ตอน บทที่ 2078 นึกละอายใจ จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 2078 นึกละอายใจ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ผนึกจูเสินที่เห็นเช่นนั้นจึงเข้าใจเป็นอย่างดี เขาจึงมิคิกที่จะขอร้องเซียวเฉวียนอีก เพียงแค่เอ่ยออกมาด้วยท่าทีเสียดายเล็กน้อยว่า "เจ้าพูดถูก"
ความหมายอีกอย่างหนึ่งก็คือ ฉันจักดูแลมันเอง เจ้าไม่ต้องกังวล
เมื่อผนึกจูเสินเอ่ยออกมาเช่นนี้นั้น เซียวเฉวียนย่อมรู้สึกโล่งใจออกมาอย่างแน่นอน
เซียวเฉวียนรู้ดีว่า ผนึกจูเสินมิต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าตนเองครอบครองร่างเซียวเฉวียนอยู่
ผนึกจูเสินสนใจความเป็นความตายมากกว่าตัวของเซียวเฉวียนเสียอีก
ถึงอย่างไรร่างกายอันยอดเยี่ยมที่หาได้ยากเย็นเช่นนี้ ผนึกจูเสินย่อมมิอยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเซียวเฉวียนอยู่แล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อเซียวเฉวียนมีผนึกจูเสินครอบครองร่างกายเช่นนี้ เซียวเฉวียนสามารถทำการใดได้บ้าระห่ำมากกว่าแต่ก่อน
หากถูกผนึกจูเสินครอบครองแล้วไซร้ นั่นหมายความว่าชีวิตของเขามีการปกป้องที่แข็งแกร่งคุ้มครองอยู่ ไม่ว่าจักเกิดปัญหาใดก็ตาม ทุกอย่างย่อมมิเป็นปัญหา
เมื่อผนึกจูเสินได้ยินความในใจของเซียวเฉวียนนั้น เขาอดมิได้ที่จักเอ่ยด่าทอออกมาว่า "เจ้าสารเลวนี่!"
ช่างมิมีควาเกรงกลัวเลย
โดยเฉพาะ หลังจากที่เซียวเฉวียนรอดพ้นจากเข็มพิษของย่าเหยียนมาได้อย่างหวุดหวิดนั้น ผนึกจูเสินพลันรู้สึกว่าเซียวเฉวียนดูบ้าบิ่นกว่าเดิมมานัก
วรยุทธ์ของตนเองเป็นเช่นไรก็ยังมิรู้ แต่กลับมีหน้าไปประจันบานกับย่าเหยียนเสียได้
ทว่า ถึงแม้ผนึกจูเสินจักเอ่ยว่าเซียวเฉวียนเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย แต่เขาก็นึกชอบนิสัยของเซียวเฉวียนที่เป็นเช่นนี้
เป็นดั่งที่เจี้ยนจงเคยเอ่ยไว้ในคราก่อนมิผิด เหล่าลูกหลานคนรุ่นหลังของพวกเขานั้นช่างกล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก
จะด่าก็ด่าไปเสีย ถึงอย่างไรเซียวเฉวียนก็จะมิลดกินเนื้อลงเพราะคำด่าของเขาหรอก
หลังจากที่เซียวเฉวียนหยิบห่านที่เหลืออยู่ขึ้นมาแล้วนั้น เขาก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ชิงหลงและเซียวหมิงชิวเดินไปในทันที เพื่อไปพบกับพวกเขา
ทว่า ชิงหลงและเซียวหมิงชิวเดินเร็วยิ่งนัก เซียวเฉวียนถึงกับต้องใช้เวลาประมาณครึ่งก้านธูปจึงจะพบพวกเขา
พวกเขาเจอสถานที่ที่มีต้นไม้จริง ๆ ด้วย
ที่นี่มีหาได้มีต้นไม้มากมายไม่ ทั้งลำต้นของต้นไม้ก็มิได้ใหญ่มาก
คงเป็นเพราะว่าเกิดการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง จึงทำให้ต้นไม้ทั้งหมดค่อย ๆ เหี่ยวเฉาไป
ทั้งชิงหลงและเซียวหมิงชิวต่างก็ลงมือทำงานอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่เพียงแต่พวกเขาหาฟืนมาได้นั้น ทั้งยังขนฟืนแห้งกองโตเอามาไว้อีกฝั่งหนึ่งอีกด้วย
เมื่อเห็นเซียวเฉวียนมาถึงแล้วนั้น เซียวหมิงชิวพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้นว่า "ท่านพ่อ ท่านลุงชิงหลงกับข้าทำงานได้ดีใช่หรือไม่?"
เซียวเฉวียนพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ "อื้ม ไม่เลวเลย"
ชิงหลงเพียงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ใต้เท้าเซียว ท่านคิดว่าพวกเราพักกันที่นี่ดีหรือไม่?”
ชิงหลงได้ลองไปตรวจสอบรอบ ๆ ดูแล้ว ที่นี่เป็นพื้นที่ราบเรียบ หากสังเกตดูจากต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวพวกนี้ ใบไม้ก็ยังคงมีห้อยอยู่บนต้นไม้อยู่ นั่นหมายความว่าที่นี่มิได้มีลมพัดแรง
ดังนั้นชิงหลงจึงรู้ว่าที่นี่ เหมาะจะเป็นที่พักค้างอ้างแรมคืนนี้เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวจึงกวาดตามองดูโดยรอบอยู่ครู่หนึ่งพลางกล่าวออกมาว่า "อื้ม เช่นนั้นก็พักกันที่นี่"
พูดจบ เซียวเฉวียนจึงวางห่านป่าในมือเอาไว้บนพื้น ก่อนจะกล่าวออกมาว่า "มิรู้ว่ากิเลนหาน้ำไปถึงไหนแล้ว"
ทันทีที่เซียวเฉวียนพูดจบนั้น กิเลนพลันมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในทันที
เซียวเฉวียนมองไปที่กิเลนก่อนจะเอ่ยออกมาว่า "เจ้าเจอน้ำแล้วหรือ?"
กิเลนพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปข้างหน้าเพื่อส่งสัญญาณว่ามันจะพาเซียวเฉวียนไปดู
เซียวเฉวียนเข้าใจมันในทันที ก่อนจะหยิบห่านป่าขึ้นมาพร้อมเดิมตามกิเลนไป
ก่อนจะไป เซียวเฉวียนยังมิวายหันมากำชับอีกว่า "ชิงหลง พวกเจ้ารีบพากันจุดไฟก่อนเถอะ"
หลังจากที่เซียวเฉวียนทำความสะอาดห่านป่าเสร็จแล้วนั้น พวกเขาจักได้ย่างมันได้ในทันที
ในยามนี้ดวงอาทิตย์ต่างก็ลาลับขอบฟ้าไปหมดแล้ว ยามราตรีค่อย ๆ เข้ามากล้ำกราย
อย่างไรก็ตาม บนท้องฟ้ายังมีแสงระเรื่อสุดท้ายอยู่ เซียวเฉวียนและคนอื่นๆ ต่างก็ต้องฉวยโอกาสในยามที่แสงไฟยังสว่างอยู่นั้น จัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้น
ชิงหลงพลันมองไปยังแผ่นหลังของเซียวเฉวียน พลางตอบกลับมาว่า "อื้ม"
เช่นนี้ ปัญหาทั้งหมดของเซียวเฉวียนและคนอื่น ๆ ก็ถูกจัดการได้หมดแล้ว คืนนี้พวกเขาจักพักกันที่นี่พร้อมกับย่างเนื้อไปด้วย
เซียวหมิงชิวผู้ได้รับประสบเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรกนั้น ใบหน้าของนางพลันเต็มไปด้วยความสุขในทันที ทั้งยังรู้สึกดูน่าสนุกยิ่งนัก
