ตอน บทที่ 2096 นำไปสู่การเกลียดชัง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 2096 นำไปสู่การเกลียดชัง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
จ้าวหลานพลิกสถานการณ์ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ วาทศิลป์ของเขาค่อนข้างดีจริงๆ
เหตุการณ์เมื่อกี้เสนาบดีบางคนที่คิดอยากจะดูหนัง ก็ล้มต้องเลิกวามคิดนั้นในทันที
จ้าวหลานพูดได้ดีมากจนพวกเขากังวลจริงๆว่าถ้าพวกเขาไม่ระวัง จะทำให้ความโกรธของจ้าวหลานระเบิดออกมาจนไฟลุกโชน
แล้ววันนี้ก็ทำให้พวกเขาได้รู้จักตัวตนของจ้าวหลานจริงๆ
ไม่ใช่เวลาสั้นๆเป็นเจ้าหน้าที่กับจ้าวหลาน แต่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคำพูดของจ้าวหลานนั้นจะทรงพลังขนาดนี้
มันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยสายตาที่น่าทึ่ง
มันสอดคล้องกับประโยคที่ว่า คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาลพาไปหาผล
จ้าวหลานเคยใกล้ชิดกับเซียวเฉวียน และด้วยภายใต้อิทธิพลเซียวเฉวียนที่ละเอียดอ่อนแล้วมันก็ทำให้วาทศิลป์ของเขาพัฒนาด้วยเช่นกัน
แม้แต่หวังซวนก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่จ้าวหลานพูดได้ และทำได้เพียงเห็นด้วย “ใครบอกว่าไม่ใช่ ตัวตนของราชครูนั้นสูงส่ง และไม่สามารถพูดใส่ร้ายได้”
ทันทีหลังจากนั้น เสนาบดีคนอื่นๆก็พูดตอบโต้ว่า “สิ่งที่ใต้เท้าจ้าวพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก ชื่อเสียงของราชครูมีผลต่อภาพลักษณ์ของต้าเว่ย โดยปกติแล้วไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พูดใส่ร้ายได้ตามใจชอบ”
คำพูดพวกเขาทำให้จ้าวหลานรู้สึกโล่งใจ ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เขาจึงพูดต่อว่า “ดังนั้น ที่ตัวข้าบอกว่าก่อนที่ความจริงของคดีนี้จะถูกพบ ไม่มีใครควรจะพูดจาใส่ร้ายราชครู ไม่มีอะไรผิดใช่หรือไม่?”
หลายคนที่นี่อยากจะเห็นเซียวเฉวียนตกที่นั่งลำบาก
แล้วยังมีหลายคนที่นี่อยากจะใช้โอกาสนี้เหยียบเซียวเฉวียนให้จมดิน
จ้าวหลานพูดเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้บางคนที่มีเจตนาแอบแฝงใช้โอกาสนี้สร้างปัญหาในราชสำนักและพูดจาใส่ร้ายเซียวเฉวียน
ต่อให้พฤติตัวดีไม่กลัวที่จะถูกใส่ร้าย แต่น้ำโคลนที่สกปรกที่กระเด็นออกมาเยอะเกินไป และถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนเองจะไม่สนใจแต่ในฐานะเพื่อนของเขา จ้าวหลานไม่สามารถทนอยู่เฉยๆได้
เสนาบดีหลายคนพูดว่า “สิ่งที่ใต้เท้าจ้าวพูดก็ไม่ได้มีอะไรผิด”
เขากล้าขนาดนี้ต่อหน้าฮ่องเต้ ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นคนให้ความกล้าหาญขนาดนี้กับเขา
แต่ฮ่องเต้เองก็แอบสนับสนุนคุณเขาเช่นกัน
หรืออาจจะบอกได้ว่าจ้าวหลานได้พูดในสิ่งที่ฮ่องเต้ต้องการจะพูดผ่านปากของจ้าวหลานหมดแล้ว
เสนาบดีมองข้ามเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อถ้าพวกเขาต่อสู้กับจ้าวหลานเท่ากับว่ากำลังการต่อสู้กับฮ่องเต้ด้วย
ใครจะโง่เขลาถึงขนาดที่จะต่อสู้กับฮ่องเต้ในเรื่องที่ยังไม่รู้แน่ชัด!
