บทที่ 2080 ป่าลึกลับ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 2080 ป่าลึกลับ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
พวกเขาหาได้พูดกันเสียงดังไม่ หากแต่เสวียนอวี๋มีประสาทหูที่ยอดเยี่ยม ทุกคำพูดจึงลอยเข้าหูของเสวียนอวี๋ในทันที
เห็นได้ชัดว่าวันนี้คนเหล่านี้ยังคงพยายามเข้ามาก่อเรื่องอีก
นับว่าใจกล้ายิ่งนัก ที่คิดมาก่อความวุ่นวายในเขตแดนของเซียวเฉวียน?
เช่นนั้นก็ควรจะมาถามความเห็นของเสวียนอวี๋เสียก่อนว่าเขาอนุญาตหรือไม่!
นัยน์ตาของเสวียนอวี๋พลันฉายความเย็นชาออกมาในทันที ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า "คุณชายอี้ เจ้ารออยู่ที่นี่ข้าจักลงไปจัดการกับพวกมัน"
อี้กุยพลันหันหน้ากลับมาในทันที ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีงุนงงว่า “เจ้าได้ยินสิ่งที่พวกเขางั้นหรือ?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนสั่งการ?”
หากรู้ละก็ เจ้ารีบบอกข้ามาเร็วๆ เข้า ข้าจักได้ส่งคนไปจัดการพวกมัน เจ้าหาได้ต้องออกโรงไปจัดการพวกมันไม่
เจ้าคนเหล่านั้นกระทำการสกปรกลับหลังพวกเขาสองคน มิต่างอะไรกับหนูโสโครกตามรางน้ำข้างถนน มิมีหน้ามีตากล้ามองผู้ใด
คนพวกนี้หาได้มีความสามารถแข็งแกร่งอันใดมากนัก
นั่นเป็นเพราะพวกเขามิแข็งแกร่งอันใดมาก ถึงกล้ามาทำเรื่องเช่นนี้
ช่างเป็นวงจรอุบาทที่มิมีวันสิ้นสุดเสียจริง
ฉะนั้นแล้ว อี้กุยหาได้เกรงกลัวไม่ว่าผู้ที่อยู่ในเบื้องหลังเรื่องนี้จักเป็นผู้ใด
หากกล่าวกันตามจริง ถึงแม้ว่าผู้ที่ผู้อยู่เบื้องหลังจักมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก็ตาม หากเขากล้ามาก่อเรื่องในถิ่นของเซียวเฉวียนเช่นนี้ อี้กุยก็มิยอมปล่อยเขาไปเช่นกัน!
ว่ากันง่าย ๆ ก็คือ มิว่ามันผู้นั้นจักเป็นใคร ขอเพียงแค่กล้ามาล้ำเส้นของอี้กุยละก็ อี้กุยจักทำให้พวกมันต้องชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
อี้กุยที่โลดแล่นอยู่ในวงการการค้าขายมานานเช่นนี้ เขาที่สามารถก่อร่างสร้างตัวการค้าของตระกูลอี้ขึ้นมาภายใต้จมูกของเว่ยเชียนชิวได้นั้น ทั้งยังสามารถทำให้การค้าของตระกูลอี้ใหญ่โตขึ้นมาเช่นนี้ได้ เขาจักมิมีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายอันใดงั้นหรือ!
เจ้าพวกมิรู้จักรักตัวกลัวตายเช่นนี้ กล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายในถิ่นของเซียวเฉวียนได้ หากอี้กุยมิทำการสังหารพวกมันละก็ อย่ามาเรียกเขาว่าคนของตระกูลอี้เลย!
เสวียนอวี๋พลางเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชาว่า "ข้าได้ยินพวกมันพูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ข้ามิได้ยินพวกกล่าวว่าใครเป็นผู้สั่งการ"
พูดให้ถูกก็คือ แม้แต่พวกมันเองก็มิรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้สั่งการเช่นกัน
เนื่องจากด้านหน้าหอปี๋เซิ่งมีผู้คนอยู่มากมายนัก เสวียนอวี๋รู้จากเสียงของสองคนในกลุ่มนั้นว่า เป็นบุรุษที่สวมใส่หน้ากากและอาภรณ์สีดำเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายระมัดระวังและซ่อนตัวเองเป็นอย่างดี
อี้กุยได้แต่เอ่ยออกมาด้วยท่าทีโมโหว่า "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สังหารพวกที่ก่อเรื่องทั้งหมดก็มิอาจดึงตัวการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ออกมาได้น่ะสิ "
หากมิอาจลากตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้นั้น อี้กุยคงมิอาจกลืนความขมขืนนี้ลงคอได้!
อี้กุยพลางมองไปที่เสวียนอวี๋ด้วยท่าทีไม่เต็มใจว่า "เสวียนอวี๋ เจ้าลองไปสืบหาให้ดีเสีย ดูเสียว่าพวกเราจักสามารถลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ออกมาได้หรือไม่?"
หากออกไปแก้แค้นคนกลุ่มนี้เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาที่แท้จริงได้
พวกเขาเองก็เป็นเพียงผู้ที่ถูกผู้อื่นยืมมือมาใช่เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ยามที่เมื่อคืนพวกมันมาก่อความวุ่นวายในหอปี๋เซิ่ง หากทางหอปี๋เซิ่งมิสามารถหาหลักฐานออกมาและออกไปจัดการกับพวกเขาแล้วไซร้ รังแต่จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของหอปี๋เซิ่งและจวนตระกูลเซียวไปเสียเปล่า
เสวียนอวี๋เพียงกวาดสายตามองอี้กุยเบา ๆ พลางคิดกับตนเองภายในใจว่า อี้กุยที่ติดตามเซียวเฉวียนมานาน เหตุใดขาถึงมิเรียนรึความหน้าหนาจากเซียวเฉวียนมาบ้างเล่า?
