ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 316

สรุปบท บทที่ 316 ร่างจำแลงของกวีสมุทร: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 316 ร่างจำแลงของกวีสมุทร – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 316 ร่างจำแลงของกวีสมุทร ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“ขอรับ”

ไป๋ฉี่งุนงงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ทำตามคำสั่งของพ่อฉิน

พ่อฉินไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเป็นเจ้านายควรทำอย่างไร แต่เขาก็ไม่เคยคิดทำสิ่งไม่ดีต่อเจ้านายของเขา

“ไป๋ฉี่ ทุกวันนี้ข้างนอกลือกันหนาหูว่า เซี่ยวเฟิงปรากฏตัวที่ป่าไผ่นอกเมือง ตอนนี้คนในตระกูลฉินต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าให้คนอื่นรู้ว่าเซี่ยวเฟิงอยู่ที่นี่”

“อีกเรื่อง ไป๋ฉี่ เจ้าไปสั่งให้อาเซียงแจ้งกับคนอื่น ๆ ว่า นับตั้งแต่วันนี้ ห้ามให้ผู้ใดเข้ามาใกล้อาณาบริเวณนี้ ไม่ว่าสาวใช้หรือเด็กรับใช้ก็ห้ามก้าวเข้ามาแม้แต่นิดเดียว”

“ขอรับ” ไป๋ฉี่พยักหน้า

“เหตุผลที่เซี่ยวเฟิงไม่สงบเช่นนี้ เพราะมันกลัวว่าเจ้านายของมันจะมีอันตราย” พ่อฉินพูดอย่างเนือย ๆ พลางมองไปที่ภาพผืนนั้น

“ท่านพ่อ เจ้านายของเซี่ยวเฟิงมิใช่ข้าหรอกรึ?” ฉินซูโหรวเพ้อฝันมากเกินไป นางรู้ว่าเซี่ยวเฟิงเป็นถึงสัตว์ดุร้ายที่เลื่องชื่อด้านการทำสงคราม ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนผืนนี้เป็นของประทานจากฮ่องเต้ให้นาง เช่นนั้นนางต้องเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน!

หากนางได้เป็นเจ้านายของเซี่ยวเฟิง อย่าว่าแต่คนล้มละลายอย่างเซียวเฉวียนเลย แม้แต่ลูกหลานผู้มีอำนาจบารมีทั่วทั้งเมืองหลวง ต่างก็ต้องฟังคำของนางอย่างว่าง่าย

“เจ้าเพ้อฝันมากไปเสียแล้ว” แม้แต่พ่อฉินยังรู้สึกว่าลูกสาวของเขาคิดเพ้อฝันไป “เจ้านายของเซี่ยวเฟิงคือเซียวเฉวียน”

“อะไรนะ?” ฉินซูโหรวไม่สบอารมณ์อย่างมาก “ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนผืนนี้เป็นของประทานจากฮ่องเต้ให้สองสามีภรรยา เหตุใดเซี่ยวเฟิงจึงได้เป็นของเซียวเฉวียนเล่า!”

“ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเป็นภาพวาด ภาพที่วาดขึ้นโดยพู่กัน ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเป็นสิ่งของที่แนบมากับพู่กันเฉียนคุน วันนี้เซียวเฉวียนเป็นเจ้าของพู่กันเฉียนคุน เซี่ยวเฟิงที่อยู่ด้านในภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ ก็ต้องเป็นของเซียวเฉวียนด้วย”

“ท่านพ่อ ภาพวาดหนึ่งผืน เหตุใดจึงมีเสือหนึ่งตัวถูกกักขังอยู่ในนั้น?” ฉินซูโหรวสีหน้าซีด

“ไม่ใช่ภาพกักขังเซี่ยวเฟิงไว้ แต่เซี่ยวเฟิงคือภาพที่ถูกวาดออกมา มันแค่กลับเข้าไปอยู่ในภาพเท่านั้น”

ฉินซูโหรวและไป๋ฉี่ตะลึงงันในเวลาเดียวกัน

น้ำเสียงของพ่อฉินเต็มไปด้วยความชื่นชม “ปีศาจกวีเป็นผู้รู้หนังสือเพียงคนเดียวในต้าเว่ยที่ได้สัมผัสกับกวีสมุทรคุนหลุน พลังของกวีสมุทร ทำให้ปีศาจกวีสามารถสั่งลมสั่งฝน และหว่านเม็ดถั่วเป็นกองทัพได้”

