ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 351

คำพูดของเซียวเฉวียนเหมือนกับการขว้างก้อนหินขนาดใหญ่ลงในทะเลสาบอันเงียบสงบ

ทุกคนขมวดคิ้ว และมองไปที่เซียวเฉวียนที่มีสีหน้ามั่นคง น่าขัน! ช่างน่าขันเสียจริง!

ท่านหญิงยังไม่ทันได้พูดอะไร เซียวเฉวียนกลับพูดขึ้นว่ายินยอม?

ตอนนี้ ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์อยู่กันถ้วนหน้า นายท่านที่แต่งเข้าอย่างเซียวเฉวียนสามารถออกความเห็นได้ด้วยงั้นหรือ!

เจตนารมณ์ของฝ่าบาทชัดเจนมาก คงต้องดูที่เจตนารมณ์ของท่านหญิง!

ตอนนี้เซียวเฉวียนผู้ที่ไร้อำนาจไร้อิทธิพลก็ดีเสียจริง มีหน้ามาพูดว่ายินยอม ผู้ที่ต้องพูดคือท่านหญิง!

หน้าใหญ่เหลือเกิน!

จากนี้ไป อนาคตของเซียวเฉวียนจะมืดบอด เขาควรจะกอดขาจวนฉินให้แน่นจึงจะถูก!

ผลสุดท้ายเซียวเฉวียนกล้าพูดต่อหน้าผู้คนมากมายว่า เขายินยอมที่จะหย่าร้างงั้นหรือ?

ฮ่า ๆ ๆ!

ช่างน่าขันเสียจริง!

หรือนี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเซียวเฉวียน ทำสถานการณ์ให้แย่ลงกว่าเดิม ตั้งใจหักหน้าท่านหญิงงั้นหรือ?

ฉินซูโหรวกำหมัดแน่น คำพูดที่ออกไปแล้วจะกลับกลายเป็นนายเราทันที เซียวเฉวียนไม่เหลือทางให้นางได้ถอยกลับเลย!

เซียวเฉวียนรู้ดีว่าตัวเองมีลูกอยู่ในครรภ์ เขายังกล้าตัดสินใจเช่นนี้อีก!

ผู้ชายห่วยแตก!

เป็นผู้ชายที่ห่วยแตกจริง ๆ!

พ่อฉินขมวดคิ้วแน่น ดูท่านายท่านจะใจแข็งแล้วจริง ๆ

ไม่ได้การ!

เซียวเฉวียนเป็นนายท่านที่ดีคนหนึ่ง จวนฉินต้องการเขา

พ่อฉินกำลังอ้าปากพูด แต่เซียวเฉวียนไม่เปิดโอกาสนั้นให้เขา เห็นเพียงเซียวเฉวียนรุดเดินไปด้านหน้าอย่างว่องไว แสดงความเคารพและพูดว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท! หม่อมฉันจะนำตัวเซี่ยวเฟิงมาให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร!”

เซียวเฉวียนต่างจากผู้อื่น ทุกคนกำลังวุ่นวายกับเรื่องเล็กที่จะหย่าหรือไม่หย่า แต่เซียวเฉวียนจัดการปัญหาของเซี่ยวเฟิงก่อน

เซี่ยวเฟิงเป็นสัตว์สงครามของต้าเว่ย แม้ว่าเซียวเฉวียนจะให้เซี่ยวเฟิงยอมรับนายแล้ว แต่เซี่ยวเฟิงเป็นของราชสำนักต้าเว่ย ไม่ใช่ของส่วนตัวของผู้ใด

หากว่าเซียวเฉวียนนำมาครอบครองเป็นของตัวเอง เขาจะต้องถูกสงสัยว่าเป็นกบฏแน่นอน

วิธีที่ดีที่สุด คือถวายเซี่ยวเฟิงให้แก่ฮ่องเต้

ข้อแรก เซียวเฉวียนมีคุณงามความดี

ข้อสอง เซี่ยวเฟิงเป็นสิ่งที่รับมือได้ยาก หากอยู่ในมือเซียวเฉวียน อาจถูกพวกเว่ยเจี้ยนกั๋วมาปล้นชิงไปได้ เป็นการดีกว่าหากอยู่กับฮ่องเต้

ความคิดของเซียวเฉวียน เหตุใดฮ่องเต้จึงไม่เข้าใจ?

เซี่ยวเฟิงที่รับมือได้ยากเช่นนี้ เซียวเฉวียนไม่อยากได้ ฮ่องเต้ก็ไม่ต้องการเช่นกัน

เหล่าขุนนางชั้นสูงเห็นว่าเซียวเฉวียนไม่ต้องคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ก็แสดงสีหน้าอิจฉาริษยาออกมา

“อะแฮ่ม” ฮ่องเต้ยิ้มเล็กน้อย “ขุนนางเซียว เจ้าจับเป็นเซี่ยวเฟิงได้ถือเป็นการสร้างความดีความชอบ มา ข้าตบรางวัลให้เป็นทองคำสองร้อยตำลึง!”

สำหรับเซี่ยวเฟิง ฮ่องเต้ไม่ได้บอกว่าพระองค์จะรับไว้หรือไม่ แต่เซียวเฉวียนกลับเข้าใจทุกอย่างดี

ฮ่องเต้น้อยไร้น้ำใจเสียจริง! เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว หากว่าเซี่ยวเฟิงอยู่ในมือของเขา เกรงว่าจะไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุขอีกแล้ว

แต่ฮ่องเต้ไม่ต้องการ เซียวเฉวียนก็ทำได้เพียงเก็บไว้เอง

เขาถวายบังคมขอบพระทัย “ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันจะดูแลเซี่ยวเฟิงให้ดี!”

ขณะนั้นเอง เฉาสิงจือลุกขึ้นมาแสดงความเคารพและพูดว่า “ฝ่าบาท เซี่ยวเฟิงเป็นสัตว์สงคราม ควรส่งกลับคืนกองทหาร ไม่ควรให้ใต้เท้าเซียวเป็นผู้จัดการดูแล”

เฉาสิงจือรู้นิสัยใจคอของเซี่ยวเฟิงดี ที่เขาพูดเช่นนี้ก็เพราะหวังดีต่อเซียวเฉวียน

เซียวเฉวียนหันหน้าไปแสดงความขอบคุณต่อเขา ไม่คิดว่าจะมีอีกผู้หนึ่งลุกขึ้นมาทูลฝ่าบาทด้วยเช่นกัน “ใต้เท้าเฉาพูดถูกพะยะค่ะ เซียวเฉวียนจะมีคุณสมบัติจัดการสัตว์สงครามของต้าเว่ยได้อย่างไร?”

เซียวเฉวียนเหลือบมอง ผู้นั้นคือจ้าวจินไหล พ่อของหมาบ้าจ้าวซิ่น

เพียงแต่เฉาสิงจือแสดงความห่วงใย จ้าวจินไหลกลับพูดดูถูก

ในสายตาขุนนางผู้ยิ่งใหญ่อย่างจ้าวจินไหล เซียวเฉวียนเป็นเพียงขุนนางเล็ก ๆ ระดับห้า ไม่มีความสามารถพอจะดูแลสัตว์สงครามอย่างเซี่ยวเฟิงได้

แม้ว่าเซี่ยวเฟิงจะมีพลังที่แข็งแกร่งในการสู้รบ แต่มีนิสัยค่อนข้างจุกจิก

น้ำดื่มของเซี่ยวเฟิง จะต้องไม่เป็นน้ำดื่มธรรมดา แต่ต้องเป็นน้ำค้างตอนเช้าที่อยู่บนใบไผ่ น้ำค้างตอนเช้าบนต้นไม้ทั่วไปก็ไม่ได้

และอาหารที่กิน เซี่ยวเฟิงก็ยิ่งจุกจิก เนื้อจะต้องเป็นเนื้อไหล่หมูชั้นดี สดนุ่มรสชาติอร่อย และไม่สามารถกินเนื้อส่วนอื่นได้

แต่หมูหนึ่งตัวมีส่วนเนื้อไหล่หมูเพียงสองสามกิโลกรัมเท่านั้น ปริมาณอาหารที่เซี่ยวเฟิงกินแต่ละครั้งราว ๆ สี่สิบกิโลกรัม ต่อให้ฆ่าหมูวันละสิบหกตัว เนื้อไหล่หมูก็ยังไม่พอสำหรับเซี่ยวเฟิง

แม้แต่ฮ่องเต้ ก็มีเนื้อเพียงร้อยกว่ากิโลกรัมต่อวันเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย