เว่ยชิงได้เยินเช่นนั้น “เสด็จพี่! ท่านไม่จำเป็นต้องช่วยข้า! ข้าไม่ต้องการให้เซียวเฉวียนไว้ชีวิตข้า! ข้าสามารถจัดการเขาได้ด้วยตัวเอง!”
สมองของเว่ยชิงได้รับการกระทบกระเทือนอะไรไปหรือเปล่า?
เซียวเฉวียนยกฝ่าเท้าขึ้นมา เหยียบลงไปบนหน้าอกของเขาอย่างรุนแรง “สิ่งที่พูดในเวลานี้คือเจ้าสังหารคนของตระกูลสวี่ไปสามชีวิต! คำพูดใดของฝ่าบาทที่เจ้าคิดว่าเขามาเพื่อช่วยเจ้า?”
เว่ยชิงตะคอกออกมาด้วยความโกรธอีกครั้ง “สวะอย่างเจ้า ฝ่าบาทไม่อนุญาตให้เจ้าทำร้ายข้า! เจ้าไม่ได้ยินอย่างนั้นหรือ!”
เซียวเฉวียนเงยหน้าขึ้น เพียงเห็นตราประทับเหวินอิ้นขนาดใหญ่ของฮ่องเต้นั้นหายไป ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายของเขาเองก็หายไปเช่นกัน
เขาขมวดคิ้วขึ้นมา หากตราประทับเหวินอิ้นของเว่ยชิงเป็นเหมือนฝ่ามือขนาดใหญ่ที่จะบดขยี้ศีรษะของเซียวเฉวียน เช่นนั้นตราประทับเหวินอิ้นของฮ่องเต้ก็เหมือนกับดาบอันแหลมคม เพียงพริบตาเดียว ดวงตาของเซียวเฉวียนก็แทบจะถูกทิ่มแทงเข้ามา!
โชคดีที่ตราประทับเหวินอิ้นของฮ่องเต้ปรากฎออกมาเพียงเสี้ยววินาทีและสลายหายไป
เพียงแค่ ฮ่องเต้อยู่ที่ใด?
ชายลึกลับผู้นี้ เหตุใดเอาแต่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่ยอมปรากฏตัวออกมา?
มีเพียงแค่เสียงที่ดังมาจากแดนไกล
“เว่ยชิง เจ้าคือท่านอ๋องแห่งรัฐไป๋ลู่ ตราประทับเหวินอิ้นทั้งหมดที่เจ้าครอบครองอยู่ สามารถใช้ได้ในอาณาเขตของรัฐไป๋ลู่เท่านั้น”
“เสด็จพี่ ข้า......ทั้งหมดเป็นเพราะเซียวเฉวียนนั้นอุกอาจเกินไป! เขาต้องการจะสังหารข้า!”
ฮ่องเต้ไม่ได้สนใจเขา “วันนี้เจ้าถึงขั้นใช้ตราประทับเหวินอิ้นออกมาในอาณาเขตของเมืองหลวง หากเสนาบดียุติธรรมกล่าวหาว่าเจ้าเป็นกบฏ ข้าก็ไม่อาจช่วยเหลือเจ้าได้! ก่อนหน้านี้ข้าเคยสั่งลงโทษให้เจ้ายืนหันหน้าเข้ากำแพงเพื่อสำนึกผิดมาก่อน แต่ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักกลับใจ เช่นนั้นข้าก็จะสั่งให้จงกุ้ยมายึดตราประทับเหวินอิ้นของเจ้ากลับคืนมา”
อะไรกัน?
เว่ยชิงตะลึงงัน ยึดตราประทับเหวินอิ้นกลับไป เช่นนั้นเขาจะยังมีอำนาจเหลืออีกอย่างนั้นหรือ?
“ฝ่าบาท! ข้าผิดไปแล้ว! อย่ายึดตราประทับเหวินอิ้นของข้ากลับไปเลย!”
“เซียวเฉวียน ในฐานะที่เจ้าเป็นขุนนางระดับห้าในราชสำนัก แม้ว่าจะเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับเว่ยชิง แต่ก็ไม่ควรทะเลาะกันบ่อย ๆ ทำให้ราษฎรต้องเดือดร้อน ตอนนี้ที่ห้องหนังสือชิงหยวน อาจารย์ของพวกเจ้ากำลังดำเนินพิธีการสำคัญ พวกเจ้าทั้งสองรีบกลับไปยังห้องหนังสือชิงหยวนโดยเร็ว!”
แม้ว่าฮ่องเต้จะเอ่ยออกมาว่าสิ่งที่เซียวเฉวียนทำลงไปนั้นไม่ถูกต้อง แต่มันก็เป็นเพียงแค่การเอ่ยถึงเท่านั้น ไม่ได้มีการลงโทษแต่อย่างใด เว่ยชิงตกตะลึง ฝ่าบาทยึดตราประทับเหวินอิ้นของเขากลับไป เหตุใดจึงไม่ลงโทษเซียวเฉวียนเลยแม้แต่น้อย?