“นอกจากนี้แล้ว พู่กันด้ามนี้และผืนผ้าใบถือกำเนิดมาจากภูเขาคุนหลุน มิใช่อาวุธที่มนุษย์สร้างขึ้น ดังนั้นพู่กันและภาพวาดจึงเข้าคู่กัน รวมถึงพลังของกวีสมุทร เมื่อน้ำหมึกจากพู่กันหยดลง เสือร้ายก็จะปรากฏขึ้น”

รูปลักษณ์ภายนอกของเซี่ยวเฟิงคือเสือดุร้ายตัวหนึ่ง มันเป็นเพียงแค่ร่างจำแลง และไม่มีตัวตนอยู่จริง และเป็นเพียงแค่การสำแดงจิตวิญญาณของกวีสมุทรคุนหลุน

ดาบทุกเล่มที่ทำจากแร่เขาคุนหลุนล้วนมีพลังจิตวิญญาณ เพียงแค่ดาบนั้นมีรูปร่าง แต่เซี่ยวเฟิงกลับไม่มี เพราะว่าพู่กันเฉียนคุนและภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิทำหน้าที่เข้าคู่กัน พลังงานจิตวิญญาณจึงบริสุทธิ์มาก จึงไม่จำเป็นต้องมีสิ่งใดมาค้ำจุนพลังงานทางจิตวิญญาณ

เมื่อฉินซูโหรวได้ฟัง เหตุใดจึงยิ่งใหญ่ขนาดนี้...

แต่เรื่องกวีสมุทรคุนหลุน นอกจากปีศาจกวีแล้ว ก็ยังไม่มีปัญญาชนคนไหนที่ได้สัมผัสอีกเลย

หากมีปัญญาชนอีกสักสองคนได้สัมผัสกวีสมุทร จำนวนไม่ต้องมาก ขอเพียงแค่สามถึงห้าคนก็พอ คิดดูว่าต้าเว่ยจะยิ่งใหญ่ได้มากเพียงใด?

พ่อฉินไม่กล้านึกฝัน ฉินซูโหรวไม่พอใจอย่างมาก “ตอนนี้เซียวเฉวียนมีพู่กันและภาพวาด เช่นนั้นเขาอยากได้สิ่งใดก็วาดเอาได้เลยละสิ!”

ไป๋ฉี่ตาลุกวาว หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้านายคงดีใจแทบตายเป็นแน่

“อาจจะไม่” คำพูดของพ่อฉินดับพลังใจที่กำลังลุกโชนของไป๋ฉี่ “แม้ว่าเซียวเฉวียนจะมีความสามารถมากกว่าใครทั้งปวง ถึงขั้นที่สามารถแต่งบทกวีที่น่าตกใจได้ แต่เขายังห่างไกลจากกวีสมุทรคุนหลุนอยู่มาก เขาอาจเป็นได้เพียงเจ้าของเซี่ยวเฟิง แต่หากเป็นถึงขั้นปีศาจกวีที่จับพู่กันประพันธ์กวีล้ำนั้น เขายังทำไม่ได้”

พ่อฉินคาดเดาว่า ด้วยว่าปีศาจกวีมีความสัมพันธ์ดีกับตระกูลเซียวมาตลอด เช่นนั้นเมื่อนานมาแล้ว เขาคงขอร้องให้ฮ่องเต้ประทานภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ แก่คนรุ่นหลังในตระกูลเซียว

ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า เซี่ยวเฟิงอยู่ด้านในนี้

ภาพผืนนี้ ไม่เคยมีใครเปิดมันมาก่อน

หากวันนี้ฝ่าบาททรงทราบว่าเซี่ยวเฟิงอยู่ในภาพนี้ เกรงว่าพระองค์จะไม่มอบให้ฉินซูโหรวและเซียวเฉวียนอย่างง่ายดายเช่นนี้

เดิมทีฉินซูโหรวที่ไม่พอใจ กลับยิ้มออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “เหอะ! เช่นนั้นหากมอบพู่กันด้ามนี้และภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิให้เขา จะมีประโยชน์อะไร ทั้งชาตินี้เซียวเฉวียนคงไม่มีทางได้สัมผัสกวีสมุทรแน่! ปีศาจกวีเก่งกาจขนาดนั้น เขาเทียบไม่ได้เพียงครึ่งนิ้วโป้งของปีศาจกวีเลยด้วยซ้ำ”

พ่อฉินขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าทำไมปีศาจกวีจึงต้องการรับเซียวเฉวียนเป็นศิษย์มากขนาดนั้น มันจะต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่เป็นแน่

ฉินซูโหรวเหลือกตามองบน “ภาพผืนนี้ทำให้บ้านของข้าเละเทะเช่นนี้! มันช่างทำตัวได้น่ารังเกียจเหมือนกับเจ้านายของมันเสียจริง!”

