อ่านสรุป บทที่ 2076 จักเป็นไปได้อย่างไร จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 2076 จักเป็นไปได้อย่างไร คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หากว่ากันตามตรง บุคคลเช่นนี้มักจะถูกผู้อื่นหลอกใช้ได้ง่ายดายนัก
ชิงหลงที่ชื่นชมและให้ความเคารพเซียวเฉวียนมากถึงเพียงนี้ หากว่าเซียวเฉวียนเป็นพวกโลภในอำนาจแล้วละก็ เซียวเฉวียนคงใช้ประโยชน์จากชิงหลงไปนานแล้ว
นับว่าโชคดีที่เซียวเฉวียนหาใช่บุคคลที่หลงและโลภในอำนาจของตนเองไม่
ผู้มีอำนาจเช่นชิงหลง ที่มีใจคิดถึงเหล่าราษฎรมากมายเช่นนี้ ในสายตาของประชาชนแล้วนั้น ชิงหลงนับว่าทำหน้าที่องค์รัชทายาทได้ดีเลยทีเดียว
หากว่าชิงหลงต้องไปสู้กับเหล่าขุนนางภายในที่มากเล่ห์นั้น เขาย่อมมิอาจต่อกรกับกลุ่มคนเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน
นับว่าเป็นโชคดีที่เหล่าผู้อาวุโสภายในเผ่ายังคงยืนหยัดเคียงข้างชิงหลงอยู่ ทั้งหาได้มีเจตนาที่จะแย่งชิงบัลลังก์ของชิงหลงไม่
หากว่าเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าล้วนเป็นเสมือนกับขุนนางกบฏและทรยศแว่นแคว้นเช่นเว่ยเชียนชิวละก็ เทือกเขาคุนหลุนคงได้ตกไปอยู่ในกำมือของพวกเขาไปนานแล้ว
นี่คงเป็นดั่งคำกล่าวที่ว่า เหรียญมักจะมีสองด้านเสมอกระมัง
หากว่าคนเช่นชิงหลงใช้อำนาจของตนเองอย่างมิชอบแล้วไซร้ ยอมที่จักสละฐานะมกุฎราชกุมารเพื่อช่วยให้เหล่าราษฎรรอดพ้นความบอบช้ำทางจิตใจจากสงคราม
หากบุคคลที่มีลักษณะนิสัยเช่นนี้สามารถอยู่ห่างจากวงโคจรของอำนาจได้แล้วไซร้ เขาย่อมพบเจอแต่ความสุขอย่างแน่นอน
มิว่าพวกเขาจักไปที่ใด ย่อมมีชีวิตที่ดีได้แน่
บุคคลที่จิตใจกว้างขวาง ย่อมมิมีความกังวลเกิดขึ้นในจิตใจของเขา ทั้งยังทำให้คนผู้นั้นอารมณ์ดีอีกด้วย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอย่างแน่นอน
ในใต้หล้านั้น นับว่าเป็นเรื่องยากที่มนุษย์เราจักสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้
นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีใครสักคนหนึ่งมาเชื่อใจเราเช่นกัน ฉะนั้นแล้ว เซียวเฉวียนจึงรู้สึกขอบคุณชิงหลงจากใจจริงที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจเช่นนี้
โดยเฉพาะชิงหลงที่มีสถานะสูงส่งเช่นมกุฎราชกุมารของคุนหลุน ทว่า ชิงหลงหาได้เคยแสดงท่าทีอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าเซียวเฉวียนไม่ ทั้งยังมิเคยดูถูกเหยียดหยามเซียวเฉวียนเลยสักครั้ง นับว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง
ในยามนี้ ชิงหลงยังพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเอง เพียงเพื่อต้องการช่วยเหลือเซียวเฉวียนอีก เช่นนี้จักมิให้เซียวเฉวียนนึกทราบซึ้งใจได้อย่างไร?
เซียวเฉวียนพลางมองดูชิงหลงด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกายไปในทันที ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า "ชิงหลง ทั้งท่านและข้าจุดยืนหาได้เหมือนกันไม่ ท่านมิกลัวหรือว่า สักวันหนึ่งพวกเราจักต้องหันหน้ามาห้ำหั่นกันเอง?"
ข้าสมควรที่จักได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากท่านจริง ๆ หรือ ท่านเคยนึกลังเลบ้างหรือไม่?
ชิงหลงพลันฉีกยิ้มกว้างออกมาในทันที "ข้าเชื่อในสายตาของตัวเอง"
ท่าทีมั่นใจยิ่งนัก
หากว่ากันตามจริง นับว่าสายตาท่านเฉียบคมไม่น้อย ในเมื่อชิงหลงให้ความไว้วางใจทั้งยังเชื่อใจเซียวเฉวียนมากเช่นนี้ เซียวเฉวียนมิมีวันทำลายความเชื่อใจของเขาอย่างแน่นอน
ชิงหลงจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า "จนถึงตอนนี้ ความแข็งแกร่งของข้าได้พัฒนาเพิ่มขึ้นมามากแล้ว"
ในยามที่ชิงหลงถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในภูเขาคุนหลุนนั้น ขอแต่มีเวลาว่างชิงหลงมักจะเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์ของตนเองมาโดยตลอด
ชิงหลงพลางเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีภาคภูมิใจว่า "ข้าได้ยินมาว่า ใต้เท้าเซียวมีความสามารถในการฟังความในใจผู้คน ท่านลองฟังความในใจของข้าได้หรือไม่?"
เซียวเฉวียนแสร้งทำเป็นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า "ไม่ได้"
มุมปากของชิงหลงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นเช่นนั้น เซียวเฉวียนจึงกล่าวขึ้นมาว่า "ท่านไปฝึกฝนวิชาปิดกั้นใจมางั้นหรือ?"
ถึงอย่างไรย่าเหยียนก็เป็นถึงผู้ก่อตั้งสำนักหมิงเซียน เหล่าสำนักวิชาภายในสำนักหมิงเซียนนั้นล้วนแต่เป็นย่าเหยียนที่เป็นผู้ถ่ายทอดออกมาทั้งหมด นั่นก็หมายความว่าหากสำนักหมิงเซียนมีวิชาที่ปิดกั้นความในใจของตนเองนั้น เทือกเขาคุนหลุนก็ย่อมมีเช่นกัน
หากว่าชิงหลงมิต้องการให้เซียวเฉวียนได้ยินความในใจของตนเองนั้น ด้วยวิธีที่ง่ายดายและว่องไวย่อมคือการฝึกฝนวิชาปิดกั้นใจของตนเอง
ทว่า ชิงหลงกลับเอ่ยปฏิเสธออกมา "มิใช่"
แท้จริงแล้ว ชิงหลงหาได้ฝึกฝนวิชาปิดกั้นใจไม่ เขาเพียงแค่ฝึกฝนวรยุทธ์ของตนเองให้ก้าวหน้าขึ้นเท่านั้น
ทว่า มันเป็นไปได้หรือ
หากเอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นหมายความว่าวรยุทธ์ของชิงหลงแข็งแกร่งเช่นนั้นหรือ แต่ก็มิอาจจะแข็งแกร่งมากกว่าเจี้ยนจงไปได้
ทว่า เหตุใดเซียวเฉวียนถึงได้ยินความในใจของเจี้ยนจง แต่มิได้ยินของชิงหลงเล่า?
