ผนึกจูเสินพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า "ง่ายมาก"
หลายพันปีก่อน ชาวคุนหลุนนับว่าเป็นกลุ่มประชากรผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นในใต้หล้า
ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง ความสามารถ ความแข็งแกร่ง กล้าหาญ ในการรบราต่อสู้นั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้าเลยก็ว่าได้
ในยามนั้น เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ หาได้กล้าเข้ามารุกรานพวกเขาไม่
แม้แต่พละกำลังความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ นั้น ก็ยังมิอาจเทียบเคียงกับชาวคุนหลุนได้
แม้แต่ในยามนี้ ทุกอย่างก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
ในยามที่เซียวเฉวียนยังมิได้มีความสามารถเป็นที่โดดเด่น ไม่ว่าเว่ยเชียนชิวจักแข็งแกร่งมากเพียงใด เขาก็ยังมิกล้ามาวอแวกับชาวคุนหลุนเสียด้วยซ้ำ
ความแข็งแกร่งของเว่ยเชียนชิวนั้น เมื่อนำมาเทียบกันกับเหล่าผู้อาวุโสภายในของชิงหลงแล้ว หาได้อยู่ชั้นเดียวกันไม่
ฉะนั้นแล้ว แม้ว่าเผ่าคุนหลุนจะติดอยู่ในเทือกเขาคุนหลุนเป็นเวลานานนับหลายพันปี ทั้งยังสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบันเช่นนี้
นั่นจึงเป็นเพราะชาวคุนหลุนเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่แข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
ในเมื่อจนเองมีความสามารถเหนือผู้คนในใต้หล้านั้น ชาวคุนหลุนหาได้รู้สึกเกรงกลัวสิ่งใดไม่
แม้ในยามนั้น ภายในเผ่าคุนหลุนจักมีวิชาอาคมของตนเองมากมายเพียงใด ทว่า พวกเขากลับมินึกใฝ่เรียนใฝ่รู้มากนัก
เฉกเช่นพลังแห่งความนึกคิดเช่นนี้ พวกเขาหาได้รู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องฝึกฝนมันไม่
ในสายตาของพวกเขาแล้วนั้น ความสามารถและความแข็งแกร่งที่พวกเขาได้ครอบครองอยู่ก็สามารถทำให้พวกเขาสามารถอยู่ยงคงกระพันได้แล้ว เหตุใดพวกเขาต้องเสียเวลาทั้งกายและใจไปฝึกฝนกับสิ่งที่ชั่วชีวิตของพวกเขาอาจจะมิจำเป็นต้องใช้มันด้วยเล่า?
มนุษย์เราก็เป็นเช่นนี้ ในยามที่เจี้ยนจงเป็นเพียงดาบนั้น เขาเองก็หาได้มีใจนึกคิดที่จะไปฝึกฝนพลังแห่งความนึกคิดเช่นกัน
ทว่า หลังจากที่เทือกเขาคุนหลุนพบกับหายนะ จนทำให้เจี้ยนจงต้องสลายร่างของตนเองจนต้องหลับใหลไปนานนับพันปี ทำเอาเขาต้องเสียเวลาไปนับพันปีเช่นกัน จนทำให้ความสามารถและพลังกำลังของเจี้ยนจงต้องหยุดลงเพียงเท่านั้น
ชิงหลงที่เป็นทายาทลูกหลานของชาวคุนหลุนที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติมาได้นั้น ในฐานะที่ชิงหลงเป็นองค์รัชทายาทแห่งคุนหลุน เขาจำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบอันหนักหน่วง ในการปลดปล่อยชาวคุนหลุนออกจากสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายนี้ไปให้ได้
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ชิงหลงจำเป็นต้องฝึกฝนความสามารถและความแข็งแกร่งของตนเองต่อไป ภายใต้การสอนสั่งและการอบรมชี้แนะของเหล่าผู้อาวุโสภายในเผ่า ชิงหลงพยายามเป็นอย่างมากที่จะพัฒนาวรยุทธ์ของตนเอง สิ่งใดวิชาใดที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาในภายภาคหน้านั้น เขาล้วนแต่ร่ำเรียนมันทั้งหมด
หากกล่าวออกมาเช่นนี้แล้ว นับว่าชิงหลงเป็นปุถุชนคนรุ่นหลังที่บรรพชนเช่นผนึกจูเสินนึกภาคภูมิใจเขาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ผนึกจูเสินจักเอ่ยออกมาด้วยท่าทีภาคภูมิใจว่า "ฉะนั้นแล้ว แม้ว่าความสามารถของชิงหลงจักมิได้ดีเท่าเจี้ยนจง หากแต่พลังแห่งความนึกคิดของเขากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจี้ยนจงเสียอีก"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนพลันเข้าใจได้ในทันที ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้"
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนนิ่งเงียบไปนาน ชิงหลงจึงเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยว่า "ใต้เท้าเซียว เป็นอะไรไปหรือ?"
เซียวเฉวียนดึงสติของตนเองกลับมาในทันที พลางเงยหน้าขึ้นมองชิงหลงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า "มิมีอันใด ไปกันเถอะ"
หลังจากที่พวกเขาทั้งสามเดินต่อไปได้ประมาณครึ่งก้านธูปนั้น พลันเห็นกิเลนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในทันที
เมื่อกิเลนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านหลังนั้น มันจึงหันไปมองตามสัญชาตญาณของตนเองในทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเซียวเฉวียนและคนอื่นๆ นั้น มันจึงลดท่าทีหวาดระแวงลง ก่อนจะหันกายเดินเข้าไปหา
พร้อมทั้งเดินตามหลังเซียวเฉวียนไปด้วยท่าทีเชื่อฟัง
เซียวเฉวียนจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “พบเจอสิ่งใดหรือไม่?”
กิเลนส่ายหัวไปมาเล็กน้อย
ระหว่างทางนั้น หาได้มีร่างมนุษย์สักตนไม่
ในขณะเดียวกัน พระอาทิตย์ก็ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มทีแล้ว
ยามราตรีค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ
เซียวเฉวียนพลันเหลือบมองขอบฟ้าด้วยท่าทีเฉยเมย พร้อมทั้งกวาดสายตาสังเกตสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าของตนเอง
ทะเลทรายรอบด้านที่มิอาจเห็นจุดสิ้นสุด คืนนี้พวกเขาคงจักต้องค้างกันอยู่ที่นี่แล้วกระมัง
ต้องฉวยโอกาสที่พระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้าไปนั้น เซียวเฉวียนแนะนำให้หาที่พักค้างอ้างแรมใกล้ ๆ
ชิงหลงที่กวาดสายตามองดูรอบ ๆ แล้วนั้น พลางกล่าวออกมาว่า "พวกเราคงต้องมองหาว่า ที่ใกล้ ๆ นี้มีแหล่งน้ำหรือไม่"
ข้าวคงมิอาจกินได้ ทว่า หากให้ย่างของกินนั้นยังคงพอหาได้บ้าง
เพียงแค่จำเป็นต้องใช้น้ำ
เซียวเฉวียนเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยสั่งการออกมาว่า "กิเลน เจ้าลองไปตามน้ำมาเสีย"
ในขณะเดียวกัน บนฟ้าพลันปรากฏฝูงห่านป่ากลุ่มใหญ่บินมาพอดี ชิงหลงมิรอช้า พลันคว้าทรายขึ้นมากำปั้นหนึ่งก่อนจะสาดใส่พวกมันในทันที
"ก๊า!"
"ก๊า!"
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมาได้ไม่นาน ห่านป่าทั้งสี่พลันกระพือปีกก่อนจะตกลงมาในทะเลทรายในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...