บทที่ 2077 ฝืนใจผู้อื่น – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 2077 ฝืนใจผู้อื่น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ผนึกจูเสินพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า "ง่ายมาก"
หลายพันปีก่อน ชาวคุนหลุนนับว่าเป็นกลุ่มประชากรผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นในใต้หล้า
ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง ความสามารถ ความแข็งแกร่ง กล้าหาญ ในการรบราต่อสู้นั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้าเลยก็ว่าได้
ในยามนั้น เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ หาได้กล้าเข้ามารุกรานพวกเขาไม่
แม้แต่พละกำลังความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ นั้น ก็ยังมิอาจเทียบเคียงกับชาวคุนหลุนได้
แม้แต่ในยามนี้ ทุกอย่างก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
ในยามที่เซียวเฉวียนยังมิได้มีความสามารถเป็นที่โดดเด่น ไม่ว่าเว่ยเชียนชิวจักแข็งแกร่งมากเพียงใด เขาก็ยังมิกล้ามาวอแวกับชาวคุนหลุนเสียด้วยซ้ำ
ความแข็งแกร่งของเว่ยเชียนชิวนั้น เมื่อนำมาเทียบกันกับเหล่าผู้อาวุโสภายในของชิงหลงแล้ว หาได้อยู่ชั้นเดียวกันไม่
ฉะนั้นแล้ว แม้ว่าเผ่าคุนหลุนจะติดอยู่ในเทือกเขาคุนหลุนเป็นเวลานานนับหลายพันปี ทั้งยังสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบันเช่นนี้
นั่นจึงเป็นเพราะชาวคุนหลุนเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่แข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
ในเมื่อจนเองมีความสามารถเหนือผู้คนในใต้หล้านั้น ชาวคุนหลุนหาได้รู้สึกเกรงกลัวสิ่งใดไม่
แม้ในยามนั้น ภายในเผ่าคุนหลุนจักมีวิชาอาคมของตนเองมากมายเพียงใด ทว่า พวกเขากลับมินึกใฝ่เรียนใฝ่รู้มากนัก
เฉกเช่นพลังแห่งความนึกคิดเช่นนี้ พวกเขาหาได้รู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องฝึกฝนมันไม่
ในสายตาของพวกเขาแล้วนั้น ความสามารถและความแข็งแกร่งที่พวกเขาได้ครอบครองอยู่ก็สามารถทำให้พวกเขาสามารถอยู่ยงคงกระพันได้แล้ว เหตุใดพวกเขาต้องเสียเวลาทั้งกายและใจไปฝึกฝนกับสิ่งที่ชั่วชีวิตของพวกเขาอาจจะมิจำเป็นต้องใช้มันด้วยเล่า?
มนุษย์เราก็เป็นเช่นนี้ ในยามที่เจี้ยนจงเป็นเพียงดาบนั้น เขาเองก็หาได้มีใจนึกคิดที่จะไปฝึกฝนพลังแห่งความนึกคิดเช่นกัน
ทว่า หลังจากที่เทือกเขาคุนหลุนพบกับหายนะ จนทำให้เจี้ยนจงต้องสลายร่างของตนเองจนต้องหลับใหลไปนานนับพันปี ทำเอาเขาต้องเสียเวลาไปนับพันปีเช่นกัน จนทำให้ความสามารถและพลังกำลังของเจี้ยนจงต้องหยุดลงเพียงเท่านั้น
ชิงหลงที่เป็นทายาทลูกหลานของชาวคุนหลุนที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติมาได้นั้น ในฐานะที่ชิงหลงเป็นองค์รัชทายาทแห่งคุนหลุน เขาจำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบอันหนักหน่วง ในการปลดปล่อยชาวคุนหลุนออกจากสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายนี้ไปให้ได้
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ชิงหลงจำเป็นต้องฝึกฝนความสามารถและความแข็งแกร่งของตนเองต่อไป ภายใต้การสอนสั่งและการอบรมชี้แนะของเหล่าผู้อาวุโสภายในเผ่า ชิงหลงพยายามเป็นอย่างมากที่จะพัฒนาวรยุทธ์ของตนเอง สิ่งใดวิชาใดที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาในภายภาคหน้านั้น เขาล้วนแต่ร่ำเรียนมันทั้งหมด
หากกล่าวออกมาเช่นนี้แล้ว นับว่าชิงหลงเป็นปุถุชนคนรุ่นหลังที่บรรพชนเช่นผนึกจูเสินนึกภาคภูมิใจเขาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ผนึกจูเสินจักเอ่ยออกมาด้วยท่าทีภาคภูมิใจว่า "ฉะนั้นแล้ว แม้ว่าความสามารถของชิงหลงจักมิได้ดีเท่าเจี้ยนจง หากแต่พลังแห่งความนึกคิดของเขากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจี้ยนจงเสียอีก"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนพลันเข้าใจได้ในทันที ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้"
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนนิ่งเงียบไปนาน ชิงหลงจึงเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยว่า "ใต้เท้าเซียว เป็นอะไรไปหรือ?"