หากว่ามิได้ตั้งใจฝึกวิชาปิดกั้นหัวใจจริง ๆ แม้ว่าชิงหลงไม่ต้องการให้เซียวเฉวียนและเซียวหมิงชิวได้ยินความในใจของเขานั้น เช่นนั้นแล้ววรยุทธ์ของชิงหลงย่อมต้องพอ ๆ กับเซียวเฉวียนสิ
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
ฉะนั้นแล้ว เซียวเฉวียนพลันรู้สึกในตัวของชิงหลงต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน
เฉกเช่นมู่จิ่นนั้น เขาผู้ที่มิได้ฝึกวรยุทธ์ หากแต่ตนเองกลับฝึกฝนวิชาปิดกั้นอ่านใจไปด้วยนั้น ยังใช้เวลาถึงสิบสองปีในการฝึกฝนวิชานี้
นั่นหมายความว่า เขาที่อายุอานามเพียงไม่กี่ขวบก็เริ่มฝึกฝนตนเองแล้ว
หากว่าใช้เวลาสิบสองปีมาฝึกฝนวรยุทธ์รวมไปถึงพลังแห่งการนึกคิดไปด้วยนั้น มิอาจกล่าวได้ว่า สามารถอยู่ยงคงกระพันในใต้หล้านี้ได้ แต่อย่างน้อยความสามารถที่มีก็สามารถขึ้นเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ได้เช่นกัน
เขาที่ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย
หมิงเจ๋อในครานั้นยังกล่าวเอาไว้ว่า ยามที่เขาพยายามฝึกฝนวิชาปิดกั้นอ่านใจแทบ ก็ยังทำได้เพียงหลบหลีกการอ่านใจของเซียวเฉวียนที่มิได้มีพละกำลังแข็งแกร่งไปได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น
ทว่า เมื่อวรยุทธ์และพละกำลังของเซียวเฉวียนแข็งแกร่งขึ้น เสียงภายในใจของหมิงเจ๋อก็มิอาจปิดบังเซียวเฉวียนได้อีกต่อไป
เมื่อฝึกฝนมิมากพอ ยามอยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงทุกอย่างย่อมไร้ประโยชน์ไปทั้งหมด
ฉะนั้นและวิชาปิดกั้นอ่านใจทั้งสองวิธีนั้น มิอาจกล่าวได้ว่าวิธีการใดที่ดีกว่ากัน เนื่องจากทั้งสองวิธีนั้นต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนจึงเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
เซียวเฉวียนเข้าใจแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนจึงได้สติกลับมาก่อนจะตอบกลับไปว่า "หากเป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่าพลังแห่งความนึกคิดของเจี้ยนจงก็มิอาจเทียบเท่าชิงหลงได้งั้นหรือ?"
หากใช่ว่าเซียวเฉวียนดูเบาชิงหลงไม่ หากว่ากันตามจริงแล้ว ความสามารถและความแข็งแกร่งของเจี้ยนจงนั้น ถึงแม้จักไม่เทียบเท่าเซียวเฉวียนและย่าเหยียน แต่เจี้ยนจงก็ถือว่ามีความสามารถแข็งแกร่งไม่แพ้กัน
หากนำชิงหลงมาเปรียบเทียบกันแล้วนั้น นับว่ายังห่างชั้นกันอยู่ค่อนข้างมาก
หากเป็นเช่นนี้ นั่นหมายความว่าพลังแห่งความนึกคิดของชิงหลงแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าของเจี้ยนจงอีกหรือ?
มันดูเป็นไปได้ยาก?
ทว่า ผนึกจูเสินกล่าวกับเซียวเฉวียนด้วยความมั่นใจว่า "มิผิด พลังแห่งความนึกคิดของเจี้ยนจงนั้นหาได้แข็งแกร่งเท่าชิงหลงไม่"
เซียวเฉวียนรู้สึกสับสนยิ่งนัก เจี้ยนจงที่เป็นถึงบรรพบุรุษที่มีอายุนับพันปี ความแข็งแกร่งย่อมต้องเหนือชั้นกว่าคนธรรมดาทั่วไปมิใช่หรือ พลังแห่งความนึกคิดเหตุได้ถึงไม่อาจสู้ลูกหลานที่เกิดทีหลังตนเองมานับพันปีไปได้เล่า?
เซียวเฉวียนเอ่ยถามด้วยความสับสนออกมา “จักเป็นไปได้อย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...