ไป๋ฉีหลบเลี่ยง มือของขันทีไม่ได้ตบหน้าของเขา ขันทีโกรธขนกรีดร้องเสียงแหลมเหมือนหญิงสาว “บังอาจ!” เจ้ากล้าหลบอย่างนั้นหรือ!”
นายของข้าคือนายท่านแห่งชิงหยวน เจ้ากำลังยั่วยุไม่มีเหตุผล ต้องการสิ่งใด”
เหล่าผู้อารักขาคนอื่นต่างมองหน้ากัน ไป๋ฉีตะโกนเสียงดัง
พอนายไม่อยู่ เหล่าผู้อารักขาต่างพากันเก็บห่างของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะพลาดไปยั่วยุให้ใครไม่พอใจ ถึงอย่างไรผู้อารักขาสถานะนี้ก็ไม่ได้รับการต้อนรับอยู่แล้ว
แต่ไป๋ฉีช่างกล้าโต้กลับ?
ผู้อารักขาของเซียวเฉวียนนั้นแตกต่าง!ว่ากันว่านายเป็นอย่างไรบ่าว็เป็นเช่นนั้น!
เจ้านายอวดดี ผู้อารักขาก็อวดดี!
ไป๋ฉีสูงกว่าคนทั่วไป แม้แต่ผู้อารักขาด้วยกันก็ยังไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าเขา ตะโกนเสียงดัง ก็เพื่อยกตนข่มท่าน!
ขันทีทั้งสองคนเหมือนลูกเจี๊ยบเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาอกสั่นขวัญแขวน ไม่อยากเชื่อ เป็นแค่ผู้อารักขาแต่กล้าทำกิริยาสามหาวเช่นนี้!
“เจ้าขโมยของ!” ขันทีตะโกนเสียงแหลม “เอาออกมาเดี๋ยวนี้!”
ตามหลักเหตุผลแล้ว คุณสมบัติของผู้อารักขาคือทหารคนสนิทของนาย ได้หลุดพ้นจากการเป็นทาส เพียงแต่มาจากครอบครัวยากจน ดังนั้นสังคมจึงไม่สูงมากนัก
แต่ขันทีเป็นถึงทาสรับใช้ของฮ่องเต้ ถือว่ายังไม่หลุดพ้นจากการเป็นทาส ก็ยังเป็นทาสรับใช้อยู่วันยังค่ำ
ดังนั้นสถานะของไป๋ฉีย่อมสูงกว่าขันทีสองคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เป็นนายของไป๋ฉีก็เป็นถึงเจ้าแห่งชิงหยวน เจ้าของห้องหนังสือห้องแรกของราชสำนัก ถ้าเซียวเฉวียนอยู่ แล้วขันทีสองคนนี้แสดงกิริยาหยาบตคายเช่นนี้ ไป๋ฉีจะเหวี่ยวหมัดให้พวกเขากินสักสองสามหัด ก็คงเป็นเรื่องปกติ
แต่เซียวเฉวียนกำลังประลอง ตามกฎแล้ว ผู้อารักขาห้ามชกต่อยคนอื่นหากไม่มีคำสั่งจากผู้เป็นนาย
ดังนั้น ไป๋ฉีจึงทำได้แค่หลบเลี่ยง
ขันทีสองคนนี้ตั้งใจมาช่วงชิงภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิของคุณหลุน แต่ก็จนปัญญาเพราะไป๋ฉีเย่อหยิ่ง เขาชูแขนขึ้นฟ้า ขันทีสองคนนี้กลับเอื้อมไม่ถึง!
ขันทีสองคนนี้ทั้งดึงทั้งกระชาก เหมือนลิงที่กระโดดขึ้นลง อย่าว่าแต่ภาพวาดเลย แม้แต่มือของไป๋ฉีก็ยังแตะไม่ถึง!
ภาพวาดผืนนี้ น่าขันยิ่งนัก!
“พรวด!”
ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหว แอบหัวเราะเยาะหนึ่งเสียง
เสียงหัวเราะนี้เหมือนการจุดถังดินปืน ทุกคนต่างพากันหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่า ๆ!”
“ฮ่า ๆๆๆ!”
ขันทีถูกหัวเราะเยาะจนหน้าแดง รีบยืดตัว ไม่กระโดดยื้อแย่งอีก แต่พยายามใช้สถานะข่มผู้อื่น “หัวเราะอะไร!ในบรรดาพวกเจ้าหากใครแย่งภาพวาดผืนนี้ได้!ท่านอ๋องจะทรงพระราชทานรางวัลให้อย่างงาม!”
ผู้อารักขาคนอื่นไม่สนใจขันที พวกเขาจะฟังคำสั่งของผู้เป็นนายเท่านั้น ต่อให้ขันทีสองคนนี้จะเป็นคนของท่านอ๋อง พวกเขาก็ทำลายกฎเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครเอาชนะไป๋ฉีได้!
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเซียวเฉวียนแต่งกวีได้น่าทึ้งเพียงใด ไป๋ฉีและเหมิงเอ้าได้กลายเป็นผู้อารักขาที่เก่งที่สุดไปด้วย!
พวกเขาทั้งอิจฉาและกลัว
อิจฉาที่ตัวเองไม่ได้ติดตามนายที่มีความสามารถเช่นนี้
กลัวศึกระหว่างนายของตัวเองและเซียวเฉวียน ถึงตอนนั้นหากนายของตนสู้กับเซียวเฉวียน พวกเขาจะต้องสู้ไป๋ฉีไม่ได้แน่นอน นายไม่เป็นไร แต่พวกเขาต้องตายแน่นอน
“พวกเจ้า...พวกเจ้า....” ขันทีกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ไม่มีขันทีคนไหนในเมืองหลวงไม่สนิมสนมกับท่านอ๋อง !พวกเจ้ากล้านิ่งเฉย!”
“รอให้นายของพวกเจ้าออกมาก่อนเถอะ ดูสิว่าพวกเขาจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร!”
ขันทีดุด่าเสียงดัง ผู้อารักขาของแต่ละตระกูลก็ยังไม่สนใจ กฎก็ต้องว่าไปตามกฎ ไม่มีคำสั่งจากผู้เป็นนายห้ามทะเลาะกัน
ไป๋ฉีถอนหายใจ
เวลานี้ไป๋ฉียังเป็นคนมีเมตตา ไม่ได้เปล่งกลิ่นอายจิตสังหารออกมา ตอนนี้เขาไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมทาง
ถ้าจะต้องสู้กันจริง ๆ เกิดนองเลือดคงไม่ดีกับใครทั้งนั้น
ขันทีสองคนนี้กลัวว่าโลกไม่วุ่นวาย จึงพยายามปลุกปั่น กระทั่งมีเสียงตะโกนดังขึ้น “บังอาจ!ใครบังอาจกสร้างปัญหา!”
ทุกคนต่างกันกลับมา กระทั้งพบกับหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดราคาแพง ใบหน้าดูเป็นผู้ดีมีสกุล น่าเกรงขาม ข้างกายมีสาวใช้อีกหนึ่งคน!
ไป๋ฉีตะลึงงัน ฉินซูโหรวและอาเซียงมาทำอะไรที่นี่?
ท่านอ๋องที่ขันทีเรียกขานก็คือท่านลุงของนาง
วันนี้ไป๋ฉีโชคดียิ่งนัก
ฉินซูโหรวออกหน้าแทนเขาแล้ว
ขันทีสองคนยืนอยู่อีกด้าน นัยน์ตาคู่สวยของฉินซูโหรวกวาดมอง น้ำเสียงยังคงโหดเหี้ยม “พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ทำให้ภาพวาดรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนต้องด่างพร้อย ไป๋ฉี เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์เช่นนั้นหรือ?”
กล่าวจบ ฉินซูโหรวก็เอื้อมมือ หมายจะคว้าภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุน
ทุกคนมองตาค้าง นี่มันอะไรกัน?
เซียวเฉวียนยังประลองอยู่ในลาน ฉินซูโหรวกลับมาสร้างความลำบากให้ผู้อารักขาของเซียวเฉวียน!
มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าฉินซูโหรวไม่พอใจ
และใช่ เซียวเฉวียนสู่ของฉินซูโหรวแล้ว ตอนนี้เขายังเข้าร่วมประลองยุทธเลือกคู่ เท่ากับประกาสให้คนใต้หล้ารู้ เซียวเฉวียนไม่พอใจฉินซูโหรว อยากเปลี่ยนภรรยา!
เหล่าผู้อารักขาพากันซุบซิบนินทา หึ ๆ วันนี้จะได้ดูละครสนุก ๆ แล้ว
“คุณหนูฉิน นายท่านสั่งให้ข้ารักษาภาพวาดชิ้นนี้อย่างดี ข้าคงให้ท่านไม่ได้”
ไป๋ฉีปฏิเสธหนักแน่น เขาฟังคำสั่งแค่เซียวเฉวียนเท่านั้น แม้ว่าฉินซูโหรวจะเป็นภรรยาของเซียวเฉวียน เขาก็ไม่ยอม
“ไอ้สุนัขรับใช้!” ฉินซูโหรวตะวาดเสียงดัง “เอามาให้ข้า!ไม่อย่างนั้น!ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าล่ะนะ”
ภาพวาดชิ้นนี้เป็นรางวัลที่เซียวเฉวียนโน้มน้าวให้ฉินเฟิงล่าถอย ไป๋ฉีพกติดตัวทุกวัน เพื่อล้างข่าวลือที่ว่าฉินซูโหรวเป็นคนมอบให้เซียวเฉวียนเป็นการส่วนตัว
ฉินซูโหรวไม่เคยอยากได้ แต่ดันอยากได้ในตอนที่ข่าวลือแพร่สะพัด ต้องการในตอนที่เซียวเฉวียนกำลังลงประลอง
คงไม่ได้อยากรังแกไป๋ฉีหรอกนะ?
ไป๋ฉีไม่อยากทะเลาะกับผู้ยิง เขารู้เหตุผลดี “คุณหนูฉิน วันนี้ภาพวาดชิ้นนี้มีบางอย่าผิดปกติ เหมือนจะมีบางจุดไม่ถูกต้อง ข้าคงให้มันกับท่านไม่ได้ แหลีกเลี่ยงอันตราย”
อาเซียงขมวดคิ้ว ไป๋ฉีเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่มีทางโกหก “คุณหนู ช่างมันเถอะ....”
“เหอะ !น่าตลกสิ้นดี!” ฉินซูโหรวตวาด “หยุดพูดจาเหลวไหล!ภาพวาดชิ้นเดียวจะอันตรายอะไร !ก็แค่ข้ออ้าง !เอามานี่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...