“ขอรับ”
ไป๋ฉี่งุนงงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ทำตามคำสั่งของพ่อฉิน
พ่อฉินไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเป็นเจ้านายควรทำอย่างไร แต่เขาก็ไม่เคยคิดทำสิ่งไม่ดีต่อเจ้านายของเขา
“ไป๋ฉี่ ทุกวันนี้ข้างนอกลือกันหนาหูว่า เซี่ยวเฟิงปรากฏตัวที่ป่าไผ่นอกเมือง ตอนนี้คนในตระกูลฉินต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าให้คนอื่นรู้ว่าเซี่ยวเฟิงอยู่ที่นี่”
“อีกเรื่อง ไป๋ฉี่ เจ้าไปสั่งให้อาเซียงแจ้งกับคนอื่น ๆ ว่า นับตั้งแต่วันนี้ ห้ามให้ผู้ใดเข้ามาใกล้อาณาบริเวณนี้ ไม่ว่าสาวใช้หรือเด็กรับใช้ก็ห้ามก้าวเข้ามาแม้แต่นิดเดียว”
“ขอรับ” ไป๋ฉี่พยักหน้า
“เหตุผลที่เซี่ยวเฟิงไม่สงบเช่นนี้ เพราะมันกลัวว่าเจ้านายของมันจะมีอันตราย” พ่อฉินพูดอย่างเนือย ๆ พลางมองไปที่ภาพผืนนั้น
“ท่านพ่อ เจ้านายของเซี่ยวเฟิงมิใช่ข้าหรอกรึ?” ฉินซูโหรวเพ้อฝันมากเกินไป นางรู้ว่าเซี่ยวเฟิงเป็นถึงสัตว์ดุร้ายที่เลื่องชื่อด้านการทำสงคราม ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนผืนนี้เป็นของประทานจากฮ่องเต้ให้นาง เช่นนั้นนางต้องเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน!
หากนางได้เป็นเจ้านายของเซี่ยวเฟิง อย่าว่าแต่คนล้มละลายอย่างเซียวเฉวียนเลย แม้แต่ลูกหลานผู้มีอำนาจบารมีทั่วทั้งเมืองหลวง ต่างก็ต้องฟังคำของนางอย่างว่าง่าย
“เจ้าเพ้อฝันมากไปเสียแล้ว” แม้แต่พ่อฉินยังรู้สึกว่าลูกสาวของเขาคิดเพ้อฝันไป “เจ้านายของเซี่ยวเฟิงคือเซียวเฉวียน”
“อะไรนะ?” ฉินซูโหรวไม่สบอารมณ์อย่างมาก “ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนผืนนี้เป็นของประทานจากฮ่องเต้ให้สองสามีภรรยา เหตุใดเซี่ยวเฟิงจึงได้เป็นของเซียวเฉวียนเล่า!”
“ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเป็นภาพวาด ภาพที่วาดขึ้นโดยพู่กัน ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเป็นสิ่งของที่แนบมากับพู่กันเฉียนคุน วันนี้เซียวเฉวียนเป็นเจ้าของพู่กันเฉียนคุน เซี่ยวเฟิงที่อยู่ด้านในภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ ก็ต้องเป็นของเซียวเฉวียนด้วย”
“ท่านพ่อ ภาพวาดหนึ่งผืน เหตุใดจึงมีเสือหนึ่งตัวถูกกักขังอยู่ในนั้น?” ฉินซูโหรวสีหน้าซีด
“ไม่ใช่ภาพกักขังเซี่ยวเฟิงไว้ แต่เซี่ยวเฟิงคือภาพที่ถูกวาดออกมา มันแค่กลับเข้าไปอยู่ในภาพเท่านั้น”
ฉินซูโหรวและไป๋ฉี่ตะลึงงันในเวลาเดียวกัน
น้ำเสียงของพ่อฉินเต็มไปด้วยความชื่นชม “ปีศาจกวีเป็นผู้รู้หนังสือเพียงคนเดียวในต้าเว่ยที่ได้สัมผัสกับกวีสมุทรคุนหลุน พลังของกวีสมุทร ทำให้ปีศาจกวีสามารถสั่งลมสั่งฝน และหว่านเม็ดถั่วเป็นกองทัพได้”
“นอกจากนี้แล้ว พู่กันด้ามนี้และผืนผ้าใบถือกำเนิดมาจากภูเขาคุนหลุน มิใช่อาวุธที่มนุษย์สร้างขึ้น ดังนั้นพู่กันและภาพวาดจึงเข้าคู่กัน รวมถึงพลังของกวีสมุทร เมื่อน้ำหมึกจากพู่กันหยดลง เสือร้ายก็จะปรากฏขึ้น”
รูปลักษณ์ภายนอกของเซี่ยวเฟิงคือเสือดุร้ายตัวหนึ่ง มันเป็นเพียงแค่ร่างจำแลง และไม่มีตัวตนอยู่จริง และเป็นเพียงแค่การสำแดงจิตวิญญาณของกวีสมุทรคุนหลุน
ดาบทุกเล่มที่ทำจากแร่เขาคุนหลุนล้วนมีพลังจิตวิญญาณ เพียงแค่ดาบนั้นมีรูปร่าง แต่เซี่ยวเฟิงกลับไม่มี เพราะว่าพู่กันเฉียนคุนและภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิทำหน้าที่เข้าคู่กัน พลังงานจิตวิญญาณจึงบริสุทธิ์มาก จึงไม่จำเป็นต้องมีสิ่งใดมาค้ำจุนพลังงานทางจิตวิญญาณ
เมื่อฉินซูโหรวได้ฟัง เหตุใดจึงยิ่งใหญ่ขนาดนี้...
