ยังโชคดีที่พวกมันไม่สามารถเจาะทะลุพัดของชิงหลงและดาบของเซียวเฉวียนได้
แต่การออกให้พ้นจากที่นี่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด
ด้วยความเร่งรีบ เซียวเฉวียนและชิงหลงจึงเข้าร่วมมือกันอีก ทั้งสองร่วมมือกันปิดกั้นเส้นลวด พลางถอยไปยังสถานที่ที่ไฟยังไม่ลุกไหม้
ไฟทางนี้ยิ่งเผายิ่งแรงขึ้น อุณหภูมิสูงจนเหงื่อออกเต็มตัว
ไม่เพียงเท่านี้ อากาศก็ยิ่งมายิ่งเบาบางลง ขืนอย่างนี้ต่อไป พวกเขาอาจต้องขาดออกซิเจน
ออกซิเจนเป็นทรัพย์วิเศษอันดับหนึ่งที่มนุษย์พึ่งพาเพื่อความอยู่รอด จะขาดเสียไม่ได้
แต่ไม่ว่าทั้งสองจะร่วมมือประกบกันดีแค่ไหน พวกเขาก็ยังมิอาจหลบหลีกเส้นลวดได้ทั้งหมด ทั้งสองล้วนถูกเส้นลวดกีดโดนแขนไป
เมื่อโดนกีด แขนของสองคนก็เลือดไหลทะลักทันที เสื้อผ้าถูกย้อมกลายเป็นสีแดง
แต่ในนาทีอันวิกฤตที่เสี่ยงต่อชีวิตนี้ ทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะผ่อนคลายสักนิด ไม่กล้าไปดูแลแผล ยังใจจดใจจ่ออยู่กับปิดกั้นพวกเส้นลวด
คำพังเพยว่า ผีซ้ำด้ำพลอย
ไม่เท่าไร เซียวเฉวียนและชิงหลงก็ได้รับบาดแผลเพิ่มมาอีก
หากอยู่อย่างนี้ต่อไป หากสองคนไม่สามารถถอยพ้นไปได้ พวกเขาจะต้องได้รับแผลมากขึ้นอย่างแน่นอน
เซียวเฉวียนซึ่งมุ่งแต่ปิดกั้นเส้นลวดอยู่นั้น เพิ่งเอะใจเห็นว่า เหนือพื้นดินระดับความสูงของหนึ่งคนนั้นไม่ปรากฏว่ามีเส้นลวดเลย
พูดง่ายๆ ถ้าพวกเขากลับลงไปที่พื้นดิน วิกฤตินี้ก็จะคลี่คลายไปเอง
ไม่สนใจแล้ว ถึงจะโดนควันแก๊สน้ำตา ก็ยังดีกว่าถูกเส้นลวดเฉือนอยู่ตรงนี้
เซียวเฉวียนกล่าว "ท่านชิงหลง เรารีบกลับลงไปที่พื้นโดยเร็ว"
โดยไม่มีเวลาคิด ชิงหลงก็ฟังตามที่เซียวเฉวียนสั่ง ทำตามจังหวะของเซียวเฉวียน ทั้งสองก็กลับลงไปที่พื้น
อย่างที่เซียวเฉวียนวินิจฉัย ไม่มีเส้นลวดมาเล่นงานพวกเขาแล้ว
ครั้งนี้ ทั้งสองก็ไม่ได้ไปโดนกลไกอะไรอีก ได้หายใจคล่องเสียที และถือโอกาสพันแผลสักหน่อย
ต้องบอกว่า เส้นลวดพวกนี้ร้ายกาจจริงๆ โดนพวกมันเฉือนไป เซียวเฉวียนไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่แผลนั้นลึกขนาดนี้ ทั้งมีเลือดออกจนถึงขณะนี้ด้วย
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของทั้งสองเปื้อนไปด้วยเลือด
ขณะที่เซียวเฉวียนใช้มือข้างหนึ่งพันแผล เขาถามว่า "เส้นลวดนี้ไม่น่ามีพิษกระมัง ?"
ชิงหลงก็กำลังพันแผลให้ตัวเอง เขายกเปลือกตาขึ้น เหลือบมองที่เซียวเฉวียนและพูดอย่างหนักแน่นว่า "ไม่มี ไม่ต้องห่วง"
ไม่มีพิษก็ดี
พอได้พันแผลเสร็จ ทั้งสองก็ได้ผ่อนคลายเสียที ชิงหลงถามว่า "หมิงชิวไปตั้งนานแล้วยังไม่กลับมา จะเกิดอันตรายอะไรหรือเปล่า"
”ไม่ต้องห่วง หนูน้อยไม่เป็นไรหรอก” เซียวเฉวียนพูดอย่างจริงจัง “กำลังของหนูน้อยนั้น แข็งแกร่งกว่าที่ท่านคิด”
หากมีอันตราย หนูน้อยมาขอความช่วยเหลือจากเซียวเฉวียนไปนานแล้ว
ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่ชิงหลงก็ยังไม่สบายใจ
เขากล่าวว่า "เราควรจะรีบไปหาเธอดูดีกว่า"
เซียวเฉวียนพูดเบา ๆ "อืม" "ไปกันเถอะ"
ก็ถึงเวลาไปสมทบกับเซียวหมิงชิวได้แล้ว
แต่ทุกสิ่งในโลกนี้ช่างแปลกกระไร ท่านจะจากไป ก็จะมีเหตุอื่นมาปรากฏในเวลานี้
ทั้งสองยังไม่ทันจะเดินจากไป ก็มีค้างคาวบินเข้ามาหาพวกเขาจากทุกทิศทุกทาง หนาแน่นจนดูดำมืดไปหมด
ชนิดที่คนที่เป็นโรคกลัวความหนาแน่นเห็นแล้วจะเป็นลมทันที
ให้ตายเถอะ !
ค้างคาวพวกนี้อ้าปากสีแดงฉานออกกว้าง ดูพร้อมที่จะกลืนกินเซียวเฉวียนและชิงหลง
ดูเหมือนว่าพวกนี้เป็นพวกค้างคาวดูดเลือด เป็นเพราะกลิ่นเลือดบนร่างกายของเซียวเฉวียนและชิงหลงดึงดูดพวกมันมา
ให้ตายเถอะ มองจากภายนอกเป็นผืนป่าไม้ดีๆ แต่ข้างในกลับมีสิ่งแปลกประหลาดมากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...