”ท่านอัครเสนาบดี ฟังสิ ข้างในมันดุเดือดมาก”
ข้างนอกสนามโรงเรียน พวกเจ้าหน้าที่กำลังดื่มชาอยู่ในที่ทำการราชการ เกิดความโกลาหลกันใหญ่โตในสนามโรงเรียน ทั้งเสียงมนุษย์และเสียงเสือโฮกประสานกัน สุนัขรับใช้เห็นมีโอกาส จึงเริ่มประจบประแจงเขาทันที “วิธีของท่านอัครเสนาบดีนี้ดีมาก ต้องได้ผู้กล้าหาญอย่างแท้จริงมาเป็นราชบุตรเขยอย่างแน่นอน”
”แน่นอนอยู่แล้ว” อัครเสนาบดีจูรู้สึกดีอกดีใจ
รองเสนาบดีจ้าวไม่รู้ว่าจ้าวซิ่น ลูกชายของเขาได้สมรู้ร่วมคิดกับอัครเสนาบดีและเว่ยชิงแล้ว เขานั่งอย่างไม่เป็นสุข เพราะลูกทั้งสองคนอยู่ข้างใน
ชื่อเสียงของเซี่ยวเฟิง พวกขุนนางอาวุโสในราชสำนักต่างรู้ดี ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่กำลังคุยกันโขมงโฉงเฉง เขาก็เครียดจนไม่อาจพูดอะไร นั่งซดแต่ชาอยู่ท่าเดียว
“ท่านรองจ้าว ใจเย็นๆ ลูกชายของท่านเก่ง เขาจะต้องทำได้ดีอย่างแน่นอนในการแข่งประชิดตัวครั้งนี้”
อัครเสนาบดีจูปลอบใจเขาด้วยรอยยิ้มตาหยี แต่คิดในใจว่า ฮึม ลูกเจ้าจะเก่งแค่ไหน ก็เป็นแค่บันไดของท่านอ๋อง เป็นบันไดเหยียบให้ฝ่ายของพวกเรา
รองเสนาบดีจ้าวขานรับเบาๆ "ขอบคุณท่านที่ให้เกียรติ ผลลัพธ์ยังไม่แน่นอน ข้าแค่หวังว่าเด็กจะกลับมาอย่างปลอดภัย"
เวลานี้ สวีซูผิงซึ่งเป็นลมหมดสติมือป้องหน้าอก ตื่นขึ้นมาอย่างวิงเวียนศีรษะ เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ยิ้มเบาๆ "ในที่สุด หัวหน้าสวีก็ตื่นแล้ว"
“นั่น......นั่นไม่ใช่เซี่ยวเฟิงเหรอ?” สวีซูผิงยังตกใจไม่หาย หัวใจของเขาแทบแตกสลายเมื่อเซี่ยวเฟิงคำรามใส่เขาแบบนั้น
"ครับ"
อัครเสนาบดีจูพยักหน้าเบาๆ สวีซูผิงตกตะลึงและลุกขึ้นยืนทันที "ท่านอัครเสนาบดี แล้วกองทัพส่วนพระองค์ของฝ่าบาทจะมาเมื่อไหร่? การประลองนี้ถูกระงับแล้วหรือ?"
“ระงับ?” อัครเสนาบดีจูมีดวงตาอย่างตาเฒ่าที่เต็มไปด้วยความเฉียบคม “ทำไมต้องระงับ?”
อัครเสนาบดีจูมีความมั่นใจเต็มล้น ถึงเด็กพวกที่อยู่ข้างในนั้นเอาไม่อยู่ อัครเสนาบดีอย่างเขาก็ยังสามารถดำเนินการได้ ทำไมต้องรบกวนถึงกองทัพส่วนพระองค์?
”ท่านครับ!” สวีซูผิงตกใจจนหน้าถอดสีเมื่อได้ยิน ฟังจากที่กล่าวมานี้ แสดงว่าการประลองยังดำเนินการอยู่ “เซี่ยวเฟิงเป็นสัตว์ในกองทัพ บุกรุกเข้ามาในสนามโรงเรียน จะไม่ส่งกองทัพส่วนพระองค์มาได้อย่างไร?”
”ทำไมเจ้าเหมือนแม่ทัพฉิน ขี้ตกอกตกใจ?” อัครเสนาบดีจูไม่พอใจอย่างมาก แต่นิสัยของสวีซูผิงก็เป็นอย่างนี้ เขาก็เห็นจนชินแล้ว “ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหน ข้าจะรักษาการณ์เอง ไม่จำเป็นต้องรบกวนฝ่าบาท”
“เมื่อได้จับเซี่ยวเฟิงตัวเป็นๆ ได้แล้ว ข้าจะได้นำราชบุตรเขยและเซี่ยวเฟิงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเอง ถึงเวลานั้นฝ่าบาทถึงจะมีความสุขมิใช่หรือ?”
