ย่าเหยียนหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งจนผิดปกติ
เซียวเฉวียนเห็นมันด้วยตา ได้ยินด้วยหู เขาโกรธมากจนเส้นเลือดแทบระเบิดออกมาจากผิวหนัง
บนโลกใบนี้มีคนที่พูดถึงความชั่วของตนเองได้ยิ่งใหญ่ขนาดและชอบธรรมขนาดนี้เลยงั้นหรือ!
ย่าเหยียนช่างไร้ยางอายยิ่งนัก หากนางเป็นที่สอง ในโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครกล้าขึ้นเป็นที่หนึ่ง!
ความโกรธของเซียวเฉวียนพุ่งทะยานขึ้นมา เขาอยากจะฉีกปากของนาง จากนั้นก็ผ่าสมองของนางออกมาดูว่าด้านในมีสิ่งใดอยู่ เหตุใดถึงพูดถึงความชั่วของตนเองได้งดงามถึงเพียงนี้?
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่ได้แสดงความโกรธเหล่านั้นออกมา แต่ย่าเหยียนก็สามารถรับรู้จากการแสดงออกของเขาว่าเขากำลังโกรธ
ย่าเหยียนหัวเราะอย่างเยือกเย็น “พูดแทงใจดำงั้นหรือ?”
พูดเรื่องเทียนเต๋ากับนาง คนที่ให้ความสำคัญกับเทียนเต๋าคือนักปราชญ์ ไม่ใช่ย่าเหยียน
ย่าเหยียนรู้เพียงแค่ว่า คนเมตตามักจะถูกรังแก
จะไปสนวัฏจักรเทียนเต๋าเพื่ออะไร ไม่สนว่าอะไรคือการลงโทษจากสวรรค์ นางรู้แค่ว่าความแค้นนั้นต้องชำระ
ใครก็ต้องที่รังแกนาง นางจะแก้แค้นให้ถึงที่สุด
แม้แต่คนที่มองนางด้วยความเยือกเย็น นางก็จะแก้แค้นพวกเขาทุกคน
ทำลายเทือกเขาคุนหลุน ย่าเหยียนไม่รู้สึกว่าตนเองมีความผิด มันคือความผิดของคนในเผ่า พวกเขาหัวเราะเยาะย่าเหยียนครั้งแล้วครั้งเล่า ท้าทายนางจนทนไม่ได้!
ส่วนเรื่องเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วแห่งกองทัพตระกูลเซียว นางไม่ได้เป็นคนลงมือกับกองทัพตระกูลเซียว กองทัพตระกูลเซียวถูกเว่ยเชียนชิวสังหาร ศพของพวกเขากองเป็นภูเขา อย่างไรเสียก็ไม่มีคนจัดการเรื่องงานศพให้กับพวกเขาอยู่แล้ว เลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วของพวกเขาถูกนำออกไปก็ไม่มีทางที่ใครจะรู้
ต่อให้มีคนรู้ ย่าเหยียนคิดว่าก็คงไม่มีใครสืบสาวมาถึงนาง
มีความคิดพวกนี้อยู่ในใจ ย่าเหยียนจึงทำเรื่องพวกนี้ออกมา
แต่ย่าเหยียนก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำผิดแต่อย่างใด
นางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น “หากข้าไม่ได้นำเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วของพวกเขาออกมา เจ้าจะมีโอกาสได้กล่าวหาเว่ยเชียนชิวงั้นหรือ?”
หากไม่ใช่เพราะนางนำเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วแห่งกองทัพตระกูลเซียวออกมา กองทัพตระกูลเซียวก็อาจไม่ได้กลับบ้านเกิด คงเป็นได้แค่ผีโดดเดี่ยวในถิ่นทุรกันดาร
เนื่องจากเรื่องที่เลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วแห่งกองทัพตระกูลเซียวถูกชิงไปถูกเซียวเฉวียนรับรู้ เขาจึงใช้ประโยชน์จากมันในการกำจัดเว่ยเชียนชิวโดยเร็วที่สุด
ดวงวิญญาณของกองทัพตระกูลเซียวที่กลับมายังเมืองหลวงสร้างความเสียหายให้กับเว่ยเชียนชิวมากเพียงใด เรื่องนี้เซียวเฉวียนรู้ดีเสียยิ่งกว่าย่าเหยียน
ในตอนที่พูดเรื่องราวเหล่านี้ออกมา ใบหน้าของย่าเหยียนไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของการกลับใจ ตรงกันข้าม มันกลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ดูจากทัศนคติของนางแล้ว เซียวเฉวียนจะต้องรู้สึกขอบคุณที่นางเป็นคนชิงเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วแห่งกองทัพตระกูลเซียวไปงั้นหรือ?
ขอบคุณก็บ้าแล้ว!
ต่อให้ท้ายที่สุดกองทัพตระกูลเซียวจะต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร ไม่อาจกลับมายังบ้านเกิดของตัวเองได้ เมื่อเทียบกับการถูกชิงเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วไป สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับวงจรแห่งความตายที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ถูกชิงเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้ว มันคือเรื่องเลวร้ายที่สุดในโลก
หากย่าเหยียนไม่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้จริง เซียวเฉวียนก็ไม่รังเกียจที่จะชิงเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วของนางมาหลังจากความตาย ให้นางได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่ไม่มีวันสิ้นสุดในชีวิตหลังความตาย!
เสียงของเซียวเฉวียนเยือกเย็นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “เช่นนั้นหลังจากที่เจ้าตายไปแล้ว ข้าจะให้คนมาชิงเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วของเจ้าออกไปเสีย”
“เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าเองก็อย่าลืมขอบคุณข้าเสียล่ะ!”
เซียวเฉวียนกัดฟันตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา
งูไม่รู้ว่าตนเองมีพิษ คนไม่รู้ว่าตนเองทำผิด นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
แต่คิดไปคิดมาเซียวเฉวียนก็คิดว่าจริง หากทุกคนบนโลกรับรู้ถึงความผิดของตนเอง เช่นนั้นแล้วจะมีความขุ่นเคืองมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?
ได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียน ย่าเหยียนก็หัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าขันสิ้นดี!”
“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าจะสังหารข้าได้?”
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้าชิงเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้ว เรื่องที่เจ้าสามารถสังหารข้าได้หรือไม่ มันคนละเรื่องกัน!
ย่าเหยียนเคยเห็นความโอหังมามากมาย แต่นางไม่เคยเห็นใครโอหังและอวดดีเท่าเซียวเฉวียนมาก่อน
ขณะที่ย่าเหยียนกำลังต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง นางก็หัวเราะเยาะเซียวเฉวียนไปด้วย
ใช้คำพูดและท่าทางในการต่อสู้กับย่าเหยียน เซียวเฉวียนยืนประเมินสถานการณ์โดยรวม ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่หากเซียวเฉวียนเข้าไปต่อสู้ด้วยตัวเอง บางทีเซียวเฉวียนอาจจะสูญเสียความได้เปรียบนั้นไป
การต่อสู้ที่ดีที่สุดคือการที่ข้ายืนดูอยู่เฉยๆ แล้วสามารถเอาชนะเจ้าได้
นี่คือราชาแห่งการต่อสู้ที่แท้จริง
ยืนมองและใช้สมองเพื่อควบคุมสถานการณ์ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้สำเร็จ เหตุใดจะต้องเข้าไปสู้ด้วยตัวเอง?
แบบนั้นมันไม่โง่ไปหน่อยหรือ?
ได้รับการเตือนสติจากผนึกจูเสิน เซียวเฉวียนบีบฝ่ามือของเขาเบาๆ และตื่นขึ้นมาจากความโกรธทันใด
เขาเกือบจะตกหลุมพรางในคำพูดของย่าเหยียนเข้าจริงๆ แล้ว
โชคดีที่มีผนึกจูเสินคอยเตือนสติ
อย่างที่คิด ประสบการณ์นั้นสำคัญและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เซียวเฉวียนใช้เวลาน้อยที่สุดในการสงบสติอารมณ์ เขามองไปที่ย่าเหยียนพร้อมกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ารู้สึกแบบนั้น เจ้าก็แค่รอการพิพากษาจากสวรรค์ไปแล้วกัน”
รอให้ปีศาจเข้าควบคุม พูดเรื่องเหตุผลกับนาง มันคือการเปลืองน้ำลาย เกือบจะตกหลุมพรางของนางเข้าแล้ว ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
ย่าเหยียนที่กำลังรอให้ความโกรธของเซียวเฉวียนระเบิดออกมา แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นใบหน้าอันสงบของเซียวเฉวียน ในตอนนั้นนางตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
เห็นอยู่ว่าเซียวเฉวียนกำลังโกรธ เหตุใดผ่านไปเพียงพริบตาเขาถึงเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ ราวกับต้องการบอกนางว่า “ใช่ เจ้าพูดถูก ทุกอย่างที่เจ้าพูดเป็นความจริง” นี่ทำให้ย่าเหยียนหมดทางและทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ
เมื่อเซียวเฉวียนกลับมาสงบอีกครั้ง พายุหิมะก็กลับมารุนแรงอีกครั้ง และอาจจะรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ
เห็นอยู่ว่านางเกือบจะทำสำเร็จแล้ว เหตุใดจึงล้มเหลว?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เหตุใดอารมณ์ของเซียวเฉวียนจึงเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ และเหตุใดเขาจึงควบคุมมันได้อย่างอิสระ?
ต่างบอกกันว่าหัวใจของผู้หญิงนั้นยากจะหยั่งถึง แต่ในสายตาของย่าเหยียน หัวใจของผู้ชายเองก็ไม่ได้ต่างกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...