ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 333

สรุปบท บทที่ 333 วันที่ใจสลาย: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 333 วันที่ใจสลาย – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 333 วันที่ใจสลาย ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

สีหน้าของต่งจัวไม่มีความสำนึกผิด นายท่านเคยพูดไว้ว่า เขามีอำนาจในการจัดการทุก ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นในสนามประลอง

แต่เว่ยชิงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างไรก็จะประลองให้ได้ ต่งจัวคิดอย่างจริงจังว่าหากต้องประลองก็ไม่มีอะไรแย่

“เจ้า ไอ้คนชั้นต่ำ! โง่เขลาเยี่ยงวัวควาย ใครก็ได้มาเอาตัวเขาออกไป!”

ครั้งนี้อัครเสนาบดีจูต้องยกก้อนหินทุบเท้าตัวเอง เรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ในอาชีพการงานของเขา ที่ถูกบีบบังคับให้ยอมแพ้เช่นนี้!

“ใครคือผู้เสนอการประลอง! เซียวเฉวียนใช่หรือไม่?”

ครั้งนี้ ถือว่าอัครเสนาบดีจูหาประเด็นสำคัญพบแล้ว

แม้ว่าเว่ยชิงไม่ได้ถูกเซียวเฉวียนทุบตีจนพิการ แต่เซียวเฉวียนเป็นผู้ออกความคิดนี้ เซียวเฉวียนไม่เชี่ยวชาญสิ่งใดเลย แต่กลับมีประสบการณ์อย่างมาก ในการรับมือกับผู้ที่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้อื่นอย่างอัครเสนาบดีจู

ทันทีที่อัครเสนาบดีถาม สีหน้าของเซียวเฉวียนก็เต็มไปด้วยความโกรธและความเสียดาย มิหนำซ้ำยังขุ่นเคืองยิ่งเสียกว่าอัครเสนาบดี “ท่านใต้เท้าอัครเสนาบดี! ศิษย์น้องของข้าเป็นถึงเจ้าครองนคร! เป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม! เป็นถึงศิษย์ของปีศาจกวี! แต่ถูกผู้อารักขาของท่านทำร้ายจนบาดเจ็บ! ท่านยังมีหน้ามาถามอีกรึ?”

“???” สีหน้าของอัครเสนาบดีจูเต็มไปด้วยคำถาม

เซียวเฉวียนปกปิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ไม่มีอยู่จริงของเขา และพูดอย่างจงเกลียดจงชัง “ข้าเองที่เสนอความคิดเรื่องการประลองในฐานะศิษย์พี่ แต่ข้าไม่ได้ให้ผู้อารักขาของท่านทำร้ายศิษย์น้องของข้า จนมีสภาพเยี่ยงสุนัขเช่นนี้!”

“ข้า…” สีหน้าของอัครเสนาบดีจูเต็มไปด้วยความตกใจ พูดไปพูดมา เหตุใดจึงเป็นความผิดของเขา?

“แม้ว่าข้า เซียวเฉวียนเสนอให้พวกเขาสองคนประลองกัน แต่ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายเว่ยชิงแม้แต่น้อย! ข้าและเว่ยชิงเป็นศิษย์ของครูคนเดียวกัน รักกันเยี่ยงพี่น้องท้องเดียวกัน!”

คำว่าพี่น้องท้องเดียวกันของเซียวเฉวียน ทำให้ผู้คนหน้าแทบชาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น คำพูดเช่นนี้มีเพียงเซียวเฉวียนที่กล้าและสามารถพูดออกมาได้!

ทุกคนรู้ดีว่า เซียวเฉวียนและเว่ยชิงไม่ถูกกัน?

ทุกคนรู้ดีว่า ซือชือตายเพราะประชันกลอน และตายในจวนฉิน?

ทุกคนรู้ดีว่า เพื่อหาเหตุผลให้กับการตายของฉินปาฟาง ตระกูลทั้งหมดของแม่ทัพเถาจี๋ ภายใต้ธงของเว่ยชิงถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น?

เรื่องภายในค่อนข้างซับซ้อน แม้ว่าคนนอกจะไม่ล่วงรู้รายละเอียดทั้งหมด แต่พวกเขาก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

เซียวเฉวียนและเว่ยชิงรักกันเยี่ยงพี่น้องท้องเดียวกัน แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังไม่เชื่อคำพูดนี้!

เซียวเฉวียนกลับพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก ไม่เพียงไม่กระดากปาก แต่ยังแสดงสีหน้าที่จริงใจอีกด้วย!

เซียวเฉวียนฮึดฮัดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง เขาพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ? พี่น้องหลายคนเข้ากันไม่ได้ พวกเขาทะเลาะกันเพื่อบางสิ่งและต่อสู้กันจนตาย เขาและเว่ยชิงก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ?

พูดว่าพี่น้องท้องเดียวกันมีอะไรผิดหรือ? เพียงแค่ว่าความรู้สึกนี้ เป็นเวรกรรมก็เท่านั้น

ฮ่า ๆ!

เซียวเฉวียนเรียกแทนตัวเองว่า “ข้า” ต่ออัครเสนาบดี อัครเสนาบดีไม่พอใจอย่างมาก เมื่อไม่พบความผิดของเซียวเฉวียน อัครเสนาบดีที่กระหืดกระหอบจึงเหน็บเรื่องมารยาทของเขา “ใต้เท้าเซียว มีขุนนางมากมายที่นี่ เจ้าควรเรียกตัวเองว่าข้าน้อย!”

“ข้าน้อย?” เซียวเฉวียนพูดอย่างสง่างามน่าเกรงขาม “ข้าเป็นถึงลูกศิษย์ของปีศาจกวี ฝ่าบาทละเว้นพิธีการคุกเข่าเป็นพิเศษ ทุกวันนี้ข้าเองก็เป็นถึงเจ้าของชิงหยวน ข้าน้อยงั้นรึ?”

คำพูดที่ชัดเจนทุกถ้อยคำ ให้คนอย่างเซียวเฉวียนมองตัวเองต่ำต้องกว่า เจ้าคู่ควรด้วยรึ!

เซี่ยวเฟิงส่งเสียงคำรามตามเซียวเฉวียน และเชิดหน้าใส่อัครเสนาบดี!

โอ้โห! ท่าทีเย่อหยิ่งของคนและเสือ เหมือนกันราวกับแกะ!

เซียวเฉวียนได้รับการละเว้นการคุกเข่างั้นหรือ?

เซียวเฉวียนไม่เคยเข้าราชสำนักมาก่อน เหล่าขุนนางจึงไม่รู้เรื่องนี้

ในประวัติศาสตร์ของต้าเว่ย ผู้ที่ได้รับการละเว้นพิธีคุกเข่า หากไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิอย่างเหวินคุนและเหวินฮั่น ก็ต้องเป็นขุนพลผู้ร่วมสถาปนาแผ่นดินอย่างฉินปาฟาง

สามารถได้รับละเว้นการคุกเข่า ถือเป็นเกียรติยศอันสูงสุด! เงินทองมากมายก็มิอาจแลกได้!

ตอนนี้ ในใจของเหล่าขุนนางต่างก็เดือดปุด ๆ

เซียวเฉวียนเป็นพวกที่ชอบเกาะผู้อื่นกิน! รวมทั้งเกาะทุกคนที่สามารถทำได้!

เริ่มจากเกาะจวนฉิน เพื่อเป็นจอหงวน!

จากนั้นก็เกาะปีศาจกวี เพื่อเป็นเจ้าของชิงหยวน และได้ละเว้นการคุกเข่าจากฝ่าบาท!

ยังไม่ต้องพูดถึงขุนนางคนอื่น แม้แต่สวีซูผิงก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แม้เซียวเฉวียนจะเป็นเพียงขุนนางระดับห้าแต่ตำแหน่งห่างจากขุนนางทั่วไปมาก

การเลื่อนยศที่รวดเร็วเช่นนี้ ไม่มีจอหงวนรุ่นไหนจะเทียบได้!

และแม้แต่อัครเสนาบดีก็ยังมิได้ละเว้นการคุกเข่า สวีซูผิงเหลือบมองอัครเสนาบดี ในตอนนี้เวลานี้อัครเสนาบดีจะต้องโกรธจนแทบปรี๊ดแตกแน่นอน!

เซียวเฉวียนและอัครเสนาบดีจ้องตากัน สายตาของทั้งสองคละคลุ้งไปด้วยความอาฆาต

อัครเสนาบดีที่โมโหอย่างที่สุด หลังจากนิ่งเงียบไปราวครึ่งนาทีก็โบกมือขึ้น “ใครก็ได้เรียกหมอหลวงที! ดูอาการให้ท่านอ๋องสิ!”

“การประลองยุทธเลือกคู่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้!”

“ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้ และจักรับโทษด้วยตัวเอง!”

หนวดเคราสีเทาของอัครเสนาบดีสั่นไปหมด ก่อนจากไปยังจ้องหน้าด้วยความแค้น “เซียวเฉวียน ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เจ้าคิดว่าจะได้แต่งงานกับองค์หญิงอีกรึ? ฝันไปเถอะ!”