“เช่นนั้นจะจัดการกับเว่ยชิงอยู่นี้อย่างไร?”
เซียวเฉวียนไม่ใช่คนที่ถูกผู้อื่นเกลี้ยกล่อมได้ง่าย ฮ่องเต้เอาแต่พูดว่าจะหาวิธีการที่ทำให้เขาพอใจ แต่ฮ่องเต้นั้นจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?
“เซียวเฉวียน” มันเป็นเสียงที่ยาวนานและหนักแน่นราวกับดังลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า “ข้ามอบสิทธิ์ในการสืบทอดห้องหนังสือชิงหยวนให้แก่เจ้า คนเร่ร่อนในยุทธภพสองคนที่ลงมือสังหารสองสามีภรรยาแห่งตระกูลสวี่ได้ถูกส่งไปยังปีศาจกวีแล้ว ในตอนเริ่มพิธีจะทำการประหารพวกเขาต่อหน้าสาธารณชนเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น”
เมื่อได้ยินเรื่องสิทธิ์ในการสืบทอดห้องหนังสือชิงหยวน ดวงตาของเว่ยชิงทะลักออกมาจนแทบจะหล่นลงพื้น เจ้าของห้องหนังสือชิงหยวนคือเหวินฮั่นและเหวินคุนผู้เป็นบุคคลชั้นสูง คนอย่างเซียวเฉวียนมีสิทธิ์อะไร?
เซียวเฉวียนไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างใด แค่สำนักศึกษาเพียงสำนักเดียว มันไม่ได้วิเศษวิโสอะไร!
เซียวเฉวียนพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น แค่นี้เองงั้นหรือ?
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วงั้นหรือ?
ตัวเขาเองก็สามารถจัดการกับพวกเร่ร่อนในยุทธภพสองคนนั้นได้! ก่อนหน้านี้ เซียวเฉวียนตามหาที่กบดานของคนเร่ร่อนในยุทธภพทั้งสองที่สังหารสองสามีภรรยาตระกูลสวี่ได้ตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ฮ่องเต้ปรากฏตัวออกมา จะมอบมันให้เป็นหน้าที่ของท่านอาจารย์!
ดูเหมือนว่าทุกการเคลื่อนไหวและทุกการกระทำของเขา ทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของฮ่องเต้
เป็นเรื่องปกติที่ฮ่องเต้จะจับต่อดูการเคลื่อนไหวของขุนนางผู้ซึ่งทำงานให้กับตนเอง
“แล้วเว่ยชิง?”
ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ 11จึงถามออกมาอีกครั้ง เขาชี้ไปที่เว่ยชิง คนเร่ร่อนสองคนในยุทธภพเป็นเพียงพวกลิ่วล้อ เว่ยชิงถึงเป็นผู้บงการที่แท้จริง
“เซียวเฉวียน! เหตุใดความต้องการของเจ้าจึงมากมายถึงเพียงนี้!” เว่ยชิงกล่าวออกมาด้วยความโกรธ เขาถูกเซียวเฉวียนทุบตีจนกระดูกแทบหักไปทั้งตัว แค่นี้ยังไม่พออีกอย่างนั้นหรือ?
“ยืมเงินต้องใช้ด้วยเงิน! พรากชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
“ข้าขอมากไปอย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาของเซียวเฉวียนเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “เวลานี้เจ้าไม่สามารถใช้ตราประทับเหวินอิ้นได้ ระวังตัวเอาไว้ ไม่แน่ข้าอาจจะสังหารเจ้าด้วยมือของข้าเอง!”
เวลานี้ที่เซียวเฉวียนยังไม่ลงมือ นั่นเป็นเพราะเขาอยากจะเป็นว่าฮ่องเต้จะทำอย่างไรให้ตอบสนองความพึงพอใจของเขา!
มันต่างจากตาเฒ่าปีศาจกวีที่กลับมา แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าเซียวเฉวียน!
เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นมาในทันใด “บ้านตระกูลสวี่ จะถูกจารึกไว้ในหอจืออี้เพื่อรับการบูชาด้วยควันธูปจากคนตระกูลเว่ย”
“ส่วนพวกเร่ร่อนในยุทธภพ พวกเขาทั้งหมดจะถูกประหารชีวิต!”
เซียวเฉวียนตะลึงงัน การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของฮ่องเต้โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก!
เว่ยชิงเองก็ตกใจไม่น้อย
อะไรกัน?
เว่ยชิงสงสัยว่าหูของตนเองได้ยินผิดไป มีคนเร่ร่อนในยุทธภพหลายแสนคนที่อยู่ในต้าเว่ย พวกเขาทั้งหมดจะถูกสังหารอย่างนั้นหรือ?
ฮ่องเต้หยุดไปครู่หนึ่งและกล่าวออกมาว่า “หากคนในยุทธภพเหล่านั้นเต็มใจที่จะเป็นทหาร เปลี่ยนแปลงตัวเอง ข้าก็จะมอบโอกาสให้กับพวกเขา”
“แต่หากไม่ หนทางของพวกเขาก็มีแค่ความตายเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...