สรุปเนื้อหา บทที่ 2099 เก็บตำราโบราณ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 2099 เก็บตำราโบราณ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะมองมันแค่แวบเดียว แต่เขารู้สึกว่าตัวอักษรที่อยู่ด้านบนมันคล้ายกับเจี๋ยกู่เหวินในยุคโบราณฮวาเซี่ยเป็นอย่างมาก
และอักษรที่ใช้อยู่ในคุนหลุนก็คล้ายกับอักษรของต้าเว่ยเป็นอย่างมาก เซียวเฉวียนเองก็เกือบจะจำมันได้ทั้งหมด
แต่กว่าที่เซียวเฉวียนจะจดจำตัวอักษรทั้งหมดในตำราโบราณได้ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
ชิงหลงเองก็เช่นกัน
หากไม่ทำการศึกษาหรือทำการแปลงอักษรพวกนี้ให้เป็นอักษรสมัยใหม่ คงทำความเข้าใจไม่ได้ว่าเนื้อหาในตำราโบราณนั้นต้องการจะบ่งบอกถึงสิ่งใด
มีหนังสือ 12 เล่ม แต่ละเล่มก็ไม่ได้บางเลย หากต้องแปลความหมายออกมาทั้งหมด เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
มันเพียงพอที่จะทำให้ชิงหลงปวดหัว
ชิงหลงกล่าวออกมาว่า “ใช่ แต่ต่อให้ปวดหัวยังไงก็ต้องทำ”
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในเผ่าได้
นำตำราโบราณกลับไปยังเทือกเขาคุนหลุน ชิงหลงมอบหมายให้กับผู้อาวุโสในเผ่า มันก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง
แต่ตอนนี้ชิงหลงยังไม่สามารถกลับไปได้ เซียวเฉวียนช่วยเขาตามหาตำราโบราณ เขาเองก็ต้องช่วยเซียวเฉวียนตามหาที่อยู่ของกองทัพ
อีกอย่าง ไม่ง่ายเลยกว่าที่ชิงหลงจะหนีออกมาจากเทือกเขาคุนหลุนได้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางกลับไปเร็วขนาดนี้
ทันทีที่เขากลับไป ผู้อาวุโสในเผ่าก็จะจับตาดูเขาเข้มงวดกว่าเดิม ถึงเวลานั้นหากเขาคิดจะเดินทางออกมาจากคุนหลุน มันก็คงไม่ง่ายเหมือนกับที่ไป๋ฉี่เคยช่วยเขาออกมาอีกแล้ว
หากเซียวเฉวียนไม่ปรากฏตัวด้วยตัวเอง ชิงหลงเกรงว่าคงไม่มีทางออกมาจากเทือกเขาคุนหลุนได้
และครั้งนี้ชิงหลงก็เพิ่งจะหนีออกมาจากเทือกเขาคุนหลุน ผู้อาวุโสในเผ่าคงเกิดความสงสัย จะต้องเป็นความช่วยเหลืออย่างลับๆ ของเซียวเฉวียนเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรู้สึกคับแค้นใจต่อเซียวเฉวียน
หากเซียวเฉวียนหรือคนอื่นเดินทางไปยังเทือกเขาคุนหลุนอีกครั้ง และถูกผู้อาวุโสในเผ่าจับตัวได้ พวกเขาจะต้องใช้เรื่องนี้ในการก่อปัญหาอันยิ่งใหญ่ และเรื่องราวก็ยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก
มีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องมาก หากไม่ถึงจุดที่มีความจำเป็นจริงๆ ชิงหลงก็ไม่มีทางเดินทางกลับไปเทือกเขาคุนหลุนง่ายๆ
ดังนั้นเรื่องการแปลตำราโบราณ คงจะต้องพักเอาไว้ก่อน
เมื่อได้ยินเช่นนี้เซียวเฉวียนก็พยักหน้า “ใต้เท้าชิงหลงจะพิจารณาเช่นนี้ก็ได้”
เรื่องไหนสำคัญกว่า เรื่องไหนเร่งด่วนกว่า เซียวเฉวียนไม่จำเป็นต้องบอก เรื่องจากชิงหลงรู้และเข้าใจดี
ต่อหน้าเซียวเฉวียน เขาเป็นอิสระ เขาอยากจะทำอะไรก็ทำ เซียวเฉวียนไม่มีทางยุ่งกับเขา และไม่ใช่เรื่องของตัวเองในการผูกมัดเขาเอาไว้
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ชิงหลงอยู่ข้างกายของเซียวเฉวียน ทั้งหมดล้วนเกิดจากความเต็มใจของชิงหลงเอง ไม่ใช่ความต้องการของเซียวเฉวียน และเซียวเฉวียนก็ไม่มีทางเรียกร้องให้ชิงหลงมาอยู่ข้างกายของเขาเช่นนี้เป็นอันขาด
จากนั้นเซียวเฉวียนก็เอ่ยปากออกมาว่า “เช่นนั้นใต้เท้าชิงหลงก็เก็บตำราโบราณพวกนี้ไปก่อนเถิด”
ตำราโบราณตกอยู่ในมือของชิงหลง ถือว่าสิ่งของเหล่านี้ได้กลับสู่มือเจ้าของเดิมแล้ว
ได้ยินเช่นนั้นชิงหลงก็โบกมือของตน เก็บตำราโบราณเหล่านี้ไปทันที
เขาเก็บมันไปทั้งอย่างนั้น เก็บตำราโบราณไว้ในที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งเซียวเฉวียนและเซียวหมิงชิวเองก็มองเห็นไม่ชัดเจนเช่นกัน การเคลื่อนไหวของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าอันนิ่งสงบราวกับว่าเขาไม่ได้ซ่อนตำราโบราณหรือทำสิ่งใดมาก่อน
มันเป็นความเร็วที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
เห็นใบหน้าที่สงสัยของสองพ่อลูก ชิงหลงถึงถามออกมาว่า “ใต้เท้าเซียวกับหมิงชิวอยากจะถามอะไรข้างั้นหรือ?”
ในเมื่อเขาถามออกมาเช่นนี้ เซียวหมิงชิวก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ นางกะพริบตา พูดออกมาด้วยน้ำเสียงของเด็ก “ไม่ทราบว่าใต้เท้าชิงหลงซ่อนตำราโบราณไว้แห่งหนใด?”
การเคลื่อนไหวของเขาเฉียบคมมาก ข้ากับท่านพ่อต่างมองเห็นไม่ชัดเจน ว่าแท้จริงแล้วเจ้าทำสิ่งใดลงไป
ชิงหลงยิ้มออกมา โบกมือข้างหนึ่งของเขา “อยู่ในแขนเสื้อ”
ซ่อนสิ่งของ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
เซียวหมิงชิวได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ จากนั้นกล่าวออกมาว่า “เหตุใดข้าจึงไม่มีทักษะเช่นนี้บ้าง?”
เวลานางซ่อนสิ่งของ นางทำได้เพียงหยิบสิ่งนั้นออกมา ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีผู้ใดสนใจ นำไว้ซ่อนไว้ในที่ที่นางคิดว่าปลอดภัย
มันไม่เหมือนกับที่ชิงหลงทำอยู่ แค่แวบเดียวก็สามารถซ่อนสิ่งของได้ตามต้องการ
เซียวหมิงชิวเองก็อยากทำเช่นนี้ได้บ้าง นางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาชิงหลง ท่านช่วยสอนให้หมิงชิวบ้างได้หรือไม่?”
ชิงหลงยิ้มอย่างอ่อนโยน “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”
เขาไม่ได้มีเจตนาใดๆ แค่ต้องการทำให้แน่ใจเท่านั้นว่าสิ่งที่ชิงหลงพูดออกมานั้นถูกต้อง
ไม่ใช่ว่าเซียวเฉวียนไม่เชื่อในตัวชิงหลง แต่เขากังวลว่าชิงหลงจะจดจำได้ไม่ชัดเจนหรือถูกใครหลอกจนทำให้สับสน ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว แบบนั้นต่อให้เซียวหมิงชิวจะตั้งใจฝึกฝนแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์
เมื่อได้ฟังความจากผนึกจูเสินว่าสิ่งที่ชิงหลงกล่าวออกมานั้นเป็นความจริง หากเซียวหมิงชิวต้องการเรียนรู้ทักษะการซ่อนสิ่งของโดยที่ผู้อื่นไม่สังเกตเห็น มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร
เซียวเฉวียนเลิกคิ้ว เหลือบมองไปยังเซียวหมิงชิวพร้อมกล่าวว่า “หมิงชิว เจ้าอยากเรียนจริงๆ งั้นหรือ?”
เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ เล่าเรียนสิ่งเหล่านี้ หากเริ่มทำการฝึกแล้วจะต้องแน่วแน่ต่อไป ไม่อาจล้มเลิกได้ระหว่างทาง แบบนั้นจะเป็นการเสียแรงและเวลาโดยเปล่าประโยชน์
ได้ยินเช่นนั้นเซียวหมิงชิวก็พยักหน้าด้วยความมั่นใจ “ใช่ หมิงชิวอยากเรียน ท่านพ่อได้โปรดวางใจ หมิงชิวจะอดทนและตั้งใจให้มากที่สุด”
ขอแค่สามารถทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะยากเพียงใด เซียวหมิงชิวก็ไม่มีวันยอมแพ้
แม้ว่านางจะยังอายุน้อย แต่นางก็ทนทานเป็นอย่างมาก
นางหันกลับมา มองมาทางชิงหลงด้วยใบหน้าแห่งความคาดหวัง กะพริบตาพร้อมกล่าวว่า “ท่านอาชิงหลง ท่านยินดีที่จะสอนให้หมิงชิวหรือไม่?”
ชิงหลงตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอน”
ได้เจอกับเซียวหมิงชิว เขาไม่มีของขวัญที่จะมอบให้นาง การที่เขาได้สอนทักษะนี้ให้นาง มันก็ถือเป็นของขวัญชิ้นหนึ่งในการได้พบเจอ
เซียวหมิงชิวได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาทันใด “ขอบคุณท่านอาชิงหลง”
ชิงหลงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ไม่เป็นไร หากจะขอบคุณก็ต้องขอบคุณตัวเจ้าเอง”
เป็นเพราะนางกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ และต่อสู้กับโอกาสที่เข้ามารอบตัว
เช่นเดียวกัน เมื่อเซียวหมิงชิวได้รู้ว่าตนเองจะได้รับทักษะใหม่ นางก็ดีใจเป็นอย่างมาก
เห็นนางดีใจถึงเพียงนี้ เซียวเฉวียนและชิงหลงก็มองหน้ากันและยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่สิ่งที่ทั้งสามคนไม่รู้ก็คือ ย่าเหยียนที่อยู่ดินแดนซินเจียงอันห่างไกล สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...