จ้าวหลานบอกขั้นตอนให้กับพวกเขา พวกเขาทำตามขั้นตอนต่อไป
เรื่องคดีฆาตกรรม อย่างที่จ้าวหลานพูด เล่าความจริง
เรื่องนี้ให้ดีที่สุดต้องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน เพราะถ้าเซียวเฉวียนเป็นคนทํา พวกเขาจะไม่ใช่แค่ดึงเซียวเฉวียนลงจากแท่นสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจ้าวหลานด้วย
ดังนั้นพวกเขาจึงจะคอยจับตาดู
และคนที่พยายามจะคว้าโอกาสดีๆเช่นนี้เพื่อเล่นงานเซียวเฉวียนอย่างหวังซวน แน่นอนว่าในใจเขารู้สึกไม่พอใจ
แต่จ้าวหลานพูดถูกเขาไม่มางปฏิเสธได้ เขาจึงต้องจำใจและมองไปที่จ้าวหลานด้วยความโกรธในใจ
ขณะนี้ฉินหนานที่ยืนอยู่ข้างๆจ้าวหลานก็หันไปมองที่จ้าวหลานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ
คิดไม่ถึงว่าจ้าวหลานจะมีพลังมากจนสามารถทำให้ผู้ที่พยายามจะใส่ร้ายเซียวเฉวียนเงียบลงได้ด้วยตัวคนเดียว
มันช่างน่าเกรงขามมาก!
นอกจากเซียวเฉวียนแล้ว คนที่ฉินหนานชื่นชมอีกหนึ่งคนก็คือจ้าวหลาน
เดิมทีเขาพร้อมเสมอที่จะช่วยจ้าวหลานตลอดเวลา แต่ผลสรุปคือจ้าวหลานไม่ต้องการความช่วยเหลือเลย เขาสามารถจัดการกับหวังซวนด้วยตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง
มันเจ๋งมาก!
เมื่อเห็นแบบนี้รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นแววตาของจ้าวหลาน ราวกับจะบอกฉินหนานว่าจ้าวหลานได้เข้าใจความคิดพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว
เซียวเฉวียนเคยบอกพวกเขาว่าอย่าทําให้คนเลวขุ่นเคือง
ไม่ได้หมายความว่าให้พวกเขากลัวคนเลว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เข้ามาให้ได้มากที่สุด
หวังซวนผู้ที่พยายามทําทุกวิถีทางเพื่อจะแอบทำร้ายเซียวเฉวียน ยิ่งเป็นคนเลว
เขาถูกบีบให้พ่ายแพ้ในศาล แน่นอนว่าในใจของเขาต้องเต็มไปด้วยความโกรธ ถ้าเขาได้ยินฉินหนานหัวเราะเยาะเขาแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธฉินหนานมากแค่ไหน
คนโกรธมักจะกล้าทำในสิ่งที่บ้าสุดโต่ง
ดังสุภาษิตที่ว่า ทวนที่รู้ที่มาหลบง่าย เกาทัณฑ์ที่แอบยิงมาป้องกันยาก
หวังซวนโกรธในศาลไปแล้วรอบหนึ่ง ลงศาลแล้วก็อย่าไปกระตุ้นเขาอีกเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาให้ตัวเอง
ตอนนี้ฉินหนานได้ชื่นชมจ้าวหลานจากใจจริง เป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าจ้าวหลานจะพูดอะไรเขาก็เชื่อฟัง เขาสงบสติและกระซิบว่า “ใช่ครับ ใต้เท้าจ้าว”
ถ้าฉินหนานพวกเขาหันหลังกลับไป ก็จะเห็นว่าหวังซวนอยู่ข้างหลังพวกเขาแค่สองก้าว สิ่งที่พวกเขาเพิ่งพูดไปเมื่อกี้หวังซวนได้ยินทั้งหมด มันทำให้ตอนนี้หวังซวนจ้องมองไปที่พวกเขาอย่างดุเดือด
เซี่ยวเฉวียนที่อยู่ห่างไกลในป่าริมทะเลทราย และไม่รู้ว่าในเมืองหลวงกําลังเดือดขนาดไหนเพราะตัวเอง เขากําลังคิดหาวิธีที่จะช่วยชิงหลงค้นหาตำราโบราณ
หลังจากค้นหากันมาเป็นเวลานาน เซียวเฉวียนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “ท่านชิงหลง ท่านคิดว่าย่าเหยียนจะซ่อนตำราโบราณไว้ในขบวนการอะไรสักอย่าง หรือซ่อนสถานที่นั้นไว้?”
เท่าที่เซียวเฉวียนรู้ เมื่อเสี่ยวเซียนชิวช่วยแม่เซียว เธอสามารถซ่อนเธอและแม่เซียวไว้ได้ชั่วคราว
เป็นไปได้ไหมว่าย่าหยานจะใช้วิธีเช่นนี้ด้วย?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิงหลงก็ครุ่นคิดและพูดว่า “ก็มีความเป็นไปได้”
ไม่อย่างนั้นพวกเขาค้นหาในป่ามาเป็นเวลานานมาก พวกเขาคงเจอไปนานแล้ว
ชิงหลงรู้สึกเสมอว่าตั้งแต่ย่าเหยียนวางขบวนการและกับดักไว้ในป่ามากมาย เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเพราะนั่นก็ปลอดภัยมากแล้ว
และชิงหลงถามกลับขึ้นมาว่า “หรือตำนานโบราณไม่ได้อยู่ที่นี่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...