เซียวเฉวียนดึงสติของตนเองกลับมาในทันที พลางเงยหน้าขึ้นมองชิงหลงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า "มิมีอันใด ไปกันเถอะ"
หลังจากที่พวกเขาทั้งสามเดินต่อไปได้ประมาณครึ่งก้านธูปนั้น พลันเห็นกิเลนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในทันที
เมื่อกิเลนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านหลังนั้น มันจึงหันไปมองตามสัญชาตญาณของตนเองในทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเซียวเฉวียนและคนอื่นๆ นั้น มันจึงลดท่าทีหวาดระแวงลง ก่อนจะหันกายเดินเข้าไปหา
พร้อมทั้งเดินตามหลังเซียวเฉวียนไปด้วยท่าทีเชื่อฟัง
เซียวเฉวียนจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “พบเจอสิ่งใดหรือไม่?”
กิเลนส่ายหัวไปมาเล็กน้อย
ระหว่างทางนั้น หาได้มีร่างมนุษย์สักตนไม่
ในขณะเดียวกัน พระอาทิตย์ก็ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มทีแล้ว
ยามราตรีค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ
เซียวเฉวียนพลันเหลือบมองขอบฟ้าด้วยท่าทีเฉยเมย พร้อมทั้งกวาดสายตาสังเกตสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าของตนเอง
ทะเลทรายรอบด้านที่มิอาจเห็นจุดสิ้นสุด คืนนี้พวกเขาคงจักต้องค้างกันอยู่ที่นี่แล้วกระมัง
ต้องฉวยโอกาสที่พระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้าไปนั้น เซียวเฉวียนแนะนำให้หาที่พักค้างอ้างแรมใกล้ ๆ
ชิงหลงที่กวาดสายตามองดูรอบ ๆ แล้วนั้น พลางกล่าวออกมาว่า "พวกเราคงต้องมองหาว่า ที่ใกล้ ๆ นี้มีแหล่งน้ำหรือไม่"
ข้าวคงมิอาจกินได้ ทว่า หากให้ย่างของกินนั้นยังคงพอหาได้บ้าง
เพียงแค่จำเป็นต้องใช้น้ำ
เซียวเฉวียนเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยสั่งการออกมาว่า "กิเลน เจ้าลองไปตามน้ำมาเสีย"
ในขณะเดียวกัน บนฟ้าพลันปรากฏฝูงห่านป่ากลุ่มใหญ่บินมาพอดี ชิงหลงมิรอช้า พลันคว้าทรายขึ้นมากำปั้นหนึ่งก่อนจะสาดใส่พวกมันในทันที
"ก๊า!"
"ก๊า!"
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมาได้ไม่นาน ห่านป่าทั้งสี่พลันกระพือปีกก่อนจะตกลงมาในทะเลทรายในทันที
นัยน์ตาของเซียวหมิงชิวพลันเป็นประกายขึ้นมาในทันที ก่อนจะกล่าวว่า "เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ ท่านลุงชิงหลงใจดียิ่งนัก"
เมื่อพูดจบ เซียวหมิงชิวพลางหันไปเหลือบมองเซียวเฉวียนด้วยท่าทีได้ใจ เสมือนกับจะเอ่ยกับเซียวเฉวียนว่า ท่านเห็นหรือไม่ ชิงหลงใจดีกับข้าเพียงใด
เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา "ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าไปเถอะ ไปหาดูด้วยว่าคืนนี้พวกเราจักไปพักแรมกันที่ใดดี "
อุณหภูมิในยามกลางวันและกลางคืนในทะเลทรายนั้นแตกต่างกันมากนัก ทั้งยังมีลมแรงอีก ถึงอย่างไรก็ต้องตามหาสถานที่ที่พอจะบังลมได้
ชิงหลงตอบรับ "อื้ม"
พูดจบ ชิงหลงจึงพาเซียวหมิงชิวออกไปหาฟืนในทันที เหลือเพียงเซียวเฉวียนที่เก็บห่านป่าอยู่ข้างหลังเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าคืนนี้จักมีเนื้อย่างกินนั้น ผนึกจูเสินพลันมีท่าทีอารมณ์ดียิ่งนัก เขาเอ่ยขึ้นมาว่า"เซียวเฉวียน ทางที่ดีข้าว่าเจ้าลองล่าสัตว์เพิ่มจักดีกว่า"
มีทั้งหมดสามคนและสัตว์สงครามอีกหนึ่งตัว เซียวหมิงชิวยังเล็กนัก นางย่อมกินอะไรได้น้อย
ทว่า ทั้งเซียวเฉวียน ชิงหลงและกินเลนนั้นต่างก็พวกกินจุ เมื่อมีผนึกจูเสินครองร่างเช่นนี้ ความอยากอาหารของเซียวเฉวียนจึงมีมากกว่าคนทั่วไปเท่าตัวหนึ่ง
หากว่ากันตามตรงแล้ว ผนึกจูเสินรู้สึกว่าห่านสี่ตัว หาได้เพียงพอสำหรับผู้ใหญ่สองคนและสัตว์สงครามอีกหนึ่งตัวไม่
เซียวเฉวียนพลางพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมยว่า "มีชิงหลงอยู่เช่นนี้ ท่านบรรพชนก็อดทนเอาหน่อยเถอะ"
หากกินเยอะเกินไปต่อหน้าชิงหลงนั้น อาจจะทำให้เขานึกสงสัยเอาได้
ถึงแม้ว่าชิงหลงจักดูเป็นคนซื่อบื้อ ทว่า เขาหาใช่คนโง่ไม่
ไม่เพียงแต่ไม่โง่ เขายังฉลาดเป็นกรดอีกด้วย
อย่าได้คิดจะหลุดความลับออกมาต่อหน้าเขาเป็นอันขาดเชียว
แท้จริงแล้ว เซียวเฉวียนคร้านที่จะออกไปล่าสัตว์แล้ว
หลังจากที่ฝูงห่านตกใจแตกตื่นบินหนีไปแล้วนั้น บนท้องฟ้าหาได้มีสัตว์ตัวใดบินผ่านไปไม่
ยิ่งเป็นดินแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งเช่นนี้แล้ว แทบจะมิมีสัตว์ใดเลย
ต่อให้อยากล่า ก็มิอาจล่าได้
ผนึกจูเสินย่อมรู้ดีว่าเซียวเฉวียนกำลังคิดอะไรอยู่ เซียวเฉวียนขี้เกียจเช่นนี้หาได้เป็นเรื่องที่ผิดไม่ อีกทั้งการล่าสัตว์ในทะเลทรายที่แห้งแล้งเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นจริง ๆ อีกทั้ง สิ่งที่เซียวเฉวียนเอ่ยออกมา นับว่ามีเหตุผลเช่นกัน พวกเขามิอาจกินเยอะต่อชิงหลงได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...