ท่าทางของอัครเสนาบดีจู ดูสบายๆ ทำให้สวีซูผิงขนผิวลุก "ท่านครับ ข้างในมีคนตั้งหลายพันคนอยู่นะครับ!"
เซี่ยวเฟิงตัวนี้ ถูกเลี้ยงดูมาโดยปีศาจกวี
ต่อมาได้ออกศึกยังสนามรบพร้อมกับกองทัพของตระกูลเซียว มันกระหายเลือดมาก ท่านอัครเสนาบดีรู้สึกสบายๆ อย่างนี้หรือ?
“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไร ท่านอ๋องเว่ยชิงอยู่ข้างใน ท่านเป็นศิษย์รักของปีศาจกวี ท่านจะต้องเอาอยู่อย่างแน่นอน ไม่ต้องร้อนใจ”
”คนมานี่ รินน้ำชาสักถ้วยให้ท่านสวีให้อุ่นใจหน่อย ข้าเห็นท่านตกใจจนสติฟั่นเฟือนไปหมดแล้ว”
ทันทีที่อัครเสนาบดีพูดออกมาเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนก็หัวเราะกันอย่างหน้าตาเฉย
นั่นหมายความว่า ถ้าท่านอ๋องเอาไม่อยู่ ยังมีอัครเสนาบดีรับมือได้! สวีซูผิงตื่นเต้นกังวลเกินไป
"ท่านครับ!" สวีซูผิงไม่สนใจจะดื่มน้ำชาใดๆ "ท่านเป็นข้าราชการฝ่ายบุ๋น! ไม่เคยเข้าสู่สนามรบ! ไม่รู้สัญชาติญาณของเซี่ยวเฟิง คนนับพันเหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซี่ยวเฟิง......”
“ข้าเป็นข้าราชการฝ่ายบุ๋น ข้าไม่รู้! เจ้าหมายความว่า เจ้ารู้?”
อัครเสนาบดีตบโต๊ะยืนขึ้น เจ้าหน้าที่ต่างตกใจจึงรีบก้มศีรษะลงและทำความเคารพ มีเพียงสวีซูผิงที่ยังยืนกรานว่า "ถึงข้าน้อยจะเป็นข้าราชการฝ่ายบุ๋น แล้วแม่ทัพฉินล่ะ? ท่านเป็นนายพลทหาร ท่านแม่ทัพได้บอกถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้กับท่านแล้ว แน่นอนที่......"
”หุบปาก!” อัครเสนาบดีจูรู้สึกว่าสวีซูผิงก็เหมือนกับเซียวเฉวียน กล้าโต้แย้งกับคนไปทั่ว!
เมื่อเห็นว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง สวีซูผิงกระทืบเท้าแล้วหันไปหารองเสนาบดีจ้าว "ท่านจ้าว ลูกชายทั้งสองของท่านล้วนอยู่ข้างใน! ท่านไม่กังวลเหรอ? เซี่ยวเฟิงต้องให้กองทัพปราบ! ขอให้ท่านรองจ้าวจงยุติการประลองเสีย!”
ตำแหน่งรองเสนาบดีคือนายทหารระดับสูงสุดในรัฐบาลกลาง เป็นหัวหน้าทูตทหารของประเทศ และมีอำนาจบังคับบัญชากองทัพทหารทั้งหมดในประเทศ
นอกจากแม่ทัพฉินผู้เฒ่าที่ล่วงลับไปแล้ว ก็ถือว่าจ้าวจินไหลเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด
จ้าวจินไหลเป็นนายพลทหารโดยกำเนิด แม้ว่าเขาจะไม่เคยนำเซี่ยวเฟิงออกศึก แต่เขารู้ดีว่าเซี่ยวเฟิงนั้นทรงพลังแค่ไหน!
ขอเพียงจ้าวจินไหลพยักหน้า เขาก็สามารถระดมทหารได้ทันทีเพื่อมาปราบเซี่ยวเฟิง โดยไม่ต้องใช้กองทัพส่วนพระองค์ของจักรพรรดิด้วยซ้ำ!
แต่จ้าวจินไหลต้องการให้ลูกชายของเขาเป็นราชบุตรเขย แม้ว่าเขาจะกังวล เขาก็ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของสวีซูผิง
ปรากฎว่าคนเหล่านี้ก็อยู่ในคอกเดียวกัน
สวีซูผิงกำหมัดแน่นแล้วถามว่า "เซียวเฉวียนอยู่ข้างในหรือเปล่า?"
ด้วยคำถามนี้ สวีซูผิงยั่วให้อัครเสนาบดีและจ้าวจินไหลขุ่นเคืองขึ้นมา
“ท่านสวี ท่านหมายความว่าเซียวเฉวียนอยู่ที่นี่ ก็จะปราบเซี่ยวเฟิงได้งั้นหรือ?”
อัครเสนาบดีจูเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...