“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ?” เซียวเฉวียนจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
จ้าวซิ่นตัวคนเดียว แต่เขาก็เป็นคนที่หยิ่งยโสเช่นกัน
ทุกคนรู้ดีว่าพ่อของเขาคือจ้าวจินไหล
และทุกคนต่างหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้เขา
ในทางตรงกันข้าม เซียวเฉวียนที่เป็นขุนนางระดับห้า ทำไมถึงพูดเรื่องไม่เข้าหูเขา?
“ใต้เท้าเซียว?” จ้าวซิ่นกลอกตาแล้วยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว: "ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นลูกเขยตระกูลฉิน"
ทุกคนยิ้มเยาะเย้ยใส่เขา
เมื่อหันมามองที่เจ้าสุนัขป่า ตอนนี้มันไม่มองที่อู๋ไห่อีกต่อไป มันจ้องมองไปที่เซียวเฉวียน และส่งเสียงขู่ในลำคอเป็นสัญญาณเตือน
ลูกเขย?
ฮ่าๆ คนสมัยนี้น่ารักกันจัง ลูกเขยถือว่าเป็นคำด่าได้ไหม?
"ถ้าท่านรู้ว่าข้าเป็นเพียงลูกเขยของตระกูลฉิน" เซียวเฉวียนยิ้มสบายๆ และจับดาบจิงหุน: "คุณชายจ้าว ก็ช่างโง่เขลาเสียเหลือเกิน"
“ข้าอาจจะไม่มีความสามารถ แต่ข้าเป็นถึงประมุขของสถานศึกษาชิงหยวน”
ทันทีที่เซียวเฉวียนพูดจบ จ้าวซิ่นกระพริบตาถี่ๆ ใบหน้าของเขาซีดเซียว
จ้าวซินอยู่ห่างจากบ้านมาหลายปี เขารู้เพียงแค่ว่าเซียวเฉวียนเป็นลูกเขยของตระกูลฉิน แต่เขาไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นประมุขสถานศึกษาชิงหยวนแล้ว
แม้ว่าจ้าวซิ่นจะศึกษาที่สถานศึกษาชิงหยวน แต่เขาไม่ได้ชอบมันมากนัก จึงไม่ได้ยุ่งกับใคร และไม่ได้รับรู้ข่าวสารใดๆเลย
ตราบใดที่ศึกษาอยู่ที่สถานศึกษาของหยวน ก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของชิงหยวนและเซียวเฉวียนเช่นกัน
เซียวเฉวียนยืดหลังและพูดอย่างสบายๆ: "ดังนั้นคุณชายจ้าว ไม่เพียงแต่คุณชายต้องเรียกข้าว่าใต้เท้าเท่านั้น แต่คุณชายยังต้องเรียกข้าว่าเซียวเจี้ยวหยู้เพื่อความสุภาพ"
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อฝูงชนได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็หัวเราะเยาะ หัวเราะให้กับความไร้ยางอายของเซียวเฉวียน
ผู้คนเชื่อฟังเซียวเฉวียนเพียงเพราะพวกเขาไม่รู้จักตัวอักษรจีนแม้แต่ตัวเดียว และหวาดกลัวเซียวเฉวียนเท่านั้น
เซียวเฉวียนกล้ายกตนว่าเป็นประมุขสถานศึกษาชิงหยวน ฝ่าบาทมอบตำแหน่งนั้นให้เขา คนอย่างเซียวเฉวียนมีความสามารถอะไรถึงได้รับตำแหน่งนี้?
ระดับความรู้และความสามารถของเขาสูงกว่าเหวินฮั่นและเหวินคุนอย่างนั่นรึ?
เซียวเฉวียนจึงพูดออกมาได้โดยไม่มีความละอาย!
น่าขัน!
น่าขันสิ้นดี!