เซี่ยวเฟิงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เซียวเฉวียนก็พลอยปวดหัวไปด้วย จนเขาลืมเรื่ององค์หญิงไปเสียสนิท

หัวเราะอย่างมั่นใจ เบา และไร้ซึ่งความหมาย

ผู้คนรอบ ๆ ไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนพูดสิ่งใด แต่เห็นว่าเว่ยชิงที่ไร้น้ำยากำลังโกรธอย่างกระหืดกระหอบ ตะโกนออกมาด้วยความทุกข์ใจอย่างที่สุด “เซียวเฉวียน! ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า! ไปตายซะ!”

“ใครก็ได้! รีบนำตัวท่านอ๋องไปรักษา!” ขณะนั้นเอง สวีซูผิงเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงรีบกวักมือเรียกคน

“ข้าไม่ไป! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!” เว่ยชิงโกรธแทบบ้า แต่วันนี้เซียวเฉวียนมีเซี่ยวเฟิงอยู่ข้างกาย ใครจะกล้าทำอะไรได้?

พื้นที่สนามฝึกถูกเคลียร์ เว่ยชิงถูกบีบบังคับให้นำตัวออกไป

สนามฝึกที่เละเทะเป็นหน้ากลอง เหลือเพียงเซียวเฉวียนและเหล่าขุนนาง

“เจ้าพูดสิ่งใดกับท่านอ๋อง?” จ้าวจินไหลจ้องเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนลุกขึ้นยืนข้างเซี่ยวเฟิงที่ห้าวหาญ ความทรงพลังไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย

เซียวเฉวียนนิ่งเงียบ กระพริบดวงตาที่ดุดัน “ไม่มีอะไร แค่เป็นห่วงศิษย์น้องก็เท่านั้น”

เซียวเฉวียนยิ้มเล็กน้อย เขาเพียงพูดกับเว่ยชิงอย่างเป็นห่วงว่า “วันนี้เป็นวันที่เจ้าใจสลาย เพื่อเซ่นไหว้ให้กับตระกูลสวี่”

“ข้าเซียวเฉวียนให้เจ้ามีชีวิตอยู่ เพื่อให้เจ้าได้ชดใช้ทุกวินาทีแก่ตระกูลสวี่ ชดใช้บาปให้สองสามีภรรยาคู่นั้น ชดใช้บาปให้เด็กน้อยที่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกของสาวน้อยผู้นั้น และเพื่อชดใช้บาปให้แก่ท่านพ่อตระกูลสวี่!”

“รอให้วันนั้นข้าเซียวเฉวียนอารมณ์ดีเสียก่อน จะเป็นวันที่ร่างกายของเจ้าต้องตาย!”

การฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม ต้องเป็นเช่นนี้แหละ

สายตาของเว่ยชิงเต็มไปด้วยความตกใจ เซียวเฉวียนกล้าลงมือกับเขาผู้เป็นถึงเจ้าครองนคร เพื่อครอบครัวชาวบ้านธรรมดา!

แน่นอนว่า เซียวเฉวียนไม่ได้บอกเหล่าขุนนางว่าเขาพูดสิ่งใด เขายิ้มเล็กน้อย “เป็นห่วงศิษย์น้องผิดด้วยหรือ?”

เหล่าขุนนางงุนงง แม้แต่คนโง่ก็ไม่เชื่ออคำพูดของเซียวเฉวียน แต่เซียวเฉวียนมองว่าพวกเขาคือคนโง่

วันนี้ เซียวเฉวียนได้ฆ่าเว่ยชิงแล้ว

ฆ่าเกียรติยศศักดิ์ศรีของเว่ยชิง

ฆ่าความสูงส่งและความหยิ่งทะนงทั้งหมดของเว่ยชิงในฐานะที่เป็นราชวงศ์

นับตั้งแต่วันนี้ เว่ยชิงไม่ต่างจากคนแก่ที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง อาศัยผู้อื่นเช็ดอึเช็ดฉี่ ให้คนป้อนข้าวป้อนน้ำ และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้

ปัญญาชนผู้ที่ผึ่งผายและสง่างาม ได้ตายไปในโลกที่เจริญรุ่งเรืองของเว่ยชิง ตายอย่างสมบูรณ์ และตายอย่างหมดจด

จากนี้เว่ยชิงทำได้เพียงเอาตัวรอดไปวัน ๆ และต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากแสนเข็ญ เพราะเว่ยชิงไม่รู้ว่าร่างกายของเขาจะตายในวันใด

ดวงตะวันตกดิน เว่ยชิงมองย้อนกลับไปจากระยะไกล มองไปที่เซี่ยวเฟิงที่ยืนอยู่ข้างเซียวเฉวียนอย่างสง่าผ่าเผย ความเกลียดชังปกคลุมไปทั่ว ร่างกายที่อ่อนแอของเขาไม่เหลือคราบขุนนางผู้สูงส่งในอดีตเลยแม้แต่น้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย