ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 2079

สรุปบท บทที่ 2079 น่าโมโหยิ่งนัก: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 2079 น่าโมโหยิ่งนัก – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 2079 น่าโมโหยิ่งนัก ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ไอดอลก็คือไอดอล แม้แต่ในเรื่องของการกินนั้น ชิงหลงยังรู้สึกว่าตนเองยังจำเป็นต้องเรียนรู้จากเซียวเฉวียนให้มาก

ถึงอย่างไรเซียวเฉวียนก็ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของต้าเว่ย อีกทั้งตัวเขาเองยังร่ำรวยยิ่งนัก เขาอยากจะมีชีวิตแบบใด อยากกินอาหารแบบใดก็ย่อมได้ไม่ใช่หรือ?

ว่ากันว่าการ หากเปลี่ยนจากความประหยัดไปสู่ความฟุ่มเฟือยนั้นว่าง่าย หากเป็นจากความฟุ่มเฟือยมาประหยัดนั้นทำได้ยากยิ่ง

ทว่า เซียวเฉวียนกลับสามารถทำสลับไปมาระหว่างความฟุ่มเฟือยกับประหยัดนั้น นับว่าน่าชื่นชมมากจริงๆ

เพียงเพราะเซียวเฉวียนกินซาลาเปาไปเพียงลูกเดียวเท่านั้น ถึงกลับทำให้ชิงหลงนึกเคารพรักเขามากขึ้นไปอีก

แท้จริงแล้วชิงหลงเพียงแค่ไม่รู้ว่า เซียวเฉวียนหาได้ชอบกินซาลาเปาไม่ โดยเฉพาะซาลาเปาแบบนี้

หากว่าเขาไม่กินเข้าไป ก็มีแต่ต้องหิวตาย

นี่คืออีกเหตุผลหนึ่ง ทว่า การมาอยู่ในทะเลทรายแห้งแล้งนี้แล้วยังมีอาหารให้กินอีกละก็ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากพอแล้ว เซียวเฉวียนหาได้สามารถมีสิทธิ์เลือกกินได้ไม่

หากว่าทำได้จริง เซียวเฉวียนย่อมมิเลือกกินซาลาเปาอยู่ดี

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เซียวเฉวียนรู้ดีว่าทั้งชิงหลงและเซียวหมิงชิวมิชินกับการกินซาลาเปาเหล่านี้ ดังนั้น หากว่าเซียวเฉวียนมิยอมกินละก็ ซาลาเปาที่ถูกซื้อมาย่อมถูกทิ้งเสียเปล่า

ทิ้งขว้างของกินเช่นนี้ นับว่ามิควรทำเป็นอย่างยิ่ง

ฉะนั้นแล้ว หากกินได้ก็กินเข้าไปเสียเถอะ

หลังจากกินข้าวเช้ากันแล้วนั้น ทั้งสามคนพร้อมกับพาสัตว์สงครามหนึ่งตัวออกเดินทางในทันที

จากคำบอกเล่าของชิงหลงนั้น หากเดินขึ้นหน้าไปหาได้มีเบาะแสใด ๆ ไม่ ทั้งยังรู้สึกว่ากองทัพมิหน้าจะอยู่ทางนั้นด้วย

ดังนั้นทั้งสามจึงเปลี่ยนเส้นทาง มุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่งในทันที

เมืองหลวงแห่งต้าเว่ย

เมืองหลวงที่เข้าสู่สภาวะเงียบงันมาเนิ่นนานนั้น กลับถูกปลุกปั่นด้วยข่าวใหญ่โตอีกครั้ง

ทั้งยังเป็นข่าวใหญ่โตที่เกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียนอีกด้วย

ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อบ่ายวานนี้

มิรู้ว่าเป็นผู้ใดได้ข่าวคราวมาจากไหน ถึงบอกว่าเซียวเฉวียนตายแล้วกัน

อีกทั้ง สาเหตุการตายของเซียวเฉวียนนั้นง่ายดายยิ่งนัก นั่นก็คือพวกเขามิเห็นเซียวเฉวียนปรากฏตัวอยู่ในเมืองหลวงมานานมากแล้ว

หากมันเป็นเพียงการคาดเดาของคนทั่วไปละก็ ย่อมมิมีผู้ใดเชื่อถือมันอย่างแน่นอน

ประเด็นก็คือ ยามที่หอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันเปิดร้านขึ้นมานั้นจนถึงปัจจุบันนี้ หาได้พบเจอแม้แต่เงาของเซียวเฉวียนไม่

ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่าเซียวเฉวียนรักเงินทองของตนเองมากขนาดไหน

ในเมื่อเขาเป็นถึงเถ้าแก่ของหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันเช่นนี้ ทว่า กลับมิยอมออกมาปรากฏตัวให้เห็นหน้าค่าตาเลยนั้น นับว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก

ฉะนั้นแล้ว ยามที่ข่าวลือของเซียวเฉวียนถูกแพร่กระจายออกมา เหล่าราษฎรจึงพาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

พวกเขาย่อมมิอยากจะเชื่อในข่าวลือว่าเซียวเฉวียนได้ตกตายไปแล้ว หากแต่พวกเขาเองก็มิได้เจอเซียวเฉวียนมานานแล้วเช่นกัน

รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ทุกคนต่างก็ได้เห็นก่อนที่จะเปิดหอปี๋เซิ่งนั้น ย่าเหยียนต่างพาคนมาก่อเรื่องถึงหน้าประตูหอปี๋เซิ่งเช่นนี้