หูของเซียวเฉวียนราวกับหูของคนไร้ยางอายที่ฟังคำเย้ยหยันพวกนั้น เขาเพิกเฉยไม่สนใจ! และยังเงี่ยหูรอฟังจ้าวซิ่นเรียกเขา "ใต้เท้าหรือเซียวเจี้ยวหยู้" ด้วยความเคารพ
เซียวเฉวียนรู้ดีว่าจ้าวซิ่นจะไม่เรียกอย่างแน่นอน
อันที่จริง เซียวเฉวียนไม่ได้สนใจเขา เพียงแค่อยากตักเตือนจ้าวซิ่นว่าทุกอย่างควรทำแต่พอประมาณ
การที่เขารังแกอู๋ไห่ ชายหนุ่มที่มาจากตระกูลยากจน ให้เขาขอโทษสุนัขนั้น มันดูมากเกินไปหน่อย
“ฮ่าฮ่า!” ในที่สุดจ้าวซิ่นก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียวเฉวียน ในฐานะประมุขสถานศึกษาชิงหยวน เขาถึงกลับหัวเราะเยาะออกมาทันที"เซียวเฉวียน เจ้าเป็นขุนนางระดับห้าและเป็นประมุขสถานซึกษาชิงหยวน เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?"
เมื่อทุกคนได้ยิน ต่างก็คิดว่ากำลังซุบซิบอะไรกันอยู่
แม้แต่เซียวเฉวียนก็ดูเหมือนกำลังนินทาอะไรสักอย่างอยู่
จ้าวซิ่นกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน แต่ไม่พูดออกมาว่าคืออะไร:" ข้ารู้ว่าท่านคือขุนนาง แต่ทำไมข้าจะต้องไว้หน้าท่านด้วย!"
“พูดออกมาเถอะ ข้าไร้ยางอายพอ” ทันทีที่เซียวเฉวียนพูดออกมา ทุกคนก็หัวเราะเสียงดัง ลูกเขยตระกูลฉินไม่เพียงแต่ไร้ยางอายเท่านั้น แต่ยังมีอารมณ์ขันอีกด้วย เขากล้าดียังไงมาท้าทายจ้าวซิ่นเช่นนี้?
จ้าวซิ่นตะคอกอย่างเย็นชา: "ไม่จำเป็น! ข้าไม่ชอบพูดอะไรไร้สาระ แค่เจ้าสำเหนียกตัวเองไว้ก็เพียงพอแล้ว!"
“เจ้าไม่มีความสามารถและไม่มีความรู้ที่แท้จริง และสิ่งที่เจ้าพึ่งพาก็เป็นเพียงสิ่งนอกรีต ดังนั้นเจ้าอย่ามาชี้นิ้วสั่งข้า!"
จ้าวซิ่นท่าทางเย่อหยิง:" อู๋ไห่! ขอโทษชีต้าเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นก็อย่ามาว่าข้าว่าข้าหยาบคาย!"
วันนี้ อู๋ไห่มาที่นี้เพื่อเข้าร่วมการประลองยุทธเลือกคู่ หากเขาขอโทษสุนัข เขาก็คงพ่ายแพ้ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม สุดท้ายนี้ไม่ต้องพูดถึงองค์หญิง แม้แต่ผู้หญิงธรรมดาก็คงไม่อยากแต่งงานกับคนขี้ขลาดเช่นนี้
“คุณชายจ้าว โปรดยกโทษให้อู๋ไห่ที่ไม่ระวัง"
อู๋ไห่เป็นคนฉลาด เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนที่เป็นขุนนางเต็มใจที่จะช่วยเหลือเขา เขาจึงไม่ยอมจำนนต่อจ้าวซิ่น
เขาเป็นคนฉลาดและมีการศึกษาดี เซียวเฉวียนจึงแอบยกย่องเขาอยู่ในใจ
ทันใดนั้น ไม่ทันให้จ้าวซิ่นแสดงท่าทีไม่พอใจ สุนัขป่าก็วิ่งเข้าใส่อู๋ไห่ทันที!
“อ๊า!” อู๋ไห่หน้าซีดด้วยความหวาดกลัวและท่องบทกวี: “แม่น้ำจิงซีไหลเชี่ยวเผยหินสีขาว ใบไม้แดงล่วงหล่นปลิวตามลมหนาว ออกมา!"
ดาบโผล่ออกมาในมือของอู๋ไห่และฟันสุนัขป่า!
“ไอ้สารเลว! เจ้ากล้าดียังไง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...