เมื่อคำพูดออกจากปากของฉินซูโหรว พู่กันเฉียนคุนก็พุ่งตัวในทันที! ขนพู่กันฟาดลงบนใบหน้าของฉินซูโหรวอย่างรุนแรง!

พ่อฉินที่หูไวตาไว ยังไม่อาจขวางไว้ได้ทัน!

พู่กันเฉียนคุนฟาดที่ใบหน้าของฉินซูโหรวก็มากพอแล้ว ยังพ่นหยดน้ำหมึกออกมา กระเซ็นเต็มใบหน้าของฉินซูโหรว!

ทำให้ใบหน้าที่บอบบางและสวยงาม กลายเป็นถ่านหินสีดำ!

“หยุดนะ!” ฉินซูโหรวโกรธมากจนต้องเช็ดหน้าออก สองมือของนางดำปี๋! ให้ตายเถอะ! เซียวเฉวียนรังแกนางก็มากพออยู่แล้ว! แม้แต่พู่กันของเซียวเฉวียนก็กล้ารังแกนางด้วย!

“ฮ่า…” ไป๋ฉี่รีบเอามืออุดปาก แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา

ฉินซูโหรวร้องไห้เสียงดังออกมาแง ๆ!

ขณะนั้นเอง พู่กันเฉียนคุนก็สะบัดหยดน้ำหมึกออกมาอีก และหยดลงบนภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ!

ม้วนภาพเปิดออกอย่างช้า ๆ!

“จริงด้วย พวกเราถอยห่างหน่อยเสียดีกว่า ท่าทางของสุนัขตัวนี้คล้ายว่าจะเริ่มบ้าแล้ว”

“เหอะ!” บนสนามประลอง จ้าวซิ่นหัวเราะเสียงเย็นชา “เซียวเฉวียน! หากเจ้าคุกเข่ายอมแพ้เสียตอนนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องประลองกันแล้ว!”

“ข้าเกรงว่าเจ้าจะมิได้แต่งงานกับองค์หญิง และยังมีอันตรายถึงชีวิตอีก! เช่นนั้นคงไม่คุ้มเลยนะ!”

จ้าวซิ่นมั่นใจอย่างมาก คนสันโดษอย่างเขามีความเย่อหยิ่งที่เหมือนกับเซียวเฉวียน

หากเป็นคนทั่วไปที่ถูกจ้าวซิ่นข่มขู่เช่นนี้ คงตัวสั่นเทิ้มกันไปหมดแล้ว ลังเลเพียงนิดแต่ก็ขอยอมแพ้ อย่างไรซะสุนัขตัวนี้ดูร้ายกาจมากเกินไป

คาดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนไม่แยแสเพียงนิด คุกเข่าที่พื้นหรือ?

ยอมแพ้งั้นหรือ?

ไร้สาระเกินไป

เหตุใดตัวร้ายในสมัยโบราณ จึงชอบพูดมากก่อนจะลงมือด้วยนะ?

เซียวเฉวียนถือดาบจิงหุนในมือ พูดขึ้นเสียงเรียบ “มาเลย”

“ฮ่า!” จ้าวซิ่นพล่ามต่อไป “เซียวเฉวียน ปกติเจ้าจึงจะกล้าตีรันฟันแทงเมื่อขุนพลไป๋ฉี่อยู่ด้วย! บทกวีของเจ้าจะเก่งกาจเพียงใด ตอนนี้ก็ใช้ผู้อารักขาไม่ได้แล้ว และเจ้าก็ไม่มีดาบคู่กาย!”

“เจ้าแน่ใจว่าจะสู้กับข้างั้นรึ?”

เซียวเฉวียนสายตาเย็นชา เริ่มการโจมตีก่อน!

คนสมัยโบราณทุกคนมักชอบพล่ามเวลาอยู่ในสนามประลอง ไม่แน่ใจว่าวันนี้ยังจะสู้กันอยู่หรือไม่!

ทุกคนมักเอาแต่พล่ามไม่เป็นเรื่อง น่ารำคาญ! ไม่ได้แข่งโต้วาทีเสียหน่อย!

ปากคนโบราณ ปากผีน่ารำคาญ!

เมื่อดาบจิงหุนฟาดเข้ามา ดวงตาของจ้าวซิ่นก็แดงขึ้นทันที นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายผู้สูงศักดิ์น่าเกรงขามอย่างเขา พูดกับผู้อื่นได้มากมายเช่นนี้!

เซียวเฉวียนกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย!

“ชีต้าร์! ไป!”

“โฮก!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย