สีหน้าของต่งจัวไม่มีความสำนึกผิด นายท่านเคยพูดไว้ว่า เขามีอำนาจในการจัดการทุก ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นในสนามประลอง
แต่เว่ยชิงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างไรก็จะประลองให้ได้ ต่งจัวคิดอย่างจริงจังว่าหากต้องประลองก็ไม่มีอะไรแย่
“เจ้า ไอ้คนชั้นต่ำ! โง่เขลาเยี่ยงวัวควาย ใครก็ได้มาเอาตัวเขาออกไป!”
ครั้งนี้อัครเสนาบดีจูต้องยกก้อนหินทุบเท้าตัวเอง เรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ในอาชีพการงานของเขา ที่ถูกบีบบังคับให้ยอมแพ้เช่นนี้!
“ใครคือผู้เสนอการประลอง! เซียวเฉวียนใช่หรือไม่?”
ครั้งนี้ ถือว่าอัครเสนาบดีจูหาประเด็นสำคัญพบแล้ว
แม้ว่าเว่ยชิงไม่ได้ถูกเซียวเฉวียนทุบตีจนพิการ แต่เซียวเฉวียนเป็นผู้ออกความคิดนี้ เซียวเฉวียนไม่เชี่ยวชาญสิ่งใดเลย แต่กลับมีประสบการณ์อย่างมาก ในการรับมือกับผู้ที่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้อื่นอย่างอัครเสนาบดีจู
ทันทีที่อัครเสนาบดีถาม สีหน้าของเซียวเฉวียนก็เต็มไปด้วยความโกรธและความเสียดาย มิหนำซ้ำยังขุ่นเคืองยิ่งเสียกว่าอัครเสนาบดี “ท่านใต้เท้าอัครเสนาบดี! ศิษย์น้องของข้าเป็นถึงเจ้าครองนคร! เป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม! เป็นถึงศิษย์ของปีศาจกวี! แต่ถูกผู้อารักขาของท่านทำร้ายจนบาดเจ็บ! ท่านยังมีหน้ามาถามอีกรึ?”
“???” สีหน้าของอัครเสนาบดีจูเต็มไปด้วยคำถาม
เซียวเฉวียนปกปิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ไม่มีอยู่จริงของเขา และพูดอย่างจงเกลียดจงชัง “ข้าเองที่เสนอความคิดเรื่องการประลองในฐานะศิษย์พี่ แต่ข้าไม่ได้ให้ผู้อารักขาของท่านทำร้ายศิษย์น้องของข้า จนมีสภาพเยี่ยงสุนัขเช่นนี้!”
“ข้า…” สีหน้าของอัครเสนาบดีจูเต็มไปด้วยความตกใจ พูดไปพูดมา เหตุใดจึงเป็นความผิดของเขา?
“แม้ว่าข้า เซียวเฉวียนเสนอให้พวกเขาสองคนประลองกัน แต่ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายเว่ยชิงแม้แต่น้อย! ข้าและเว่ยชิงเป็นศิษย์ของครูคนเดียวกัน รักกันเยี่ยงพี่น้องท้องเดียวกัน!”
คำว่าพี่น้องท้องเดียวกันของเซียวเฉวียน ทำให้ผู้คนหน้าแทบชาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น คำพูดเช่นนี้มีเพียงเซียวเฉวียนที่กล้าและสามารถพูดออกมาได้!
ทุกคนรู้ดีว่า เซียวเฉวียนและเว่ยชิงไม่ถูกกัน?
ทุกคนรู้ดีว่า ซือชือตายเพราะประชันกลอน และตายในจวนฉิน?
ทุกคนรู้ดีว่า เพื่อหาเหตุผลให้กับการตายของฉินปาฟาง ตระกูลทั้งหมดของแม่ทัพเถาจี๋ ภายใต้ธงของเว่ยชิงถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น?
เรื่องภายในค่อนข้างซับซ้อน แม้ว่าคนนอกจะไม่ล่วงรู้รายละเอียดทั้งหมด แต่พวกเขาก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
เซียวเฉวียนและเว่ยชิงรักกันเยี่ยงพี่น้องท้องเดียวกัน แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังไม่เชื่อคำพูดนี้!
เซียวเฉวียนกลับพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก ไม่เพียงไม่กระดากปาก แต่ยังแสดงสีหน้าที่จริงใจอีกด้วย!
เซียวเฉวียนฮึดฮัดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง เขาพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ? พี่น้องหลายคนเข้ากันไม่ได้ พวกเขาทะเลาะกันเพื่อบางสิ่งและต่อสู้กันจนตาย เขาและเว่ยชิงก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ?
พูดว่าพี่น้องท้องเดียวกันมีอะไรผิดหรือ? เพียงแค่ว่าความรู้สึกนี้ เป็นเวรกรรมก็เท่านั้น
ฮ่า ๆ!
เซียวเฉวียนเรียกแทนตัวเองว่า “ข้า” ต่ออัครเสนาบดี อัครเสนาบดีไม่พอใจอย่างมาก เมื่อไม่พบความผิดของเซียวเฉวียน อัครเสนาบดีที่กระหืดกระหอบจึงเหน็บเรื่องมารยาทของเขา “ใต้เท้าเซียว มีขุนนางมากมายที่นี่ เจ้าควรเรียกตัวเองว่าข้าน้อย!”
“ข้าน้อย?” เซียวเฉวียนพูดอย่างสง่างามน่าเกรงขาม “ข้าเป็นถึงลูกศิษย์ของปีศาจกวี ฝ่าบาทละเว้นพิธีการคุกเข่าเป็นพิเศษ ทุกวันนี้ข้าเองก็เป็นถึงเจ้าของชิงหยวน ข้าน้อยงั้นรึ?”
คำพูดที่ชัดเจนทุกถ้อยคำ ให้คนอย่างเซียวเฉวียนมองตัวเองต่ำต้องกว่า เจ้าคู่ควรด้วยรึ!
เซี่ยวเฟิงส่งเสียงคำรามตามเซียวเฉวียน และเชิดหน้าใส่อัครเสนาบดี!
โอ้โห! ท่าทีเย่อหยิ่งของคนและเสือ เหมือนกันราวกับแกะ!
เซียวเฉวียนได้รับการละเว้นการคุกเข่างั้นหรือ?
เซียวเฉวียนไม่เคยเข้าราชสำนักมาก่อน เหล่าขุนนางจึงไม่รู้เรื่องนี้
ในประวัติศาสตร์ของต้าเว่ย ผู้ที่ได้รับการละเว้นพิธีคุกเข่า หากไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิอย่างเหวินคุนและเหวินฮั่น ก็ต้องเป็นขุนพลผู้ร่วมสถาปนาแผ่นดินอย่างฉินปาฟาง
สามารถได้รับละเว้นการคุกเข่า ถือเป็นเกียรติยศอันสูงสุด! เงินทองมากมายก็มิอาจแลกได้!
ตอนนี้ ในใจของเหล่าขุนนางต่างก็เดือดปุด ๆ
เซียวเฉวียนเป็นพวกที่ชอบเกาะผู้อื่นกิน! รวมทั้งเกาะทุกคนที่สามารถทำได้!
เริ่มจากเกาะจวนฉิน เพื่อเป็นจอหงวน!
จากนั้นก็เกาะปีศาจกวี เพื่อเป็นเจ้าของชิงหยวน และได้ละเว้นการคุกเข่าจากฝ่าบาท!
ยังไม่ต้องพูดถึงขุนนางคนอื่น แม้แต่สวีซูผิงก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แม้เซียวเฉวียนจะเป็นเพียงขุนนางระดับห้าแต่ตำแหน่งห่างจากขุนนางทั่วไปมาก
การเลื่อนยศที่รวดเร็วเช่นนี้ ไม่มีจอหงวนรุ่นไหนจะเทียบได้!
และแม้แต่อัครเสนาบดีก็ยังมิได้ละเว้นการคุกเข่า สวีซูผิงเหลือบมองอัครเสนาบดี ในตอนนี้เวลานี้อัครเสนาบดีจะต้องโกรธจนแทบปรี๊ดแตกแน่นอน!
เซียวเฉวียนและอัครเสนาบดีจ้องตากัน สายตาของทั้งสองคละคลุ้งไปด้วยความอาฆาต
อัครเสนาบดีที่โมโหอย่างที่สุด หลังจากนิ่งเงียบไปราวครึ่งนาทีก็โบกมือขึ้น “ใครก็ได้เรียกหมอหลวงที! ดูอาการให้ท่านอ๋องสิ!”
“การประลองยุทธเลือกคู่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้!”
“ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้ และจักรับโทษด้วยตัวเอง!”
หนวดเคราสีเทาของอัครเสนาบดีสั่นไปหมด ก่อนจากไปยังจ้องหน้าด้วยความแค้น “เซียวเฉวียน ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เจ้าคิดว่าจะได้แต่งงานกับองค์หญิงอีกรึ? ฝันไปเถอะ!”
เซี่ยวเฟิงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เซียวเฉวียนก็พลอยปวดหัวไปด้วย จนเขาลืมเรื่ององค์หญิงไปเสียสนิท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...