สรุปตอน บทที่ 2075 คนคมในฝัก – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 2075 คนคมในฝัก ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ความหมายโดยนัยของเซียวเฉวียนก็คือ เจ้าคิดว่าตนเองสมควรที่จะโผล่หน้ากลับไปที่ภูเขาคุนหลุนหน่อยหรือไม่?
ทั้งนี้ หากว่าเหล่าผู้อาวุโสเห็นว่าชิงหลงหายตัวไปนั้น พวกเขาย่อมคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน
ในสายตาของพวกเขาแล้วนั้น มีเพียงเซียวเฉวียนผู้เดียวที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้
ฉะนั้นแล้ว ไม่แน่ว่าเหล่าผู้อาวุโสอาจจะส่งคนมาที่จวนตระกูลเซียวในเมืองหลวง เพื่อค้นหาตัวของชิงหลงก็เป็นได้
หากยังมิเจอตัว เหล่าผู้อาวุโสคงได้กระจายตัวออกตามหาแน่นอน
ในคราก่อน พวกเขาหลอกล่อชิงหลงให้กลับไปที่ภูเขาคุนหลุนได้นั้น ก็เพื่อตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างชิงหลงและเซียวเฉวียน
พวกเขาทั้งปกป้องและเข้มงวดต่อชิงหลงยิ่งนัก ทำให้ชิงหลงมิสามารถออกจากภูเขาคุนหลุนมาได้ ทว่า แท้จริงแล้ว ชิงหลงยังคงหลบหนีออกมาหาด้วยท่าทีหาได้รู้สึกรู้สาอันใดไม่
กลับกัน หากเซียวเฉวียนเป็นผู้อาวุโสคุนหลุนนั้น เขาเองก็อดมิได้ที่คิดว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียนเช่นกัน
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยนี้ให้พ้นตัว ทั้งยังป้องกันมิให้เหล่าผู้อาวุโสทำสิ่งใดเกินตัวนั้น เซียวเฉวียนยังคงรู้สึกว่า ชิงหลงควรจะกลับไปโผล่หน้าค่าตาของตนเองที่ภูเขาคุนหลุนเสียบ้าง
มิจำเป็นต้องแสดงตัวต่อหน้าของเหล่าผู้อาวุโสก็ได้ ขอเพียงแค่ให้ผู้คนบนภูเขาคุนหลุนได้เห็นร่างหน้าตาของชิงหลงผ่านไปผ่านมาแค่นั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิงหลงพลันรู้สึกว่าวิธีเช่นนี้ไม่เลว หากแต่เขารู้สึกว่าหาได้จำเป็นต้องทำเช่นนั้นไม่
เขารู้ดีว่าบรรดาผู้อาวุโสในเผ่านั้น หากพวกเขามิมั่นใจมากจริง ๆ พวกเขาย่อมมิกล้าลงมือก่อเรื่องอย่างแน่นอน
หากว่าอวิ๋นเฮ่อยังคงอยู่นั้น ก็เป็นเรื่องยากที่ชิงหลงจักมั่นใจได้
เมื่ออวิ๋นเฮ่อจากไปแล้วเช่นนี้ ชิงหลงมั่นใจมากถึงสิบส่วนว่า เหล่าผู้อาวุโสที่เหลือจักมิกล้าลงมือเกินกว่าเหตุอย่างแน่นอน
อย่างมาก พวกเขาเพียงแค่ลอบออกตามหาตัวชิงหลงเท่านั้น
หากพวกเขาหาตัวมิเจอจริง ๆ ไม่นานเหล่าผู้อาวุโสเหล่านั้นคงจักยอมแพ้ไปเอง
เช่นนี้ ชิงหลงจึงรู้สึกว่าเขาหาได้มีความจำเป็นต้องกลับไปไม่
หากว่าเขากลับไป เผอิญไปเจอเข้ากับเหล่าองครักษ์เงากับบรรดาผู้อาวุโสเข้าละก็ หากจะให้หนีออกมาอีกครั้งก็คงยากแล้ว
จากบทเรียนที่ตนเองเคยได้รับมานั้น หากชิงหลงตกไปอยู่ในกำมือพวกเขาอีกเมื่อใด เหล่าผู้อาวุโสย่อมจับตาดูชิงหลงเข้มงวดขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินชิงหลงเอ่ยออกมาเช่นนี้ เซียวเฉวียนพลันรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดก็ดูมีเหตุผลไม่น้อย เขาพลางเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า "เช่นนั้นก็แล้วแต่ใจเจ้าเลย"
ถึงอย่างไรเซียวเฉวียนก็ได้เอ่ยแนะนำว่าชิงหลงไปแล้ว หากเขามิคิดจะทำตามก็นับว่าเป็นเรื่องของเขาแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ชิงหลงนั่งอยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาทมานานหลายปี เขาคิดจักทำสิ่งใด ย่อมคิดประมาณตนเอาไว้มากพอสมควร เซียวเฉวียนหาได้จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือไม่
ในระหว่างทาง เซียวหมิงชิวเอาแต่นั่งฟังเซียวเฉวียนและชิงหลงอย่างเงียบ ๆ
เงียบเสียจนเซียวฉวนอดที่จะก้มหน้าลงมามองมิ ก่อนจะเอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "หมิงชิว?"
เซียวหมิงชิวพลันเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะจ้องมองเซียวเฉวียนด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย พลางเอ่ยถามว่า "มีอะไรหรือ ท่านพ่อ"
เมื่อได้ยินเสียงนางตอบกลับนั้น น้ำเสียงหรือสีหน้าของนางหาได้มีท่าทีผิดปกติอันใดไม่ก็ เซียวเฉวียนจึงได้วางใจลง
เขาพลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “มิเป็นอันใด พ่อเห็นว่าเจ้ามิเอ่ยอันใดออกมา จึงเรียกหาเท่านั้น”
ในระหว่างทางนั้น ท่าทีสงบเสงี่ยมของเซียวหมิงชิวมิน้อยนักที่จะได้เห็น
เซียวหมิงชิวพลันแย้มยิ้มกล่าวออกมาว่า "หมิงชิวสบายดีเจ้าค่ะ เพียงแค่ตั้งใจฟังท่านกับท่านลุงชิงหลงพูดคุยกันเท่านั้น"
มิได้กล่าวว่า ยามที่ผู้ใหญ่พูดคุยกันเด็ก ๆ ห้ามเอ่ยแทรกเข้าไปหรือ?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนจึงแย้มยิ้มบาง ก่อนจะกล่าวออกมาว่า "ใช่ หมิงชิวเก่งมาก"
บทสนทนาระหว่างบิดากับบุตรสาวนั้น ทำเอาชิงหลงเผลอหัวเราะออกมาในทันที ก่อนจักถอนหายใจออกมาว่า "ข้าละนึกอิจฉาเซียวเฉวียนจริงๆ ที่มีลูกสาวที่น่ารักน่าชังและเชื่อฟังคำสั่งเช่นนี้"
เมื่อเห็นชิงหลงหัวเราะออกมานั้น ทั้งเซียวเฉวียนและหมิงชิวต่างก็นึกสงสัยว่าชิงหลงหัวเราะอะไร
ทว่า พวกเขาทั้งสองหาได้คิดที่จะเอ่ยถามชิงหลงไม่ หากแต่ต้องการรู้ความในใจของชิงหลงแทน
ทว่า พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ไม่สามารถความในใจของชิงหลงได้เลยแม้แต่น้อย
น่าสงสัยยิ่งนัก ในคราก่อนเซียวเฉวียนยังสามารถอ่านใจของเขาได้อยู่เลย
เมื่อสัมผัสได้ถึงนัยน์ตาของเซียวเฉวียนที่ฉายแววประหลาดใจออกมา ชิงหลงพลันอดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยว่า "ใต้เท้าเซียว เป็นอะไรไปหรือ?"
เขาย่อมมิอาจบอกกับชิงหลงได้ว่า เหตุใดตนเองถึงมิอาจอ่านใจของเขาได้ เป็นเพราะวรยุทธ์ของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นงั้นหรือ?
นี่มิใช่เป็นการเอ่ยปากบอกชิงหลงไปตามตรงหรืออย่างไร ว่าเซียวเฉวียนแอบอ่านความในใจของเขาอยู่
ภายในใจของชิงหลง ความรู้สึกที่เขารักในราษฎรของตนเองหาได้สำคัญทำกับเซียวเฉวียนไม่?