แต่เรื่องกวีสมุทรคุนหลุน นอกจากปีศาจกวีแล้ว ก็ยังไม่มีปัญญาชนคนไหนที่ได้สัมผัสอีกเลย
หากมีปัญญาชนอีกสักสองคนได้สัมผัสกวีสมุทร จำนวนไม่ต้องมาก ขอเพียงแค่สามถึงห้าคนก็พอ คิดดูว่าต้าเว่ยจะยิ่งใหญ่ได้มากเพียงใด?
พ่อฉินไม่กล้านึกฝัน ฉินซูโหรวไม่พอใจอย่างมาก “ตอนนี้เซียวเฉวียนมีพู่กันและภาพวาด เช่นนั้นเขาอยากได้สิ่งใดก็วาดเอาได้เลยละสิ!”
ไป๋ฉี่ตาลุกวาว หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้านายคงดีใจแทบตายเป็นแน่
“อาจจะไม่” คำพูดของพ่อฉินดับพลังใจที่กำลังลุกโชนของไป๋ฉี่ “แม้ว่าเซียวเฉวียนจะมีความสามารถมากกว่าใครทั้งปวง ถึงขั้นที่สามารถแต่งบทกวีที่น่าตกใจได้ แต่เขายังห่างไกลจากกวีสมุทรคุนหลุนอยู่มาก เขาอาจเป็นได้เพียงเจ้าของเซี่ยวเฟิง แต่หากเป็นถึงขั้นปีศาจกวีที่จับพู่กันประพันธ์กวีล้ำนั้น เขายังทำไม่ได้”
พ่อฉินคาดเดาว่า ด้วยว่าปีศาจกวีมีความสัมพันธ์ดีกับตระกูลเซียวมาตลอด เช่นนั้นเมื่อนานมาแล้ว เขาคงขอร้องให้ฮ่องเต้ประทานภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ แก่คนรุ่นหลังในตระกูลเซียว
ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า เซี่ยวเฟิงอยู่ด้านในนี้
ภาพผืนนี้ ไม่เคยมีใครเปิดมันมาก่อน
หากวันนี้ฝ่าบาททรงทราบว่าเซี่ยวเฟิงอยู่ในภาพนี้ เกรงว่าพระองค์จะไม่มอบให้ฉินซูโหรวและเซียวเฉวียนอย่างง่ายดายเช่นนี้
เดิมทีฉินซูโหรวที่ไม่พอใจ กลับยิ้มออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “เหอะ! เช่นนั้นหากมอบพู่กันด้ามนี้และภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิให้เขา จะมีประโยชน์อะไร ทั้งชาตินี้เซียวเฉวียนคงไม่มีทางได้สัมผัสกวีสมุทรแน่! ปีศาจกวีเก่งกาจขนาดนั้น เขาเทียบไม่ได้เพียงครึ่งนิ้วโป้งของปีศาจกวีเลยด้วยซ้ำ”
พ่อฉินขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าทำไมปีศาจกวีจึงต้องการรับเซียวเฉวียนเป็นศิษย์มากขนาดนั้น มันจะต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่เป็นแน่
ฉินซูโหรวเหลือกตามองบน “ภาพผืนนี้ทำให้บ้านของข้าเละเทะเช่นนี้! มันช่างทำตัวได้น่ารังเกียจเหมือนกับเจ้านายของมันเสียจริง!”
เมื่อคำพูดออกจากปากของฉินซูโหรว พู่กันเฉียนคุนก็พุ่งตัวในทันที! ขนพู่กันฟาดลงบนใบหน้าของฉินซูโหรวอย่างรุนแรง!
พ่อฉินที่หูไวตาไว ยังไม่อาจขวางไว้ได้ทัน!
พู่กันเฉียนคุนฟาดที่ใบหน้าของฉินซูโหรวก็มากพอแล้ว ยังพ่นหยดน้ำหมึกออกมา กระเซ็นเต็มใบหน้าของฉินซูโหรว!
ทำให้ใบหน้าที่บอบบางและสวยงาม กลายเป็นถ่านหินสีดำ!
“หยุดนะ!” ฉินซูโหรวโกรธมากจนต้องเช็ดหน้าออก สองมือของนางดำปี๋! ให้ตายเถอะ! เซียวเฉวียนรังแกนางก็มากพออยู่แล้ว! แม้แต่พู่กันของเซียวเฉวียนก็กล้ารังแกนางด้วย!
“ฮ่า…” ไป๋ฉี่รีบเอามืออุดปาก แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา
ฉินซูโหรวร้องไห้เสียงดังออกมาแง ๆ!
ขณะนั้นเอง พู่กันเฉียนคุนก็สะบัดหยดน้ำหมึกออกมาอีก และหยดลงบนภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ!
ม้วนภาพเปิดออกอย่างช้า ๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...