เมื่อมองหาบางสิ่งในป่า กิเลนในฐานะสัตว์ร้ายที่มีข้อได้เปรียบโดยกําเนิด
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบที่ฝังของตำราโบราณ
ดังนั้นชิงหลงจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยและพูดว่า “หรือคุณย่าเหยียนย้ายตำราโบราณไปแล้ว?”
เซียวเฉวียนพูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้าไม่คิดอย่างนั้น”
ถ้าคุณย่าเหยียนย้ายตำราโบราณ เธอคงจะถอนขบวนการที่นี่ด้วย และยิ่งไม่ควรมีกลยุทธ์และกับดักที่ยิ่งใหญ่ในขบวนการนี้
หลังจากได้ฟังเช่นนั้นชิงหลงก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิดและพูดว่า “สิ่งที่ใต้เท้าเซียวพูดนั้นก็สมเหตุสมผล”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้สายตาของเซียวหมิงชิวก็อดไม่ได้ที่จะเป็นประกายขึ้นมาและพูดว่า “ใช่แล้ว ทําไมข้าถึงคิดไม่ได้”
เธอยังบอกอีกว่าหลังจากนั้นย่าหยียนกลับมาหรือไม่ เธอก็ไม่รู้เลย
เมื่อลองพิจารณาจากขบวนการนี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าตำราโบราณยังคงอยู่ในป่า
ไม่อย่างนั้นใครจะสามารถทำสิ่งต่างๆพวกนี้ในป่าได้
แน่นอนว่าความคิดดีๆเช่นนี้เป็นของเซียวเฉวียน
พ่อของเธอเป็นก็ยังเป็นพ่อของเธอเสมอ เธอรู้สึกละอายใจตัวเอง
เมื่ออายุยังน้อยคําเยินยอนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นมาก แต่เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเบาๆและพูดว่า “หมิงชิว พอได้แล้วน่า”
เอาเป็นว่ามันจบแล้ว
ทำให้มันพอดี
อย่าพูดเกินจริง
เมื่อได้ยินเช่นนี้เซียวหมิงชิวก็ยิ้มและพูดว่า “เสด็จพ่อ หมิงชิวยกย่องท่านอย่างจริงใจ ไม่โกหกอย่างแน่นอน”
ปากเล็กๆนี้คารมคมคายดีจริงๆ
หวานเป็นบ้าเลย
ชนิดที่สามารถเกลี้ยกล่อมนกลงมาจากต้นไม้ได้
เซียวหมิงชิวยิ่งพูดยิ่งนอกเรื่องไปไกล เพื่อทําให้เธอหยุดพูด เซียวเฉวียนก็เลยต้องพูดว่า “ใช่ พ่อรู้”
ดังนั้นหัวข้อนี้จึงสามารถหยุดลงได้
เซียวหมิงชิวยังเด็กอยู่และไม่เข้าใจการพูดอ้อมๆอะไรมาก แต่เธอฟังออกว่าน้ำเสียงของเซียวเฉวียนนั้นตอบส่งๆ เธอไม่พอใจเล็กน้อยและพูดว่า “เสด็จพ่อไม่เชื่อว่าสิ่งที่หมิงชิวพูดนั้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจข้า ฮึ้ม”
เห็นได้ชัดว่าตอบเธอลวกๆ
มันเลยทำให้เธอไม่มีความสุข
แย่แล้ว ไปทําให้ลูกศิษย์ไม่มีความสุข เขาต้องแก้ปัญหาที่เกิดจากตัวเอง เซียวเฉวียนจึงรีบพูดเกลี้ยกล่อมเธออย่างรวดเร็ว “หมิงชิว รู้ไหม พ่อเชื่อเจ้ามากที่สุด”
“พ่อขอสาบานต่อพระเจ้าเลยว่าพ่อเชื่อเจ้าจริงๆ”
สาบาน?
เซียวหมิงชิวยิ่งรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม
เธอรู้จักเซียวเฉวียนมานานแล้ว สําหรับเซียวเฉวียนแล้วการสาบานนั้นง่ายเหมือนการพูด พูดจบก็ช่างมันเขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าถ้าเขาผิดคําสาบานเขาจะถูกพระเจ้าลงโทษ
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนพูดขอโทษลวกๆ เซียวหมิงชิวก็ยิ่งโกรธ เธอเดินไปข้างๆชิงหลงและกระซิบว่า “หรือเสด็จลุงชิงหลงเก่งกว่า”
มองแวบแรก ชิงหลงดูเป็นคนเรียบง่ายและซื่อสัตย์ที่ไม่สามารถแม้แต่จะหลอกเด็กได้
ต่างจากพ่อของเธอ เขามักจะหลอกผู้คนด้วยวิธีเดียวกันเสมอ
เมื่อเห็นว่าเซียวหมิงชิวกําลังทะเลาะกับเซียวเฉวียน และด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวของเธอที่ดูน่ารักมาก มันก็ทำให้ชิงหลงมีความสุขมากขึ้นไปอีก แต่เขาไม่อยากให้เซียวเฉวียนทุกข์ใจ เขาจึงยิ้มและพูดว่า “ข้าเกรงว่าหมิงชิวจะเข้าใจเสด็จพ่อของเจ้าผิดนะ เขาดีกับเจ้ามาก เขาจะพูดลวกๆกับเจ้าได้อย่างไร”
“หมิงชิว อย่าโกรธไปเลย”
ขณะนี้เซียวเฉวียนจึงรีบพูดขึ้นว่า “ถูกต้อง ถูกต้อง เจ้าพูดอะไร พ่อไม่เชื่อตั้งแต่เมื่อไหร่? เจ้าอยากอยู่ข้างๆพ่อ พ่อก็พาเจ้าออกมาด้วย พ่อดีกับเจ้าที่สุดแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...