เช่นนั้นเซียวเฉวียนได้แต่รู้สึกขอบคุณชิงหลงมากจริงๆ ทว่า ในภายภาคหน้าเขาอย่าทำเช่นนี้จักดีกว่า
นับว่าสร้างแรงกดดันให้กับเซียวเฉวียนมากนัก
ในใต้หล้า สิ่งที่ยากจะคืนให้ที่สุดก็คือบุญคุณที่ต้องทดแทน
ทว่า ชิงหลงหาได้มีท่าทีใส่ใจกับเรื่องนี้ไม่ เขาพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีมุ่งมั่นว่า "ใต้เท้าเซียวทำลายผนึกจูเสินจนแตก เผาไหม้เมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงจนสูญสิ้น นับว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวคุนหลุนแล้ว"
ชิงหลงพลันรู้สึกว่า ไม่ว่าตนเองจักลงมือทำไปมากเท่าใด ก็ไม่อาจตอบแทนบุญคุณมากมายที่เซียวเฉวียนได้ทำลงไปได้
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ออกมา เซียวเฉวียนอดมิได้ที่จะรู้สึกผิดไปในทันที ผนึกจูสินหาได้ถูกทำลายไปไม่ ทว่า เรื่องนี้เซียวเฉวียนมิอาจกล่าวออกมาได้
เซียวเฉวียนได้แต่กล่าวออกมาด้วยใบหน้านิ่งสงบว่า "เรื่องนี้หาได้ลำบากอันใดไม่"
แท้จริงแล้ว ไม่ว่าเซียวเฉวียนจักทำลายผนึกจูเสินหรือทำลายเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงลงไป ทว่า จุดมุ่งหมายที่ลงมือทำไปนั้นหาใช่เพื่อชาวคุนหลุนไม่ แต่เป็นเพราะทาสคุนหลุนและชาวต้าเว่ยต่างหาก
เพียงแค่ชาวคุนหลุนได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เท่านั้น
ผู้คนในคุนหลุนนั้น เซียวเฉวียนเดาว่ามีเพียงชิงหลงคนเดียวกระมัง ที่นึกขอบคุณเซียวเฉวียนที่ได้ทำลายผนึกจูเสินหรือทำลายเมล็ดพันธุ์แห่งเพลิงลงไปเช่นนี้
บรรดาเหล่าผู้อาวุโสภายในเผ่าย่อมรู้สึกว่า หากว่าพวกเขาชาวคุนหลุนมิได้เอ่ยร้องขอ หรือเอ่ยข้อตกลงเอ่ยคำสาบานออกมา เซียวเฉวียนย่อมคิดทำลายผนึกอยู่ดี
กลับกัน เหล่าผู้อาวุโสยังคิดว่าเซียวเฉวียนร้ายกาจยิ่งนัก ทั้งยังฉวยโอกาสใช้เหตุการณ์นี้ เพื่อให้ชิงหลงเอ่ยคำสาบานตนว่าจะไม่ยกทัพไปโจมตีต้าเว่ยอีกเป็นอันขาด
ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสจึงเกลียดชังเซียวเฉวียนยิ่งนัก
แท้จริงแล้ว หากว่าเซียวเฉวียนเป็นผู้อาวุโสของคุนหลุน เขาเองก็คงจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน
หากเขาเป็นผู้อาวุโสแล้วละก็ เขาหาได้รู้สึกขอบคุณเซียวเฉวียนที่เป็นผู้ทำลายผนึกไม่ อีกทั้งเซียวเฉวียนทำลายผนึกจูเสินไป ก็หาได้เพื่อเทือกเขาคุนหลุน เขาย่อมมีเป้าหมายอื่นอย่างแน่นอน เซียวเฉวียนเพียงทำเพื่อตนเองและต้าเว่ยเท่านั้น
มีเพียงชิงหลงผู้เดียวที่เอาแต่ให้ความสำคัญกับน้ำใจไมตรีและศีลธรรมนี้
หากว่ากันตามตรงแล้ว ในฐานะองค์รัชทายาทแห่งแว่นแคว้น กษัตริย์ในอนาคตของประเทศชาติ หากว่าให้ความสำคัญกับน้ำใจไมตรีและศีลธรรมมากไปนั้น หากใช่เรื่องที่ดีไม่
ว่ากันตามตรงแล้ว ความคิดของชิงหลงยังคงเรียบง่ายและไร้เดียงสาอยู่มาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...