จ้าวหลานพลิกสถานการณ์ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ วาทศิลป์ของเขาค่อนข้างดีจริงๆ
เหตุการณ์เมื่อกี้เสนาบดีบางคนที่คิดอยากจะดูหนัง ก็ล้มต้องเลิกวามคิดนั้นในทันที
จ้าวหลานพูดได้ดีมากจนพวกเขากังวลจริงๆว่าถ้าพวกเขาไม่ระวัง จะทำให้ความโกรธของจ้าวหลานระเบิดออกมาจนไฟลุกโชน
แล้ววันนี้ก็ทำให้พวกเขาได้รู้จักตัวตนของจ้าวหลานจริงๆ
ไม่ใช่เวลาสั้นๆเป็นเจ้าหน้าที่กับจ้าวหลาน แต่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคำพูดของจ้าวหลานนั้นจะทรงพลังขนาดนี้
มันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยสายตาที่น่าทึ่ง
มันสอดคล้องกับประโยคที่ว่า คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาลพาไปหาผล
จ้าวหลานเคยใกล้ชิดกับเซียวเฉวียน และด้วยภายใต้อิทธิพลเซียวเฉวียนที่ละเอียดอ่อนแล้วมันก็ทำให้วาทศิลป์ของเขาพัฒนาด้วยเช่นกัน
แม้แต่หวังซวนก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่จ้าวหลานพูดได้ และทำได้เพียงเห็นด้วย “ใครบอกว่าไม่ใช่ ตัวตนของราชครูนั้นสูงส่ง และไม่สามารถพูดใส่ร้ายได้”
ทันทีหลังจากนั้น เสนาบดีคนอื่นๆก็พูดตอบโต้ว่า “สิ่งที่ใต้เท้าจ้าวพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก ชื่อเสียงของราชครูมีผลต่อภาพลักษณ์ของต้าเว่ย โดยปกติแล้วไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พูดใส่ร้ายได้ตามใจชอบ”
คำพูดพวกเขาทำให้จ้าวหลานรู้สึกโล่งใจ ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เขาจึงพูดต่อว่า “ดังนั้น ที่ตัวข้าบอกว่าก่อนที่ความจริงของคดีนี้จะถูกพบ ไม่มีใครควรจะพูดจาใส่ร้ายราชครู ไม่มีอะไรผิดใช่หรือไม่?”
หลายคนที่นี่อยากจะเห็นเซียวเฉวียนตกที่นั่งลำบาก
แล้วยังมีหลายคนที่นี่อยากจะใช้โอกาสนี้เหยียบเซียวเฉวียนให้จมดิน
จ้าวหลานพูดเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้บางคนที่มีเจตนาแอบแฝงใช้โอกาสนี้สร้างปัญหาในราชสำนักและพูดจาใส่ร้ายเซียวเฉวียน
ต่อให้พฤติตัวดีไม่กลัวที่จะถูกใส่ร้าย แต่น้ำโคลนที่สกปรกที่กระเด็นออกมาเยอะเกินไป และถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนเองจะไม่สนใจแต่ในฐานะเพื่อนของเขา จ้าวหลานไม่สามารถทนอยู่เฉยๆได้
เสนาบดีหลายคนพูดว่า “สิ่งที่ใต้เท้าจ้าวพูดก็ไม่ได้มีอะไรผิด”
เขากล้าขนาดนี้ต่อหน้าฮ่องเต้ ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นคนให้ความกล้าหาญขนาดนี้กับเขา
แต่ฮ่องเต้เองก็แอบสนับสนุนคุณเขาเช่นกัน
หรืออาจจะบอกได้ว่าจ้าวหลานได้พูดในสิ่งที่ฮ่องเต้ต้องการจะพูดผ่านปากของจ้าวหลานหมดแล้ว
เสนาบดีมองข้ามเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อถ้าพวกเขาต่อสู้กับจ้าวหลานเท่ากับว่ากำลังการต่อสู้กับฮ่องเต้ด้วย
ใครจะโง่เขลาถึงขนาดที่จะต่อสู้กับฮ่องเต้ในเรื่องที่ยังไม่รู้แน่ชัด!
จ้าวหลานบอกขั้นตอนให้กับพวกเขา พวกเขาทำตามขั้นตอนต่อไป
เรื่องคดีฆาตกรรม อย่างที่จ้าวหลานพูด เล่าความจริง
เรื่องนี้ให้ดีที่สุดต้องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียน เพราะถ้าเซียวเฉวียนเป็นคนทํา พวกเขาจะไม่ใช่แค่ดึงเซียวเฉวียนลงจากแท่นสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจ้าวหลานด้วย
ดังนั้นพวกเขาจึงจะคอยจับตาดู
และคนที่พยายามจะคว้าโอกาสดีๆเช่นนี้เพื่อเล่นงานเซียวเฉวียนอย่างหวังซวน แน่นอนว่าในใจเขารู้สึกไม่พอใจ
แต่จ้าวหลานพูดถูกเขาไม่มางปฏิเสธได้ เขาจึงต้องจำใจและมองไปที่จ้าวหลานด้วยความโกรธในใจ
ขณะนี้ฉินหนานที่ยืนอยู่ข้างๆจ้าวหลานก็หันไปมองที่จ้าวหลานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ
คิดไม่ถึงว่าจ้าวหลานจะมีพลังมากจนสามารถทำให้ผู้ที่พยายามจะใส่ร้ายเซียวเฉวียนเงียบลงได้ด้วยตัวคนเดียว
มันช่างน่าเกรงขามมาก!
นอกจากเซียวเฉวียนแล้ว คนที่ฉินหนานชื่นชมอีกหนึ่งคนก็คือจ้าวหลาน
เดิมทีเขาพร้อมเสมอที่จะช่วยจ้าวหลานตลอดเวลา แต่ผลสรุปคือจ้าวหลานไม่ต้องการความช่วยเหลือเลย เขาสามารถจัดการกับหวังซวนด้วยตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง
มันเจ๋งมาก!
เมื่อเห็นแบบนี้รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นแววตาของจ้าวหลาน ราวกับจะบอกฉินหนานว่าจ้าวหลานได้เข้าใจความคิดพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...