ในสายตาของเซียวเฉวียนนั้น ชื่อเสียงหาได้เอามากินได้ไม่ ทั้งยังมิอาจใช้หาเงินหาทองได้อีกด้วย แค่นี้นับว่าเป็นอันใดได้?
หากเซียวเฉวียนใส่ใจในชื่อเสียงของตนเองมากนัก เซียวเฉวียนคงมิอาจอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
เช่นคำเรียกขานที่เอ่ยว่าคนไร้ประโยชน์ ลูกเขยภาระ เจ้าคนขี้ขลาด คนจน หาได้มีคำเอ่ยเรียกเซียวเฉวียนดี ๆ ไม่?
ในยามนั้น ไม่ว่าผู้ใดเอ่ยเรียกเซียวเฉวียนต่างก็ต้องด่าทอ หัวเราะเยาะเย้ยเขาเสียสองสามคำ
ผู้อื่นหาได้มองว่าเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งไม่
เซียวเฉวียนมิสนใจเสียด้วยซ้ำว่าชื่อเสียงคือสิ่งใด
หากเซียวเฉวียนสนใจในชื่อเสียงของตนเองจริง ๆ แล้วละก็ เขาคงสิ้นใจตายไปหลายร้อยครั้งแล้ว
ดูเหมือนว่าหลายชายคนโตของเซียวเฉวียน หาได้รู้ใจเซียวเฉวียนเฉกเช่นที่เสวียนอวี๋เข้าใจไม่
เสวียนอวี๋พลางกล่าวว่า "มิจำเป็น มาสั่งสอนคนพวกนี้ก่อนจักดีกว่า”
เมื่อมีเรื่องย่อมมีอีกเรื่องหนึ่งเข้ามา
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จักถูกผู้อื่นยืมมือมาแล้วอย่างไร เช่นนั้นเขาต้องเต็มใจเป็นมือให้ผู้อื่นยืมไปด้วยหรือ?
เพียงพริบตาเดียว ผู้คนเหล่านั้นต่างก็ล้มระเนระนาดลงกับพื้นไปในทันที ก่อนจะกุมท้องตนเองร้องโอดครวญออกมา
บ้างก็กรีดร้อง บ้างก็พากันอ้วกออกมา เมื่อครู่พวกเขายังอารมณ์ดี ในยามนี้กลับมีท่าทีน่าสมเพชยิ่งนัก
เสวียนอวี๋จักเอาทุกอย่างที่พวกมันกินไปเมื่อคืนนั้น ให้อ้วกออกมาให้หมด
โหดเหี้ยม!
ทะเลทราย
หลังจากที่เซียวเฉวียนและอีกสามคนเดินทางมาถึงอีกฟากหนึ่งของทะเลทรายนั้น เดินตรงไปด้านหน้าก็เผชิญเข้ากับป่าในทันที
เมื่อกวาดสายตามองดูโดยรอบแล้ว ที่นี่ช่างเงียบสงบยิ่งนัก หาได้มีสิ่งใดผิดปกติไม่ ทว่า ป่าไม้แห่งนี้มีขนาดใหญ่เกินไป เซียวเฉวียนที่มิเคยมาที่นี่มาก่อนนั้น ต่างก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาในทันทีพลางเอ่ยถามว่า "ท่านชิงหลง รู้หรือไม่ว่าที่นี่จะไปโผล่ที่ใด?”
ชิงหลงตอบกลับเบา ๆ “ไม่รู้”
“ทว่า ข้าได้ยินมาว่ามีป่าไม้ที่แปลกประหลาดอยู่ตรงทางแยกกับทะเลทรายที่ ผู้ใดที่เข้าไปนั้น ย่อมมิอาจออกมาได้เลยสักคน”
ในใต้หล้ามีเรื่องนี้แบบนี้ด้วยหรือ?
ในเมื่อมีเรื่องที่ดูน่าตื่นเต้นเช่นนี้ ฉะนั้นแล้วจักมิมีผู้กล้าคนใดในยุทธภพกล้ามาท้าทายที่แห่งนี้เลยหรืออย่างไร?
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉวียนนั้น ชิงหลงพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายเช่นนี้ ทั้งยังเป็นทะเลทรายที่อยู่ห่างไกลอีก ผู้ใดจะกล้ามากัน?
หากที่นี่มีสมบัติมากมายมหาศาลอยู่ละก็ ไม่แน่มันอาจจะดึงดูดพวกโลภมากมาขุดหาที่นี่ก็เป็นได้
ทว่า ข่าวลือหาได้เอ่ยเล่าว่าที่นี่มีสมบัติอยู่หรือไม่ ดังนั้นที่แห่งนี้จึงมิได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากนัก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉวียนได้แต่หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางกล่าวออกมาด้วยท่าทีสงสัย "หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ข่าวลืออาจมิเป็นความจริง?"
หากเป็นดั่งที่ชิงหลงกล่าวออกมาว่า มิมีผู้ใดเคยเข้าไปในป่ามาก่อน ทั้งยังเป็นดินแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งเช่นนี้ คงมิมีผู้ใดมากันกระมัง
ทั้งยังเอ่ยว่าเข้าป่าไปและมิอาจกลับออกมาได้อีก นั่นหมายความว่าข่าวลือที่ได้ผิดปกติ
ในเมื่อมิมีผู้ใดสามารถกลับออกมาได้แล้ว เช่นนั้นข่าวลือนี้เป็นผู้ใดที่กล่าวออกมากัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...