สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ ผนึกจูเสินถูกเซียวเฉวียนทำลายแล้ว
ในโลกนี้ไม่มีผนึกจูเสินอีกแล้ว
ผนึกจูเสินปกป้องคุ้มครองคนคุนหลุนมานานกว่าพันปี สุดท้ายแล้วแม้แต่คำขอบคุณจากคนคุนหลุนเพียงคำเดียวก็ไม่เคยได้ยินแม้แต่คำเดียว
ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
น่าเศร้า?
เขาไม่เห็นจะน่าเศร้า ไม่น่าเศร้าแม้แต่นิดเดียว เขาอยู่ในร่างกายของเซียวเฉวียน หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเซียวเฉวียน วันเวลาที่ผ่านมามีความสุขสบายมากแค่ไหน
สำหรับผนึกจูเสินแล้ว เป็นการถอนตัวเองออกมาได้อย่างสำเร็จแล้ว
เมื่อคิดถึงชิงหลงว่าอาจจะเป็นเพราะผนึกจูเสินถูกทำลาย จึงรู้สึกผิดต่อผนึกจูเสินเป็นอย่างมาก เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะพูดปลอบว่า “ไม่ต้องคิดมาก โลกนี้มีเรื่องมากมาย ที่ไม่อาจกำหนดได้”
คนโบราณเชื่อในคำพูดเหล่านี้มากที่สุด เซียวเฉวียนจึงนำเอาคำพูดเหล่านี้มาพูด เพื่อทำให้ชิงหลงรู้สึกสบายใจขึ้น ไม่ต้องคิดเสียใจมากเรื่องที่ผนึกจูเสินถูกทำลายอีก
“เขาทำไปเพื่อปกป้องคุนหลุนทั้งหมดเอาไว้ ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ และถอนตัวออกมาได้อย่างสำเร็จยอดเยี่ยมแล้ว”
เขาอยู่ที่เกาะจูเสินมานานเป็นมากกว่าพันปี โดดเดี่ยวอย่างมาก เมื่อถูกทำลายแล้ว สำหรับเขาแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
ได้ยินดังนั้น ชิงหลงรู้สึกว่ามีเหตุผล เขาพูดขึ้นว่า “ก็ใช่ ทุกอย่างไม่อาจกำหนดได้”
เซียวเฉวียนพูดต่อว่า “เจี้ยนจงเคยพูดว่า ย่าเหยียนคนนี้ยากที่จะกำจัดให้สิ้นซากได้”
เพื่อไม่ให้ชิงหลงรู้ว่าผนึกจูเสินอยู่ภายในร่างกายของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนตั้งใจปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เอาคำพูดของผนึกจูเสิน เปลี่ยนว่าเป็นคำพูดของเจี้ยนจง
ร่างกายภายนอกของย่าเหยียนไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของนาง ถูกฆ่าไปแล้ว ย่าเหยียนก็สามารถหาร่างกายอื่นต่อไปได้อีก
ถ้าต้องการจะทำลายย่าเหยียนให้สิ้นซากจริงๆ มีทางเดียวก็คือต้องทำลายจิตวิญญาณของนางให้ดับสิ้นไปด้วย
ผนึกจูเสินไม่รู้ว่ามีวิธีอะไรที่สามารถทำได้อย่างนี้ ชิงหลงก็คงไม่อาจจะสามารถรู้ได้
แต่ว่า เซียวเฉวียนก็ยังต้องลองถามดูซักหน่อย ไม่แน่ว่าชิงหลงอาจจะรู้ก็ได้
เซียวเฉวียนพูดว่า “ไม่ทราบว่าใต้เท้าชิงหลงพอจะมีวิธีบ้างไหม?”
ชิงหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดว่า “เพลิงชุ้ยเจี้ยนเป็นเหมือนดาวมฤตยูของคนคุนหลุน ใช้มันมาต่อต้านกับย่าเหยียน น่าจะสามารถทำให้จิตวิญญาณของนางให้ดับสิ้นไปได้”
เซียวเฉวียนพูดไม่ออกไปช่วงหนึ่ง
ทำไมเขาจะคิดวิธีนี้ไม่ได้ เพียงแต่เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยนถูกเซียวเฉวียนดับไปแล้ว แล้วจะเอาเพลิงชุ้ยเจี้ยนมาจากไหนอีก
และพูดอีกอย่าง เพลิงชุ้ยเจี้ยนไม่เพียงเป็นแค่ดาวมฤตยูของคนคุนหลุนเท่านั้น และยังเป็นดาวมฤตยูของคนต้าเว่ยด้วย
เซียวเฉวียนก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้
นอกจาก อาจจะมีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ใช่คนคุนหลุน และไม่ใช่คนคุนหลุนที่จะช่วยพวกเขาต่อต้านย่าเหยียนได้
แต่นอกจากเซียวเฉวียนกับหมิงชิวแล้ว ที่จะเป็นคนสามารถต่อต้านกับย่าเหยียนได้ ก็คงไม่มีใครอีกแล้ว คนๆนั้นไม่มีอยู่จริง
และอีกอย่าง ถึงแม้จะมีคนๆนั้นอยู่จริง ก็ต้องมีเพลิงชุ้ยเจี้ยนด้วยถึงจะสามารถทำได้
ความตั้งใจนี้ก็ไม่สามารถทำได้
ชิงหลงกลับไม่เห็นด้วย เขาพูดว่า “ใต้เท้าเซียวท่านบอกว่า เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงของเพลิงชุ้ยเจี้ยน เป็นสิ่งที่ย่าเหยียนนำมาจากหุบเขาน้ำแข็งของซินเจียง”
ไม่แน่ว่าอาจจะมีเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาน้ำแข็ง ย่าเหยียนอาจจะเอาออกมาได้เพียงส่วนเดียว
หรือจะพูดได้ว่า ในหุบเขาน้ำแข็งอาจจะยังมีอยู่
ได้ยินดังนั้น เซียวเฉวียนก็ครุ่งนคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดว่า “ก็อาจจะมีความเป็นไปได้”
แต่ปัญหาคือ หุบเขาน้ำแข็งอยู่ที่ไหน ใครจะรู้?
ในตอนนั้นเซียวเฉวียนได้ยินเรื่องหุบเขาน้ำแข็งมาจากผนึกจูเสิน ส่วนว่าหุบเขาน้ำแข็งอยู่ที่ไหน ผนึกจูเสินไม่ได้พูดถึง
คิดว่าผนึกจูเสินก็ไม่รู้เช่นกัน ดังนั้นเขาถึงไม่พูดเรื่องที่จะใช้เพลิงชุ้ยเจี้ยนมาจัดการย่าเหยียน
ผนึกจูเสินเป็นผนึกที่อยู่มาเป็นพันๆปี เรื่องที่เซียวเฉวียนและชิงหลงคิดได้ แน่นอนว่าเขาก็คิดได้เช่นกัน
แต่เขากลับไม่พูดถึง แสดงว่าเรื่องนี้ไม่สามารถทำได้
บางทีหุบเขาน้ำแข็งอาจจะมีเพลิงชุ้ยเจี้ยนอยู่ แต่ผนึกจูเสินไม่แน่ใจว่าสถานที่อยู่ที่ไหน
ก็เหมือนกับที่ตอนแรกเขารู้ว่าลูกปัดน้ำแข็งสามารถทำให้เพลิงชุ้ยเจี้ยนดับลงได้ แต่ไม่รู้ว่าหุบเขาน้ำแข็งอยู่ที่ไหน และจะสามารถตามหาลูกปัดน้ำแข็งได้ที่ไหน
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียวเฉวียนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ บางทีองค์หญิงอาจจะรู้ว่าตำแหน่งของหุบเขาน้ำแข็งอยู่ที่ไหน
มู่จิ่นกับเสวียนอวี๋ไม่เหมือนกัน เสวียนอวี๋ยังมีโอกาศที่จะหลบหนีได้
และสามารถทำได้สำเร็จมากกว่า
แต่มู่จิ่นทำไม่ได้ เขาใช้สองขาวิ่งหนีแทบตาย ก็ไม่สามารถหลบหนีวิชาเคลื่อนย้ายวิญญาณของย่าเหยียนได้
เสี่ยงมาก เซียวเฉวียนไม่มีทางให้มู่จิ่นไปเสี่ยงอย่างนั้นได้
เซียวเฉวียนไม่เห็นด้วย ชิงหลงจึงไม่พูดเรื่องนี้อีก
และอีกอย่าง จะสามารถตามหาหุบเขาน้ำแข็งได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน และไม่สามารถเร่งรีบได้
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการตามหาที่ตั้งของกองทัพ
ในเวลานี้ เซียวหมิงชิวพูดจาเสียงน่ารักว่า “ท่านพ่อ ท่านกับลุงชิงหลงต้องการตามหาหุบเขาน้ำแข็ง ต้องการเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงที่อยู่ในหุบเขาน้ำแข็ง และย่าเหยียนเป็นคนที่รู้ว่าหุบเขาน้ำแข็งอยู่ที่ไหน นางก็คิดที่จะใช้เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงกำจัดพวกเราด้วยหรือไม่?”
ครั้งนี้นางโดนเซียวเฉวียนทำร้ายจนบาดเจ็บและหลบหนีไป รู้ว่าใช้มือเปล่าไม่มีทางต่อสู้ชนะเซียวเฉวียนได้ แต่ยังไม่อยากเสียเวลาเพื่อที่จะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น หรือว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้เซียวเฉวียนได้มีเวลาที่จะสามารถพัฒนาความสามารถต่อไป และคิดใช้ทางลัด เอาเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงมาใช้กำจัดเซียวเฉวียน
สำหรับคนอย่างย่าเหยียน ถ้านางจะทำอย่างนั้นก็ไม่แปลกแม้แต่นิดดียว
ได้ยินดังนั้น เซียวเฉวียนและชิงหลงก็คิดว่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก
แต่พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหุบเขาน้ำแข็งเลย แม้แต่อยู่ทางทิศไหนเหนือใต้ออกตกก็ยังไม่รู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปหาได้ยังไง
ถึงแม้ว่าย่าเหยียนจะตั้งใจใช้เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงจากหุบเขาน้ำแข็งจริงๆ เซียวเฉวียนและชิงหลงก็ไม่สามารถยับยั้งอะไรได้
พวกเขามาถึงทะเลทรายแล้ว ไม่สามารถกลับไปโดยไม่มีผลงานอะไรได้
เซียวเฉวียนก็จะเล่นไปตามแผนการที่นางวางไว้
ถ้าย่าเหยียนคิดจะใช้เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงจริงๆ นางจะต้องมาหาเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน หรือไม่ก็หาสถานที่ใดที่หนึ่งปล่อยเพลิงออกมาเพื่อดึงดูดให้เซียวเฉวียนออกมา
เมื่อถึงตอนนั้น เซียวเฉวียนก็อาจจะได้รับเพลิงชุ้ยเจี้ยน?
และเซียวเฉวียนคิดว่าถ้าย่าเหยียนไม่หมดสิ้นหนทางจริงๆ นางก็คงจะไม่ไปหาเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิง
เซียวเฉวียนยังไม่ทันได้พูดสามเหตุออกไป ชิงหลงก็เห็นด้วยกับความคิดของเซียวเฉวียน และพูดว่า “จริง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...