เห็นได้ชัดว่าการก่อเรื่องของย่าเหยียนมุ่งเป้าไปที่เซียวเฉวียนอย่างชัดเจน

อีกทั้ง นางยังสามารถต่อสู้กับเจี้ยนจงได้โดยไม่มีท่าทีล่าถอย ความสามารถนั้นทำให้ผู้คนนึกทึ่งยิ่งนัก

ในสายตาของเหล่าราษฎรนั้น พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเจี้ยนจงเก่งกาจที่สุดในใต้หล้า อีกทั้งความสามารถของเซียวเฉวียนก็มิต่างกับ เจี้ยนจงเช่นกัน

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากว่าเซียวเฉวียนเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นย่าเหยียนนั้น เขาอาจจะพบเจอปัญหาเข้าแล้ว

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเซียวเฉวียนถูกย่าเหยียนสังหารตาย

ทว่าถึงทุกอย่างจักเป็นเช่นนั้น ภายในใจของเหล่าราษฎรแล้วพวกเขาก็ยังคงคาดหวังว่าเซียวเฉวียนจักสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของย่าเหยียนได้อยู่ดี

ในคราแรก ยังมีเหล่าชาวบ้านบางคนยังพอมั่นใจได้ว่าเซียวเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ หาได้เกิดเหตุอันใดขึ้นกับเขาไม่

ทว่า หลังผ่านพ้นไปเพียงแค่คืนเดียวนั้น อีกทั้งข่าวลือไม่เพียงแต่ไม่ซาลง หากแต่ยังกระหึ่มแพร่สะพัดขึ้นไปอีก เช่นนี้ทำให้เหล่าราษฎรมากมายเริ่มนึกสั่นคลอนในความเชื่อใจของตนเองแล้ว

ในยามนี้ ผู้คนภายในเมืองหลวงต่างพากันรวมเป็นสองฝักสองฝ่าย อีกด้านเชื่อว่าเซียวเฉวียนตายไปแล้ว

อีกด้านหนึ่งเชื่อว่าเซียวเฉวียนยังไม่ตาย เซียวเฉวียนเพียงแค่ไม่อยู่ในเมืองหลวงนานเกินไปเท่านั้น เป็นเพราะเขาต้องหลบซ่อนตัวจากย่าเหยียน

เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้ หากคนของอี้กุยกล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่ปรายผมแล้วละก็ พวกเขาจักทำให้หอปี๋เซิ่งปิดตัวลงอย่างแน่นอน!

นับว่าหยิ่งจองหองยิ่งนัก

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกใช้เงินล่อซื้อให้เอ่ยว่าผู้ใดเป็นผู้บงการเบื้องหลังในครานี้ พวกเขาก็มิยอมกล่าวออกมา ทั้งยังเอาแต่กล่าวว่ามิมีผู้ใดสั่งการ พวกเขาเจอของสกปรกในอาหารจากหอปี๋เซิ่งจริง ๆ

พูดไปพูดมา พวกเขายังคงเอ่ยหัวเราะเยาะเย้ยต่อคนของอี้กุยอีกว่า อาหารของหอปี๋เซิ่งเกิดปัญหาเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ไปสืบหาสาเหตุจากคนภายในหอปี๋เซิ่งเล่า?

เหตุใดต้องมาหาเรื่องพวกเขาด้วย?

นั่นหมายความว่า หลังจากตามหาเบาะแสมาทั้งคืนนั้น อี้กุยหาได้พบเจอสิ่งใดไม่

เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก่อปัญหาอีกต่อไป อี้กุยจึงตัดสินใจปิดหอปี๋เซิ่งเป็นการชั่วคราว เพื่อมิให้เหลาอาหารต้องเผชิญหน้ากับความเสียหายไปมากกว่านี้

เพื่อจะได้ตามตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้เจอโดยเร็ว ในคืนนี้อี้กุยเดินทางไปหาเสวียนอวี๋ที่จวนตระกูลเซียวในทันที

พร้อมทั้งอี้กุยและเสวียนอวี๋ที่อาศัยอยู่ในหอปี๋เซิ่งแทน

ในยามนี้ แม้ว่าจะถึงเวลาอาหารแล้ว แต่ประตูหอปี๋เซิ่งก็ยังคงปิดสนิทอยู่

ทำเอาแขกเรือที่มารอกินอาหารนั้นรู้สึกผิดหวังกลับไปในทันที

ทว่า ก็มีบางส่วนที่คอยยืนดูเรื่องน่าสนุกอยู่ด้านหน้าประตูหอ

และยังบางกลุ่มที่ยืนมองอย่างได้ใจ

ผู้คนเหล่านี้ต่างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบพูดคุยกันด้วยความภาคภูมิใจว่า "ไม่ยอมแพ้เลยจริง ๆ แค่นี้ก็มิกล้าเปิดประตูออกมาแล้ว"

“ใช่ หากว่ากันตามตรง อาหารที่นี่อร่อยจริงๆ มิแปลกใจเลยเหตุใดถึงมีคนมากินอาหารที่นี่เยอะมาก ๆ ”

“ใช่ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าได้กินของอร่อยๆ แบบนี้ ยามที่อยากกินอีกนั้น แต่เหลาอาหารกลับปิดประตูเสียแล้ว ช่างน่าเสียดายเสียจริง”

กลุ่มคนเหล่านี้ต่างพากันเอ่ยออกมาด้วยสายตาเยาะเย้ย อี้กุยและเสวียนอวี๋ที่แอบพากันลอบสังเกตการณ์อยู่ภายในหอนั้นถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย