ฉินซูโหรวพูดออกมาราวกับพูดไร้สาระ แม้แต่แม่ของท่านยังโดนตบ เหมิงเอ้ายังต้องกลัวที่จะพูดสิ่งใดอีกหรือ!
ฉินซูโหรวที่ปกป้องท่านแม่ในตอนนี้ ไม่ต่างจากเซียวจิงที่ปกป้องท่านแม่ของนางเมื่อครู่
เซียวจิงปกป้องไม่ได้ แน่นอนว่าฉินซูโหรวก็ปกป้องไม่ได้เช่นกัน
มือข้างหนึ่งของเหมิงเอ้าผลักฉินซูโหรวเต็มแรง ทำให้ฉินซูโหรวไถลออกไปราวสี่ห้าเมตรเห็นจะได้ หากไม่ใช่เพราะว่านางเป็นผู้หญิง เหมิงเอ้าคงเตะซ้ำเข้าที่ก้นนาง ให้นางล้มหน้าคะมำพื้นไปเสียเลย!
ฉินซูโหรวล้มลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เหล่าคนรับใช้ที่ตกใจกลัวรีบรุดเข้าไปพยุงร่างของนางไว้ เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับลูกในครรภ์ของคุณหนู
แม่ฉินเป็นผู้ที่เคยผ่านสนามรบมาก่อน นางพอมีวิทยายุทธและพละกำลังอยู่บ้าง แต่โคลงกลอนของเซียวเฉวียนแกร่งเกินไป ความสามารถของเหมิงเอ้าเหนือกว่าผู้อารักขาทั่วไปมาเนิ่นนาน
ในอดีตเซียวเฉวียนเคยท่องกวีศักดิ์สิทธิ์ แม่ฉินก็ได้พ่ายแพ้ให้กับเซียวเฉวียน
ในวันนี้ เซียวเฉวียนได้บรรลุขั้นระดับเทพกวีที่น่าสะพรึงแล้ว แม่ฉินยังเหมาะกับการเป็นคู่ต่อสู้ของเซียวเฉวียนอีกหรือ?
เสนียด!
เสนียดจริง ๆ!
ใจของแม่ฉินก็สั่นหงึก ๆ นางจ้องไปที่เหมิงเอ้าโดยที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เหมิงเอ้าและไป๋ฉี่สูงใหญ่กว่าผู้อารักขาคนอื่นๆ อยู่มาก แก่นแท้ พลัง และจิตวิญญาณก็แกร่งกว่ามาก
ในต้าเว่ยมีผู้ที่สามารถประพันธ์กวียอดเยี่ยมได้ และส่วนมากจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือขุนนางระดับสูง
เพียงแต่ในตอนแรกเซียวเฉวียนยังไม่มีรากจิตอักษร แต่กลับสามารถประพันธ์กวียอดเยี่ยมออกมาได้
หลังจากมีรากจิตอักษรแล้ว เซียวเฉวียนจัดสังเวียนประลองฝีมือ ในระหว่างการประลองกับเตงงาย เขากลายเป็นคนแรกที่สามารถเขียนบทกวีที่น่าสะพรึงได้
ความจริงเรื่องนี้เป็นที่น่าตกใจในสังคมผู้มีอำนาจ
เพียงแต่ในตอนนั้นกลุ่มสังคมผู้มีอำนาจต่างกำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องพระราชบุตรเขย เรื่องบทกวีที่น่าสะพรึงของเซียวเฉวียนจึงถูกชะงักไว้ออก
ในวันนี้เซียวเฉวียนก่อเรื่องใหญ่ในการประลองยุทธเลือกคู่ ผู้คนไม่น้อยฉวยโอกาสสังหารเซียวเฉวียน! การที่ให้เซียวเฉวียนคอยอยู่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง!
“นายท่านของพวกเจ้ามีอันตรายอยู่ด้านหน้า พวกเจ้ายังกล้ามาตบข้าอีกรึ?”
แน่นอนว่า สิ่งที่ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าได้กระทำลงไปนั้น เป็นคำสั่งของเซียวเฉวียน
แม่ฉินแทบไม่อยากจะเชื่อ เซียวเฉวียนไม่กลัวตายหรืออย่างไร?
วันนี้มีเพียงจวนฉินที่สามารถช่วยเซียวเฉวียนได้ เขาให้ผู้อารักขาทำเช่นนี้ เซียวเฉวียนไม่กลัวตายงั้นหรือ!
เหมิงเอ้ามองนางด้วยสายตาที่เยือกเย็น “นายท่านมีคำสั่งว่า ความเป็นความตายของเขาไม่เกี่ยวกับท่าน เขามีวิธีจัดการของเขาเอง”
พูดจบ เหมิงเอ้าก็ยกมือขึ้นมาตบแม่ฉินอีกครั้ง!
ครั้งนี้ แม่ฉินถูกบีบให้จนมุมแล้วจริง ๆ นางถูกเหมิงเอ้าสกัดไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
“เจ้าจะตบข้าไปถึงไหนกัน!” แม่ฉินโกรธเสียจนแทบเป็นบ้า นางเป็นถึงองค์หญิงผู้มีเกียรติ เป็นถึงบุตรสาวบุญธรรมของฮ่องเต้องค์ก่อน แต่กลับถูกผู้อารักขาชั้นต่ำตบอยู่เช่นนี้?
“หยุด!”
ขณะนี้ ขุนพลยี่สิบนายมายังจวนฉินพร้อมกับดาบในมือ!
ขุนพลเป็นทหารส่วนตัวของกองทัพตระกูลฉิน ผ่านสนามรบหลายร้อยครั้งและมีทักษะที่ยอดเยี่ยม
ไม่มัวพูดไร้สาระ พวกเขากำลังจะถามว่า พวกเจ้าปฏิบัติเช่นนี้ต่อฮูหยินฉินได้อย่างไร?
ไป๋ฉี่ไม่แม้แต่จะให้โอกาสพวกเขาได้เอ่ยปากพูด ชักดาบจิงหุนออกมา ดาบจิงหุนสวบผ่านขุนพลไป ขุนพลทั้งสิบสองเจ็บปวดที่หัวเข่าในทันทีทันใด ต่างพากันลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นเสียงดังตูม
ดาบจิงหุนและความว่องไวของมัน เฉือนหัวเข่าของพวกเขาแยกออกจากกัน เลือดสดก็พุ่งพล่านออกมาทันที
บาดแผลนี้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่มันก็แย่มากพอที่จะทำให้พวกเขาไม่สามารถยืนขึ้นได้
ความว่องไวของไป๋ฉี่ ทำให้แม่ฉินและฉินซูโหรวตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ไป๋ฉี่มองไปที่เหมิงเอ้า สีหน้าที่เย็นชากำลังสื่อว่า เจ้ารับช่วงต่อด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าปฏิบัติต่อจวนฉินอย่างโหดเหี้ยม
ปัญหาที่จวนฉินต้องประสบในอดีต เป็นเพียงการลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเซียวเฉวียน หากไม่ใช่การทำลายข้าวของในบ้าน ก็เป็นเพียงแค่การเผาห้องครัวเท่านั้น
นั่นเป็นเพราะเซียวเฉวียนครุ่นคิดอย่างหนักว่า อย่างไรก็ครอบครัวเดียวกัน และยังเป็นลูกหลานของฉินปาฟาง เขาจึงไม่ถือสาอะไร
ในวันนี้ เซียวเฉวียนไม่ถือสาไม่ได้อีกแล้ว
เซียวเฉวียนอยู่ในสนามฝึกที่ห่างไกล กลับผูกจิตกับไป๋ฉี่และเหมิงเอ้า
เซียวเฉวียนพูดประโยคหนึ่งที่สนามฝึก เหมิงเอ้าก็พูดตามประโยคหนึ่ง นี่ก็คือสาเหตุที่สายตาและน้ำเสียงของเหมิงเอ้า เหมือนกับเซียวเฉวียนราวกับแกะเช่นนี้
เพราะว่า นี่คือเจตนารมณ์ของเซียวเฉวียน
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าเห็นว่าแม่ลูกตระกูลเซียวหายตัวไป ในใจก็กังวลอย่างมาก จึงต้องผูกจิตกันเพื่อแจ้งให้นายท่านทราบ
หลังจากผูกจิตแล้ว เซียวเฉวียน ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าทั้งสามก็ได้รวมเป็นร่างเดียวกันในระดับหนึ่งแล้ว
ด้วยร่างกายของเทพเจ้าแห่งสงคราม และหัวใจของปัญญาชนผู้รู้หนังสือ ทั้งสามคนจึงมีความเข้าใจกันไปโดยปริยาย พวกเขาสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่ผู้อารักขาและนายท่านคนอื่นไม่มี
“ตบนางต่อไป” แม้ระยะห่างจะไกลกันมาก แต่เมื่อเซียวเฉวียนเอ่ยปากเบา ๆ เหมิงเอ้าก็รู้สึกเหมือนว่านายท่านอยู่ข้างกายเขา เขาทำสายตาเคร่งขรึม ยื่นมือออกไปตบแม่ฉินต่อ เพี๊ยะ ๆ ๆ!
นับตั้งแต่เซียวเฉวียนมายังต้าเว่ย ความรู้ด้านประวัติศาสตร์และสมัยใหม่ทำให้เซียวเฉวียนมีความมั่นใจอย่างมาก มันถูกส่งต่อให้ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าในขณะเดียวกันกับตอนผูกจิต
ดังนั้น แม้แม่ฉินจะโหวกเหวกโวยวาย ตะโกนด่าปาว ๆ ก็ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
สถานะและตำแหน่งของนาง ไม่ได้ทำให้ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าเกรงกลัวเลยสักนิด!
วันนี้เซียวเฉวียนได้แหกกฎตัวเอง เดิมทีเขาไม่ตบตีทำร้ายผู้หญิง แต่คนอย่างแม่ฉินถือว่าเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน?
เซียวเฉวียนจะตบหญิงใจหยาบไปเรื่อย ๆ ตบจนกระทั่งหญิงใจหยาบผู้นี้จะขอร้องให้ยกโทษให้!
แม่ฉินยังใช้อำนาจบาตรใหญ่ในฐานะบุตรสาวบุญธรรมของฮ่องเต้องค์ก่อน คำก็องค์หญิง สองคำก็องค์หญิง องค์หญิงบ้าอะไรกัน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...