ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 2101

สรุปบท บทที่ 2101 ยายแก่ปรากฏตัว: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 2101 ยายแก่ปรากฏตัว จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 2101 ยายแก่ปรากฏตัว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

แท้จริงแล้วเซียวเฉวียนคิดว่า ไฟที่ไม่ได้ดับสนิทลุกไหม้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขากลับไปและคิดว่าหากทำให้ฝนตกก็สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ เพื่อไม่ต้องลำบากชิงหลงและเซียวหมิงชิวให้หวนกลับมาอีกครั้ง

หลังจากที่เขามาถึงป่าแล้ว จึงเห็นว่าป่าไม้ปกติดีทุกอย่าง เขาจึงเหลือบมองกิเลนด้วยสายตาที่งุนงง พร้อมพูดว่า “เมื่อครู่เจ้าคำรามทำไม?”

นี่ปกติทุกอย่างไม่ใช่หรือ?

หัวของกิเลนชะเง้อไปด้านหน้า เพื่อเป็นสัญญาณให้เซียวเฉวียนมองไปยังด้านหน้า

เซียวเฉวียนมองตามสายตาของมัน พบว่ามองไม่เห็นอะไรเลย เขาจึงพูดว่า “ทางด้านนั้นไม่มีอะไรเลย”

กิเลนกางกรงเล็บออกมาข้างหนึ่ง และทำท่าทางบนอากาศไม่หยุด เซียวเฉวียนมองอยู่นาน จึงพูดคาดเดาว่า “เจ้าจะบอกว่ามีคนมางั้นหรือ?”

ถูกต้อง!

กิเลนแสดงความดีใจออกมาผ่านแววตา และพยักหน้าทันที

ทะเลทรายกว้างใหญ่เช่นนี้ ใครจะมากันนะ?

เซียวเฉวียนพูดว่า “เจ้าน่าจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ”

กลัวว่ามันจะได้ยินเสียงลมพัด ใบไม้ปลิว และคิดว่ามีคนมา

เซียวเฉวียนจึงเหลือบมองไปที่ป่าอีกครั้ง หลังจากมั่นใจแล้วว่าไฟไม่ได้ลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ”

ทว่ากิเลนกลับทำสีหน้าไม่พอใจ สายตาของมันยังจ้องด้านหน้าตลอดเวลา และคำรามออกมาหนึ่งที

เซียวเฉวียนยังไม่ทันพูดอะไร มันก็กระโจนร่างไปด้านหน้า และบินไปไกลราวห้าเมตร

เซียวเฉวียนพูดว่า “กิเลน รีบกลับมา”

บ้าไปแล้วจริงๆ เซียวเฉวียนยังไม่ทันออกคำสั่ง กิเลนก็บินออกไปด้วยตัวเอง

แต่ว่ากิเลนไม่ยอมบินกลับมาตามคำสั่งของเซียวเฉวียน เมื่อทำอะไรไม่ได้ เซียวเฉวียนจึงต้องจำใจตามไปดู

กิเลนหยุดอยู่ริมป่าไม้ มันจ้องเข้าไปในป่าด้วยความระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนเดินเข้ามาแล้ว มันจึงหันหน้ากลับมา เหลือบมองเซียวเฉวียน และใช้กรงเล็บชี้ไปด้านหน้า ซึ่งก็คือด้านในป่า

มันกำลังจะบอกเซียวเฉวียนว่า ด้านในป่ามีคนอยู่

เซียวเฉวียนมองเข้าไปในป่าด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ ด้านในเงียบสงบอย่างมาก และไม่มีสิ่งใดอยู่เลย

ในขณะที่เซียวเฉวียนกำลังจะเรียกให้กิเลนกลับไปนั้น เสียงแหบพร่าไม่น่าฟังก็ดังขึ้นมากลางอากาศ “ฮ่าๆๆ! เซียวเฉวียน เราเจอกันอีกครั้งแล้วนะ!”

น้ำเสียงแบบนี้ เซียวเฉวียนรู้ทันทีว่าย่าเหยียนมาแล้ว

ที่แท้กิเลนไม่ได้เข้าใจผิด มันจับสังเกตได้ว่ามีคนมาจริงๆ

เซียวเฉวียนมองไปรอบด้าน กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของย่าเหยียน แม้ฟังจากเสียงก็ไม่อาจแยกแยะตำแหน่งของนางได้ เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวว่า “เลิกทำตัวเร้นลับซับซ้อนได้แล้ว ออกมาสิ!”

นางกล้าต่อความกับเซียวเฉวียน ทำให้เซียวเฉวียนรู้ว่านางอยู่ที่นี่ คิดว่านางคงเตรียมตัวมาอย่างดีพร้อม เพื่อต่อสู้เซียวเฉวียนสักหน

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ย่าเหยียนเพิ่งเปล่งเสียงออกมาในตอนนี้ ก็เพื่อให้แน่ใจว่ามีเซียวเฉวียนมาเพียงผู้เดียว หรือว่าเซียวหมิงชิวตามเขามาด้วย หรือว่ามีคนอื่นๆ ที่มาพร้อมกันกับเขาอีกหรือไม่

ข้างกายเขามีเพียงกิเลน สัตว์สงครามเพียงตัวเดียว ซึ่งไม่มากพอที่จะทำให้ย่าเหยียนต้องหวาดกลัว นางจึงกล้าเผยที่อยู่ของตัวเอง

ทว่าย่าเหยียนยังคงไม่กล้าปรากฏตัวออกมา แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “สำนักของข้าได้ซ่อนตำราโบราณไว้ในป่าแห่งนี้ เจ้าเอาไปใช่หรือไม่?”

ตำราโบราณงั้นหรือ?

ยัยแก่ผู้ชั่วร้ายผู้นี้มาเพื่อตำราโบราณงั้นหรือ?

นางรู้ได้อย่างไรว่าตำราโบราณถูกหาพบแล้ว?

ยังไม่ทันที่เซียวเฉวียนจะตอบกลับ ย่าเหยียนรู้ดีว่าเซียวเฉวียนไม่ใช่ผู้ที่จะยอมรับอะไรง่ายๆ นางจึงพูดต่อว่า “เจ้านำตำราโบราณออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าจึงจะยอมปล่อยเจ้าไป เอาแบบนี้ดีหรือไม่?”

มาเพื่อตำราโบราณจริงๆ ด้วยสินะ

เซียวเฉวียนหัวเราะเยาะ และพูดว่า “ตำราโบราณอะไรกัน ข้าไม่ยักรู้มาก่อน”

ซึ่งหมายความว่า อยากให้ข้านำออกมางั้นหรือ ไม่มีทางหรอก

ผู้ที่หลบหนีจากการต่อสู้ของเซียวเฉวียน ยังกล้ามาพูดอวดอย่างไม่ละอายใจต่อหน้าของเซียวเฉวียน และบอกว่าจะยอมปล่อยเขาไปงั้นหรือ?

นางควรต่อสู้และเอาชนะเซียวเฉวียนให้ได้ก่อน ค่อยมาพูดอวดดีเช่นนี้!

ซึ่งหมายความว่า เจ้าเชื่อก็เชื่อ แต่ถ้าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!

เจ้าไม่มีทางเลือกแล้ว

เหตุผลที่ย่าเหยียนหนีไปครั้งก่อน เพราะคิดว่านางเอาชนะเขาไม่ได้จริงๆ งั้นหรือ?

แค่เซียวเฉวียนมีกำลังคนมากกว่า ย่าเหยียนต้องการเก็บแรงไว้ จึงได้หนีไป

หากจะบอกว่าย่าเหยียนกลัวเซียวเฉวียน เอาชนะเขาไม่ได้ นั่นเป็นเรื่องตลกทั้งเพ!

เซียวเฉวียนเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ต่อให้เขาพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ ก็ไม่อาจเอาชนะคนคุนหลุนที่มีชีวิตนับพันปีเช่นนางได้แน่นอน!

เมื่อฟังถึงตรงนี้ เซียวเฉวียนเข้าใจแล้วว่า ย่าเหยียนกล้าเปิดเผยที่อยู่ของตัวเอง เพราะนางคิดว่าเซียวเฉวียนเพียงแค่คนเดียว และกิเลนหนึ่งตัว ไม่น่ากลัวพอสำหรับนาง

เซียวเฉวียนพูดเสียงแข็งว่า “เจ้าสำนักเหยียน อยากพบหมิงชิวของข้าและองค์ชายแห่งคุนหลุนหรือไม่?”

ประโยคนี้หมายความว่า เซียวเฉวียนไม่ได้มาเพียงคนเดียว หากย่าเหยียนต้องการต่อสู้กับเซียวเฉวียน อาจต้องคิดให้ดีก่อนทำเชียวล่ะ

อีกอย่าง เซียวเฉวียนเพียงคนเดียว และกิเลนหนึ่งตัว เซียวเฉวียนคิดว่ามากพอที่จะต่อกลอนกับย่าเหยียนได้

ทว่าย่าเหยียนไม่คิดเช่นนั้น หากเซียวหมิงชิวและชิงหลงมาที่ทะเลทรายกับเซียวเฉวียน เหตุใดเขาสองคนจึงไม่ปรากฏตัวออกมา?

เซียวเฉวียนพูดแบบนี้ก็เพื่อต้องการสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา

แบบนี้ยิ่งทำให้ย่าเหยียนรู้สึกว่า เซียวเฉวียนรู้ว่าตัวเองไม่เก่งเท่านาง ไม่อยากต่อสู้กับนางเพียงลำพัง จึงจงใจพูดชื่อเซียวหมิงชิวและชิงหลงเพื่อขู่นาง

นางไม่มีวันหลงอุบายนี้แน่นอน

เซียวเฉวียนยิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งคิดว่าเซียวเฉวียนไม่เก่งเท่านาง นางก็ยิ่งอยากจะต่อสู้กับเซียวเฉวียนสักตั้ง!

เขาปรากฏตัวที่นี่ หากตำราโบราณไม่อยู่กับเขา แล้วจะอยู่ที่ใคร?

ในเมื่อเขาไม่ยอมนำออกมา เช่นนั้นย่าเหยียนจำเป็นต้องสู้กับเขา ให้เขาถูกตีแพ้ยับเยิน จากนั้นก็ชิงตำราโบราณกลับคืนมา!

คิดได้ดังนั้น ย่าเหยียนก็ปรากฏตัวต่อหน้าเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าที่ดุดัน สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาตร้าย แม้แต่เสื้อผ้าและเส้นผมของนางก็ปลิวไสวเพราะพลังอานุภาพที่แข็งแกร่งของนาง

การแสดงพลังอำนาจ ย่าเหยียนเอาได้อยู่หมัดทีเดียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย