อ่านสรุป บทที่ 315 แตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 315 แตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ปล่อยมือ?
ฉินซูโหรวย่นคิ้วงาม “เหตุใดข้าต้องปล่อยมือด้วย! แค่พู่กันหัก ๆ พัง ๆ จะทำให้ข้ากลัวได้งั้นรึ?”
“ไป๋ฉี่! เจ้ากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่ใช่หรือไม่?”
“เพราะอยากได้ภาพผืนนี้ เจ้าจึงใช้พู่กันมาขู่ข้าเช่นนั้นรึ!”
ปากของฉินซูโหรวพูดว่าไม่กลัว แต่สีหน้าซีดลงเรื่อย ๆ พู่กันด้ามนั้นค่อย ๆ หมุนไวมากขึ้น เสียงจากด้านในภาพก็ดังมากขึ้นเรื่อย ๆ!
ดูเหมือนว่าพวกมันรีบร้อนกันมาก แม้ไป๋ฉี่ไม่รู้ว่าพวกมันรีบร้อนอะไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือให้ฉินซูโหรวโยนภาพทิ้งไปข้าง ๆ เสียก่อน
พู่กันจินหลุนเฉียนคุนเพิ่งอยู่กับเจ้านายได้ไม่นาน ไป๋ฉี่ไม่อาจกุมมันอยู่หมัด รวมถึงครั้งก่อนพู่กันเฉียนคุนยังหนีหายไปอีก ฉินซูโหรวเอาแต่ใจเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจเกิดอันตรายขึ้น!
“คุณหนูฉิน! ท่านวางภาพไว้ข้าง ๆ ก่อนเถอะขอรับ! ข้าไม่แย่ง! ข้าไม่แย่งแน่นอน!”
ไป๋ฉี่ไม่กล้าบีบบังคับ ฉินซูโหรวเป็นผู้ที่ชอบเอาชนะและเอาแต่ใจ หากเขาฝืนแย่งมา นางอาจจะฉีกภาพด้วยความโกรธก็เป็นได้!
“เจ้าก็แค่ผู้อารักขาคนหนึ่ง เจ้ากล้าออกคำสั่งกับข้ารึ!”
ทำอย่างไรฉินซูโหรวก็ไม่ปล่อยมือและไม่พูด แล้วยังใจกล้าถือภาพวิ่งออกไปด้านนอก!
พู่กันเฉียนคุนก็ตามไปในทันที!
“คุณหนู!” อาเซียงตกใจตาค้าง ท่าทีลุกลน “ไป๋ฉี่! เจ้ารีบหาวิธีสิ! นี่ไม่ใช่พู่กันของนายท่านหรือ! ทำไม ทำไมมันถึงไล่ตามคนได้เล่า!”
ให้ฉินซูโหรวทิ้งภาพ นางก็ไม่โยน ตอนนี้สาวใช้กลับโยนความผิดให้ไป๋ฉี่แทน
ไป๋ฉี่ไม่มัวพูดไร้สาระ หายตัวไปในพริบตา และวิ่งตามไป
ตามหลักการแล้ว พู่กันเฉียนคุนมีความว่องไวกว่าฉินซูโหรวมาก แต่มันคอยตามหลังนางอยู่เนือย ๆ
ฉินซูโหรวไม่เคยพบเห็นพู่กันที่ประหลาดเช่นนี้ นางกอดภาพไว้และวิ่งกลับเรือนอย่างรีบร้อน เมื่อเข้าไปแล้วก็ปิดประตูในทันที!
เพราะฉะนั้นแล้ว พู่กันก็ไม่อาจเข้ามาได้!
ฉินซูโหรวหอบแฮก ๆ ทันใดนั้นก็มีบางอย่างมากระแทกที่หน้าอกของนาง ทำให้หน้าอกของนางเจ็บปวดขึ้นมา!
เมื่อนางก้มหัวลงไปมอง ดีจริง ที่แท้ภาพนี้ขยับได้งั้นหรือ? ที่แท้ภาพผืนนี้ก็มีความลับแอบแฝง มิน่าล่ะเซียวเฉวียนจึงได้ทั้งซ่อน ทั้งเหน็บ ไม่ยอมคืนให้กับนาง!
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุน วาดขึ้นโดยจักรพรรดิผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็นผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียง
ว่ากันว่าเป็นผลงานชิ้นเอก แต่ฉินซูโหรวไม่เคยเห็นว่ามันเป็นอย่างไร เพราะนางไม่สามารถเปิดมันได้เลย
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฉินซูโหรวจะแย่งภาพกลับมาได้ ประจวบกับนิสัยของคุณหนูเอาแต่ใจ วันนี้นางต้องดูให้รู้ว่าภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนมีหน้าตาเป็นอย่างไร!
นางฝืนเปิดม้วนภาพ สองมือแยกม้วนกระดาษอย่างเอาเป็นเอาตาย!
“โฮก!”
เสียงคำรามของเสือที่กำลังโกรธ สั่นสะท้านมาจากม้วนภาพ!
ฉินซูโหรวตกใจเสียจนเลือดพุ่งออกมาจากปาก!
เลือด...
เลือด?
เลือด!
ฉินซูโหรวมองเลือดที่พื้นอย่างไม่เชื่อสายตา! มีเลือดได้อย่างไรกัน...
ในขณะเดียวกันนั้น เสียงคำรามของเสือทำให้เกิดลมกระโชก สิ่งที่เป็นขวดและโหลในบ้านกระแทกพื้นดังเพล้ง เพล้ง!
ในระหว่างนั้น แจกันโบราณล้ำค่าเหล่านั้นและเครื่องประดับของฉินซูโหรว ต่างก็แตกละเอียดไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว!
“เครื่องลายครามของข้า!”
“กำไลหยกของข้า!”
ฉินซูโหรวที่กำลังสูญเสียอย่างหนัก รีบโยนภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนไว้ที่พื้น นางวิ่งไปปกป้องของโบราณและเครื่องประดับ แต่ลมแรงเกินไปและนางไม่สามารถปกป้องสิ่งใดไว้ได้เลย!
“ฮือ ๆ ๆ!” ฉินซูโหรวโกรธจนทนไม่ไหวและร้องไห้ออกมา นางไม่สนใจจะปกป้องสิ่งของแล้ว!
สมน้ำหน้า!
หากเซียวเฉวียนอยู่ เขาต้องด่านางอย่างโหดร้าย!
ในเวลานั้น พ่อฉินที่ได้ยินเสียงโครมครามก็รีบวิ่งเข้ามา “ลูกสาว เกิดเรื่องอะไรขึ้น! ปิดประตูไว้ทำไม!”
เขาทุบที่ประตู พลางถามไป๋ฉี่ที่ยืนอยู่ที่ประตู “เหตุใดด้านในจึงมีเสียงคำรามของสัตว์ร้าย! อีกอย่าง! นี่คืออะไรกัน?”
พ่อฉินชี้ไปที่พู่กันเฉียนคุนที่ลอยอยู่ในอากาศ พร้อมคำถามที่มาเป็นกอง!
“ท่านแม่ทัพฉิน เปิดประตูออกก่อนเถอะขอรับ”
ไป๋ฉี่ไม่ชนประตูเข้าไป การชนประตูบานนี้เป็นเรื่องกล้วย ๆ สำหรับเขา แต่ผู้ชายคนหนึ่งที่ชนประตูเรือนของภรรยาเจ้านาย คงไม่เหมาะสมสักเท่าไร
เมื่อพ่อฉินได้ยินดังนั้น จึงเตะประตูให้เปิดออกด้วยความห่วงใยลูกสาว!
เมื่อประตูเปิดออก พู่กันจินหลุนเฉียนคุนก็บินนำหน้าเข้าไปก่อน!
ด้านในห้องเละเทะเป็นหน้ากลอง ราวกับมีลมพายุใหญ่พัดผ่าน แต่พ่อฉินเพิ่งกลับมาจากด้านนอกเมื่อครู่ และไม่เห็นว่าวันนี้มีลมพัดผ่านมา!