เมื่อท้องฟ้าค่อย ๆ มืดมิด ทั้งเซียวเฉวียนและชิงหลงต่างก็ตื่นขึ้นมา
“พวกเราควรรีบกินในตอนที่มันกำลังร้อนจักดีกว่า”
เซียวเฉวียนจึงเข้าไปหยิบซาลาเปาขึ้นมา พร้อมทั้งส่งไปให้เซียวหมิงชิว "มา หมิงชิวกินเสีย"
หลังจากรับซาลาเปามาแล้วนั้น เซียวหมิงชิวพลันยิ้มหวานออกมาในทันที ก่อนจะกล่าวว่า "ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุงชิงหลง ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ"
เซียวเฉวียนและชิงหลงต่างก็พูดพร้อมกันขึ้นมาว่า "รับกินเสีย"
จากนั้นเซียวเฉวียนจึงยื่นซาลาเปาให้กับชิงหลงในทันที "มาเถอะ ชิงหลง"
ก่อนที่ชิงหลงผู้ซื่อสัตย์จักหยิบซาลาเปาไป ดูท่าแล้วชิงหลงคงจะรีบเดินกลับมาก่อนที่จักได้กินอะไรแน่นอนเลย
ชิงหลงหยิบซาลาเปาขึ้นมา ก่อนที่จะลิ้มรสชาติมันอย่างช้าๆ
เซียวเฉวียนที่กินซาลาเปาหมดไปสองลูกแล้วนั้น ทว่า ชิงหลงหาได้กินหมดสักลูกไม่
เซียวเฉวียนที่กินอิ่มแล้วนั้น จึงยื่นส่วนที่เหลือให้กับชิงหลง ก่อนจะกล่าวออกมาว่า "เจ้ากินเถอะ"
ชิงหลงค่อย ๆ รับซาลาเปามากินอย่างเงียบๆ หลังจากที่กินซาลาเปาในมือหมดไปแล้วนั้น ชิงหลงจึงยื่นซาลาเปาอีกลูกให้เซียวหมิงชิวในทันที หากแต่เซียวหมิงชิวเพียงส่ายหัวกลับมา ก่อนจะตอบกลับว่า "หมิงชิวไม่เอาแล้วเจ้าค่ะ"
ซาลาเปาหาใช่ของอร่อยไม่ อีกทั้งเซียวหมิงชิวมิได้อยากอาหารมากนัก นางกินซาลาเปาไปลูกหนึ่งนับว่าเพียงพอแล้ว
ถึงแม้ว่าภูเขาคุนหลุนจะแห้งแล้ง ทว่า ชิงหลงที่ได้รับความเคารพรักในฐานะองค์รัชทายาท ไม่ว่าองค์ชายแคว้นอื่นปฏิบัติตัวต่อองค์ชายของตนเองเช่นไร ชิงหลงเองก็ได้รับการกระทำเช่นนั้นเหมือนกัน
ฉะนั้นแล้ว ยามที่อยู่ในภูเขาคุนหลุนนั้น ชิงหลงเองก็นับว่ากินดีอยู่ดีไม่น้อย
เนื้อย่างที่เซียวเฉวียนปรุงด้วยตนเองเมื่อคืนนั้นอร่อยยิ่งนัก ทั้งยังถูกปากชิงหลงมากด้วย
หากแต่ซาลาเปาในวันนี้ ว่ากันตามจริงแล้วชิงหลงมิค่อยชอบมันเท่าใดนัก
ทว่า เพื่อมิให้ท้องร้องหิว พวกเขาได้แต่กลั้นกลืนกินพวกมันลงท้องแทน
กินซาลาเปาเพียงลูกเดียวก็เพียงพอแล้ว
กลับกัน เซียวเฉวียนหาได้มีท่าทีเลือกกินไม่
ชิงหลงที่เห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกละอายใจในตนเองเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...