปี๋เซิ่งยังมีโคมไฟสีแดงแขวนอยู่อีกด้วย พร้อมทั้งแผ่นป้ายคู่มงคลที่ติดอยู่ด้านหน้าประตูเป็นสัญญาณของการเปิดร้านอย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่า ร้านย่อมเปิดพรุ่งนี้มิมีผิดแน่
พลันมีบางคนเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้นว่า "เยี่ยมมาก! ข้ารอวันนี้มานานมากจริง ๆ "
หลังจากที่ได้กินอาหารจากหอปี๋เซิ่งไปนั้น เมื่อไปกินอาหารที่อื่น หรือแม้แต่อาหารในบ้านของตนเองกลับรู้สึกว่าธรรมดาไปในทันที
ถึงแม้ว่า พวกเขาจักมิอาจกินอาหารจากหอปี๋เซิ่งทุกวันได้ ทว่า เมื่อห่างหายไปนานเช่นนี้ ก็ย่อมทำให้พวกเขาหวนนึกถึงรสชาติอันโอชะเช่นกัน
พลันมีคนกล่าวว่า "พวกเจ้าไม่รู้อะไร บุตรชายของข้ายังคงร้องอยากจะกินอาหารจากหอปี๋เซิ่งอยู่ทุกวัน"
“หอปี๋เซิ่งปิดทำการไปนานเท่าใด เขาก็เอ่ยร้องโอดครวญอยู่ข้างหูข้านานเท่านั้น เมื่อหอปี๋เซิ่งเปิดแล้วเช่นนี้ ในที่สุดหูของข้าก็จักได้กลับมาสงบสุขสักที”
คนอื่นพลางกล่าวสมทบขึ้นมาในทันทีว่า "หาใช่ไม่ เด็ก ๆ ที่บ้านของข้าก็เป็นเช่นกัน"
ถึงกับมีคนกล่าวออกมาว่า "สรุปว่า การที่หอปี๋เซิ่งกลับมาเปิดอีกครั้งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ "
ทุกคนต่างก็มีความสุขกันถ้วนหน้า!
ก่อนหน้านั้นหอปี๋เซิ่งได้ถูกซ่อมแซมและถูกสร้างขึ้นมาใหม่ พวกเขาก็มิมิสิ่งใดจักเอ่ยออกมา
ทว่า หลังจากที่ซ่อมแซมปรับปรุงหอปี๋เซิ่งจนเสร็จแล้วนั้น ก็ยังไม่มีข่าวคราวจักกลับมาเปิดร้านอีก นั่นจึงทำให้พวกเขาร้อนใจและตั้งตารอคอยให้หอปี๋เซิ่งกลับมาเปิดอีกครั้ง
หากแต่พวกเขาหาได้เห็นเซียวเฉวียนและอี้กุยไม่
อีกทั้ง อี้กุยมักจะสร้างท่าทีเย็นชาให้ผู้คนภายนอกได้พบเห็นอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้ผู้คนมากมายไม่กล้าเข้าไปทักทายเขา
กลับกันหากเป็นเซียวเฉวียนแล้วละก็ ถึงแม้ว่าท่าทีของเขาจักดูเป็นคนโมโหร้าย พวกเขาแองก็นึกเกรงกลัวเซียวเฉวียนเช่นกัน ทว่า เซียวเฉวียนทำเพื่อพวกเขามามากมายนัก
ดังนั้น เหล่าราษฎรย่อมรู้ว่าพวกเขาอยู่ภายในใจของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนหาได้คิดร้ายอันใดต่อพวกเขาไม่
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองคนแล้วนั้น เหล่าราษฎรเต็มใจที่จักเข้าไปทักทายกับเซียวเฉวียนเสียมากกว่า
เหตุผลที่อีกอย่างหนึ่งก็คือ เดิมทีเซียวเฉวียนมาจากตระกูลบัณฑิตที่ยากจน นั่นจึงทำให้เหล่าราษฎรรู้สึกสะดวกใจที่จะพูดเป็นกันเองกับเซียวเฉวียนเสียมากกว่า
หากแต่พวกเขาไม่อาจรอให้เซียวเฉวียนปรากฏตัวขึ้นมาได้ ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าหอปี๋เซิ่งจักเปิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อใด
เมื่อรู้ข่าวว่าหอปี๋เซิ่งจักเปิดขึ้นมาครั้ง ช่างเป็นเรื่องที่ดียิ่ง
บางคนเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า "เช่นนี้ ใต้เท้าเซียวกลับมาแล้วหรือ?"
เขาเป็นถึงเถ้าแก่ของเหลาอาหาร วันงานเปิดร้านที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เถ้าแก่ย่อมต้องมาจัดการด้วยตัวเองใช่หรือไม่
พลันมีผู้คนที่อยู่ในกลุ่มกล่าวว่า "ข้าไม่คิดเช่นนั้น ในยามนี้ยังมิได้ยินข่าวใต้เท้าเซียวกลับเมืองหลวงมาเลย ทั้งยังมิเห็นเขาอีกด้วย"
แต่ก่อนนั้น หากว่าเซียวเฉวียนกลับมาเมืองหลวงเมื่อใด เขามักจะมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอยู่เสมอ
เมื่อเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ ทุกคนพลันรู้สึกว่าดูสมเหตุสมผลยิ่งนัก
ในขณะเดียวกัน พลันมีคนเอ่ยอธิบายเพื่อคลี่คลายความสงสัยของทุกคนออกมาว่า "ข้าได้ยินมาว่า ใต้เท้าเซียวมิได้กลับมา แต่งานเปิดร้านในวันพรุ่งนี้นั้นเป็นคุณชายอี้ที่จัดการแทน"
ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่า เซียวเฉวียนได้มอบหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันให้อี้กุยเป็นคนบริหารไปหมดแล้ว
เดิมทีอี้กุยที่เป็นพ่อค้าอยู่แล้วนั้น ทั้งยังมีศักดิ์เป็นหลายชายของเซียวเฉวียนอีก เขาเองก็เป็นแฟนตัวยงของเซียวเฉวียนเช่นกัน อีกทั้งเซียวเฉวียนเองก็ไว้วางใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...