แร่จากภูเขาคุนหลุนสามารถนำมาใช้สร้างอาวุธแห่งจิตวิญญาณได้ มีกระบี่ฉุนจุนพร้อมกับดาบไท่อาอยู่ด้านหน้า และดาบจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ด้านหลัง
ดังนั้น พู่กันเฉียนคุนและภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเป็นอาวุธที่ปัญญาชนต่างพากันเสาะหา!
อาวุธชั้นหนึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถมนุษย์!
อาวุธชั้นยอดขึ้นอยู่กับสวรรค์บันดาล!
ปีศาจกวียอมสละเพื่อเซียวเฉวียน ศิษย์คนนี้ของเขาอย่างจริงใจ!
ตอนที่ฝ่าบาทมอบภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนให้นั้น เซียวเฉวียนและฉินซูโหรวเพิ่งแต่งงานกัน เซียวเฉวียนยังไม่แม้แต่ทดสอบระดับชนบท! ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับเซียวเฉวียนเช่นนี้!
มิน่าล่ะ!
มิน่าล่ะ ก่อนที่ท่านพ่อจะจากไป จึงฝากฝังจวนฉินให้กับเซียวเฉวียน! พ่อฉินกำหมัดแน่น ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินเซียวเฉวียนต่ำเกินไป!
พ่อฉินกลายเป็นคนในตระกูลฉินที่ตาสว่าง เป็นคนที่สองในจวนฉิน
คนแรก ก็คือฉินหนาน
ฉินหนานเป็นเด็กน้อย เมื่อถูกลูกหลานตระกูลขุนนางรังแก จึงรู้ว่าพี่เขยเป็นคนดี
แต่พ่อฉินกลับมองว่าเซียวเฉวียนสุดยอด เพราะมีอาวุธชั้นเยี่ยม!
ปีศาจกวีอาจดูบ้า ๆ บอ ๆ แต่กลับเป็นผู้ที่ฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกลอย่างหาที่เปรียบมิได้
สามารถส่งต่อพู่กันให้กับเซียวเฉวียน จะต้องคิดว่าเซียวเฉวียนคู่ควรกับมัน!
“พู่กันด้ามนี้ มีชื่อด้วยงั้นหรือ?”
ตอนที่พ่อฉินถาม ร่างกายสั่นคลอนเล็กน้อย
ไป๋ฉี่อึ้ง หรือว่าท่านแม่ทัพฉินก็รู้จักพู่กันด้ามนี้ด้วย?
ไป๋ฉี่พยักหน้า “มีขอรับ ปีศาจกวีได้ตั้งชื่อให้แล้ว ชื่อของมันคือพู่กันจินหลุนเฉียนคุน”
“พู่กันจินหลุนเฉียนคุน......” พ่อฉินเปล่งเสียงกระซิบกระซาบเบา ๆ เป็นชื่อที่ดี เป็นชื่อที่ดีเสียจริง!
ไป๋ฉี่มองภาพผืนนั้นอย่างเป็นกังวล “ท่านแม่ทัพฉิน เหตุใดภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิจึงได้บ้าคลั่งเช่นนี้? เหตุใดพู่กันด้ามนี้จึงตื่นเต้นสั่นไหวเพียงนี้?”
“พู่กันและภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเป็นคู่กันมาตลอด ปีศาจกวีเป็นผู้เก็บรักษาพู่กัน ฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นผู้เก็บรักษาภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ อาวุธในภูเขาคุนหลุนมีพลังทางจิตวิญญาณ และตอนนี้พวกมันกลับมาพบกันอีกครั้ง จึงได้ดึงดูดซึ่งกันและกันโดยธรรมชาติ”
ไป๋ฉี่ตะลึงงัน “ท่านหมายความว่า ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิผืนนี้ก็เป็นอาวุธงั้นหรือขอรับ?”
“ถูกต้อง” พ่อฉินพยักหน้า “อาวุธที่ธรรมชาติสรรสร้าง! ยังคงกักขังเซี่ยวเฟิงไว้ด้านใน!”
“ไป๋ฉี่! รีบปิดประตูเร็วเข้า! อย่าให้คนนอกได้เห็น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...