ในเมื่อออกไปไม่ได้ เมื่อมีเนื้อมาส่งอยู่ตรงหน้า แล้วเหตุใดจึงไม่ทำมาให้อิ่มท้อง แล้วค่อยคิดเรื่องอื่นเล่า?
เซียวหมิงซิวและกิเลนพยักหน้าเห็นด้วย แสดงถึงการสนับสนุนการกระทำของเซียวเฉวียน
เมื่อฟังเซียวเฉวียนพูดขนาดนี้ ชิงหลงเองก็คิดว่าสิ่งที่เซียวเฉวียนพูดนั้นมีเหตุผล
ถ้าออกไปไม่ได้พวกเขาก็ทำได้แค่อยู่ในป่าชั่วคราวเท่านั้น
แต่ในป่าแห่งนี้มีนกและสัตว์น้อยมากจึงหาอาหารได้ไม่ง่ายนัก
เช้านี้ชิงหลงได้ซื้อซาลาเปาและหมั่นโถวกลับมา มันยากมากที่จะกลืน หากมีทางเลือก แน่นอนว่าชิงหลงก็คงอยากที่จะกินอาหารที่อร่อย
เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “ที่ท่านใต้เซียวพูดมานั้นถือว่ามีเหตุผลมาก”
พูดจบ จากนั้นชิงหลงก็ติดตามเสี่ยวฉวนฉวนและตัดเนื้อสิงโตออก
เมื่อตัดเกือบเสร็จ พวกเขาก็หยุดและรวบรวมฟืนแห้งมารวมกัน
ในป่าไม้ฟืนแห้งหาง่ายใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็กลับมาพร้อมกับฟืนแห้งจำนวนมาก
หลังจากตั้งฟืนแล้ว เซียวเฉวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นว่า “กิเลน จุดไฟเสีย”
พอได้ยิน กิเลนก็ส่งเสียงคำรามตอบกลับมา ลูกไฟพุ่งออกมาจากปากของมัน และกองฟืนก็ลุกไหม้ทันที
ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเซียวเฉวียนที่ต้องออกโรง ชิงหลงคอยเป็นลูกมือช่วยเหลือ ส่วนเซียวหมิงซิวและกิเลนนั้นรอกินท่าเดียว
เซียวเฉวียนน่าจะเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถไร้ความกังวลในสถานการณ์ที่ยากลำบากได้
พูดตามความจริง ชิงหลงยกย่องนับถือความคิดของเขาจริง ๆ
ถึงแม้นฟ้าพังลงมา เซียวเฉวียนก็ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร
ชิงหลงปิ้งเนื้อก็พลางสอบถามไปด้วย “ใต้เท้าเซียว ท่านมีวิธีที่จะออกจากปากนี่ใช่หรือไม่?”
ถ้าเขาไม่มีวิธี เซียวเฉวียนคงไม่สามารถใจเย็นได้ขนาดนี้
เซียวเฉวียนหันศีรษะ เหลือบมองชิงหลงอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขาก็เอ่ยกลับไปว่า “ไม่มี”
ไม่ใช่ว่าเขาหลอกชิงหลง แต่ตอนนี้เซียวเฉวียนนั้นไม่มีวิธีจริง ๆ เพราะว่าเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย
เขาไม่รีบร้อนที่จะออกจากป่านี้
แน่นอนว่ามีสิ่งแปลก ๆ มากมายในป่า ต้องมีความลับบางอย่างที่นี่ซึ่งไม่ต้องการให้ใครค้นพบ
เซียวเฉวียนชอบทำสิ่งที่ตรงกันข้ามเสมอ ผู้ใดที่มีความลับที่ไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ เขาเองก็ยิ่งอยากจะรู้
ไม่เพียงแต่เท่านี้ หากเรื่องนี้เป็นอันตรายต่อโลกเขาจะเปิดเผยต่อสาธารณะ
เซียวเฉวียนเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไหน ๆ ก็มากันแล้ว ใยพวกเราต้องรีบไปกันด้วยเล่า?”
พอได้ยินคำพูดเซียววียน ชิงหลงก็เข้าใจความหมายของเซียวเฉวียน เขาเอ่ยตอบไปว่า “มันก้จริงอย่าวที่ท่านว่า”
ในเวลานี้ จู่ ๆ ชิงหลงก็คิดอะไรออกมา ครั้งหนึ่งเขาเห็นเซียวเฉวียนทำลายรูปแบบและวิธีการนั้นง่ายมาก หยาบคาย และมีประสิทธิภาพ เขาอดไม่ได้ที่จะตาสว่างขึ้นและพูดว่า "ท่านใต้เท้าเซียว เมื่อถึงเวลา ท่านอยากจะระเบิดรูปแบบนี้ด้วยหรือไม่? "
เซียวเฉวียนถามกลับไปว่า “มีเหตุใดไม่เหมาะอย่างนั้นหรือ?“
ชิงหลงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงพูดว่า “อันที่จริงว่าไปก็ไม่เหตุอันใดที่ไม่ควรหรอก แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรแปลกเกี่ยวกับรูปแบบนี้หรือไม่ก็เท่านั่น”
กล่าวโดยง่าย ๆ ก็คือ หากรูปแบบถูกระเบิด มันยากที่เขาจะหลบหนีหรือไม่
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ควรมองข้ามรูปแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ที่ตั้งค่ารูปแบบนี้จะคิดว่าอาจมีคนระเบิดในรูปแบบนี้
หากเป็นเช่นนั้นจริง แล้วสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญคืออันตรายที่พวกเขาไม่รู้ตัว พวกเขาจะมีร่างกายครบสามสิบสองกลับมาหรือไม่นั้น ก็อยากที่จะรับรอง
สรุปว่า ชิงหลงรู้สึกว่าเขาไม่สามารถประมาทเมื่อเผชิญกับรูปแบบนี้
เซียวเฉวียนตอบอย่างเสียงเรียบ “อืม สิ่งที่ใต้เท้าชิงหลงพูดนั้นไม่สมเหตุสมผล เราจะหารือถึงวิธีการออกไปจากที่นี่ในภายหลังล่ะกันนะท่าน“
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...