สรุปเนื้อหา บทที่ 2102 เซียวเฉวียนบาดเจ็บ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 2102 เซียวเฉวียนบาดเจ็บ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ศัตรูพบหน้ากัน ดวงตายิ่งแดงก่ำด้วยความอาฆาต
แววตาของเซียวเฉวียนเต็มไปด้วยพลังที่อาฆาตมาดร้าย ทั่วทั้งร่างกายของเขาแผ่ความหนาวสะท้านและความกระเหี้ยนกระหือรือ
พลังอำนาจครั้งนี้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าครั้งก่อน
ย่าเหยียนเห็นแล้วก็อดตกใจไม่ได้ เซียวเฉวียนเป็นเพียงแค่สามัญชนคนธรรมดา เหตุใดจึงมีลักษณะท่าทางที่สั่นสะเทือนใจคนได้มากเช่นนี้?
ด้วยเหตุนี้ นางคิดว่าตัวเองสายตาพร่ามัว ดังนั้นนางจึงกะพริบตาอย่างแนบเนียนไม่มีที่ติ
เมื่อจ้องมองอีกครั้งหนึ่ง พลังอำนาจบนร่างกายของเซียวเฉวียนยังคงเป็นเช่นเดิม ครั้งนี้นางจึงจำเป็นต้องเชื่อสายตาตัวเอง
หากเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป ด้วยพลังอำนาจอย่างเซียวเฉวียน อาจทำให้พวกเขาตกใจกลัวได้
ในเมื่อต้องต่อสู้กัน ย่าเหยียนไม่ยอมให้เซียวเฉวียนมีเวลาเตรียมตัวมากนัก นางไม่มัวพูดพร่ำ ทันใดนั้นก็แกว่งไม้เท้าในมือเพื่อเริ่มการต่อสู้เซียวเฉวียน
ขณะนั้น เขาชักดาบออกมาอย่างคล่องแคล่ว เพื่อตอบรับกระบวนท่าของย่าเหยียน ซึ่งดาบที่เซียวเฉวียนพกติดตัวก็คือดาบที่ชิงหลงมอบไว้ให้เขา
ดาบเล่มนี้ ครั้งก่อนที่ย่าเหยียนต่อสู้กับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนยังไม่มี
หรือว่าเซียวเฉวียนจะพูดความจริง ชิงหลงมาที่นี่จริงๆ งั้นหรือ?
ดาบเล่มนี้ ย่าเหยียนมองเพียงพริบตาเดียวก็รู้ทันที มันเป็นดาบที่ใช้ศิลปะการขึ้นรูปตีดาบของเทือกเขาคุนหลุน
ซึ่งเป็นสิ่งของจากคุนหลุนอย่างแน่นอน
วิชาการตีดาบของเทือกเขาคุนหลุนมีลักษณะเด่นของตัวเอง คนที่คุ้นเคยจะสามารถแยกแยะได้ในชั่วพริบตา
คิดว่าชิงหลงเป็นผู้ที่มอบดาบเล่มนี้ให้แก่เซียวเฉวียน
ย่าเหยียนมองเซียวเฉวียนด้วยความเย้ยหยัน พูดเหน็บแนมว่า “เจ้าบอกว่าชิงหลงมาที่ทะเลทรายแห่งนี้กับเจ้าไม่ใช่หรือ?”
“เขาอยู่ที่ใด?”
เซียวเฉวียนพูดเยาะเย้ยว่า “ข้าต่อสู้กับเจ้าเพียงผู้เดียวก็พอ จำเป็นต้องลำบากองค์ชายชิงหลงด้วยหรือ?”
เหอะ!
ปากดีจริงนะ!
คำพูดของเซียวเฉวียนทำให้ย่าเหยียนโกรธจัด นางสะบัดไม้เท้าในมือพุ่งตรงไปที่เซียวเฉวียนด้วยความแรงกล้า หากไม่ผิดพลาดอะไร ทันทีที่ไม้เท้ากระแทกลงไป ถ้าเซียวเฉวียนไม่ตาย ก็ต้องพิการจนเลี้ยงไม่โต
กระบวนท่าที่ใช้จัดการเซียวเฉวียน ดูว่าเขายังกล้าพูดจาเย่อหยิ่งอวดดีอีกหรือไม่!
นางเคยพบผู้ที่เย่อหยิ่งอวดดี แต่ไม่เคยพบใครที่เย่อหยิ่งอวดดีเท่าเซียวเฉวียนอีกแล้ว!
ทว่าความจริงก็คือ เซียวเฉวียนไม่ได้ทำให้ย่าเหยียนสมปรารถนา เขาหายตัวหลบทัน แม้จะเฉียดฉิว แต่ก็นับว่าหลบไม้เท้าของย่าเหยียนได้
ไม้เท้าของย่าเหยียนโจมตีความว่างเปล่า และกระทุ้งลงบนพื้น พื้นดินมีแตกกว้างเท่ากำปั้น พร้อมกับเสียงดังปัง
ต้นไม้ที่อยู่บนพื้นดินสะเทือนจนกระเด็นไปหลายต้น
ฝุ่นบนหน้าดินฟุ้งกระจาย ราวกับเผชิญหน้ากับพายุทะเลทราย
พูดตามตรงว่า พลังนี้ของย่าเหยียน ช่างเก่งกาจเหลือเกิน
ท่ามกลางเวลาการต่อสู้ เซียวเฉวียนไม่มีเวลามากพอมาชื่นชมศัตรู จึงฉวยโอกาสตอนที่ย่าเหยียนยังไม่ได้เก็บไม้เท้ากลับไป เซียวเฉวียนสะบัดดาบในมือ และพุ่งตรงมาที่ย่าเหยียนด้วยความเร็วราวสายฟ้า
รุกโจมตีเต็มพิกัด!
เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังตรงมาที่ตัวเองด้วยความว่องไว ย่าเหยียนไม่มีเวลาแม้แต่จะสะบัดไม้เท้า นางจำเป็นต้องหลบไปอีกด้านตามสัญชาตญาณ
แม้ว่านางจะหลบการโจมตีของเซียวเฉวียนได้อย่างฉิวเฉียด แต่สุดท้ายก็ถูกคมดาบของเซียวเฉวียนเฉือนเข้าไป ใบหน้าของนางมีรอยแผลเล็กๆ หนึ่งแผล และมีเลือดซึมออกมา
บาดแผลไม่ใหญ่มากนัก แต่ย่าเหยียนกลับรู้สึกถึงความเจ็บที่เบาบางบนใบหน้า นางเอื้อมมือขึ้นมาลูบตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นเลือดบนมือ นางเบิกตาโพลงด้วยความสั่นเทา จ้องมองไปที่เซียวเฉวียนด้วยความตกใจและความโกรธแค้นอย่างที่สุด
ไอ้เด็กนี่!
บังอาจมาทำลายใบหน้าของนาง?
สำหรับผู้หญิงทุกคน ใบหน้าคือสิ่งสำคัญที่สุด!
ย่าเหยียนโมโหจนสั่นไปทั่วทั้งตัว นางพูดด้วยความโกรธว่า “เซียวเฉวียน ตายเสียเถอะ!”
พูดจบนางก็สะบัดไม้เท้า เริ่มการโจมตีเซียวเฉวียนด้วยความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ย่าเหยียนในตอนนี้ ราวกับหมาป่าที่ดวงตาแดงก่ำ แสดงท่าทางไม่ยอมแพ้ที่จะฆ่าเซียวเฉวียน
ทุกครั้งที่สะบัดไม้เท้าล้วนเต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัวและความตาย แต่เซียวเฉวียนก็ทำได้เพียงหลบอย่างฉิวเฉียดเท่านั้น
อย่าว่าแต่ต่อต้านเลย เซียวเฉวียนไม่มีแม้แต่โอกาสจะหยิบดาบขึ้นมา นางไม่ยอมปล่อยโอกาสให้เลยสักนิด เรียกได้ว่า นางโจมตีเสียจนเซียวเฉวียนแทบไม่มีแรงสู้กลับ จึงทำได้เพียงหลบไปเรื่อยๆ เท่านั้น
ยัยแก่ผู้ชั่วร้ายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ควรประมาทแม้แต่นิดเดียว
ทว่าทันทีที่เซียวเฉวียนพูดเตือน เนื่องจากเขาเสียสมาธิเล็กน้อย ทำให้จังหวะท่าทางของเซียวเฉวียนช้าลง ไม้เท้าของย่าเหยียนจึงพุ่งเข้าใส่เซียวเฉวียน และกระแทกลงบนไหล่ของเซียวเฉวียน
เสียงดัง “กร๊อบ” เซียวเฉวียนได้ยินเสียงของกระดูกที่แตกร้าว จากนั้นก็ตามมาด้วยความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจ
เซียวเฉวียนเจ็บจนต้องถอดถอนใจร้องเสียงดัง “อ๊าก!”
การใช้ไม้เท้าโจมตีในครั้งนี้ ใบหน้าของย่าเหยียนเผยรอยยิ้มที่ภูมิใจออกมา
ทว่ารอยยิ้มของนาง ดึงบาดแผลที่อยู่บนใบหน้าให้เจ็บปวดยิ่งขึ้น นางจำเป็นต้องหุบยิ้มกลับอย่างดื้อๆ นางจ้องเซียวเฉวียนด้วยสายตาที่เย็นเยือก และพูดเยาะเย้ยว่า “คนอย่างเจ้าคิดจะมาต่อกลอนกับข้างั้นหรือ!”
“สมควรตาย!”
“หากเจ้าตายก็ต้องโทษที่เจ้าอวดดีมากเกินไป ไม่คิดทบทวนให้ดีเสียก่อน คิดเพ้อเจ้อที่จะช่วยกองทัพตระกูลเซียวล้างแค้น!”
ความหมายโดยนัยของนางก็คือ หากไม่ใช่เพราะเซียวเฉวียนไม่ยอมปล่อยวางเรื่องกองทัพตระกูลเซียว นางและเซียวเฉวียนต่างก็ไม่จำเป็นต้องล้ำเขตกัน เขาคงไม่ต้องมีจุดจบเช่นนี้!
ประพฤติตัวเป็นราชครูในเส้นทางของเขา ทำในสิ่งที่สมควรทำไม่ดีกว่าหรือ?
เหตุใดจึงไม่ปล่อยวางเรื่องราวในอดีต?
ตามคำก่นด่าของย่าเหยียน เซียวเฉวียนคงเบื่อจะใช้ชีวิตแล้ว จึงไม่รู้ผิดชอบชั่วดี!
จากนั้น นางก็ใช้โอกาสที่เป็นฝ่ายได้เปรียบโจมตีต่อเนื่อง นางกระแทกไม้เท้าใส่เซียวเฉวียนอีกครั้ง มันกระทบลงที่ด้านหลังของเซียวเฉวียนอย่างรุนแรง เซียวเฉวียนตัวเซในทันที แม้จะยืนก็ยังไม่มั่นคง สุดท้ายก็ล้มพรวดลงบนพื้น
“ท่านพ่อ!”
“ใต้เท้าเซียว!”
เซียวหมิงชิวและชิงหลงตะโกนพร้อมกันด้วยความตกใจกลัว
ทั้งสองอยากเข้าไปช่วยเซียวเฉวียนเป็นอย่างมาก ทว่าในระหว่างที่ย่าเหยียนกำลังต่อสู้กับเซียวเฉวียน นางใช้ม่านพลังขวางกั้นทั้งสองไว้อยู่
กว่าเซียวหมิงชิวจะทำลายม่านพลังของนางได้ เซียวเฉวียนก็ถูกไม้เท้าของนางปะทะใส่อีกครั้ง
เซียวหมิงชิวและชิงหลงมองเห็นด้วยตา แต่เจ็บปวดอยู่ในใจ
โดยเฉพาะเซียวหมิงชิว เมื่อเห็นท่านพ่อของตัวเองบาดเจ็บเช่นนี้ ในใจก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นางเบิกตาโพลงจ้องย่าเหยียนด้วยความโกรธเกรี้ยว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...