ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 374

ฉินซูโหรวกลับไปครานี้ นางเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน

นางไม่ปริปากเอ่ยแม้แต่ประโยคเดียว คนในครอบครัวก็จนปัญญาโน้มน้าวใจ

นางเอาแต่ร่ำไห้

ใครมาโน้มน้าวก็เปล่าประโยชน์

แค่ฉินซูโหรวได้ยินคำว่า ‘ลูกเขย’ เพียงสองคำก็ร่ำไห้

ได้ยินฉินหนานท่องบทกวีก็ร่ำไห้

ครั้นเห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ นึกถึงท่าทีรังเกียจอาหารของเซียวเฉวียนก็ร้องไห้ออกมาอีก

ท่านแม่ฉินเห็นบุตรีทำตัวไร้อนาคตเช่นนี้ แต่งงานเป็นหนที่สองก็แล้ว ตั้งครรภ์ก็แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่านางยังนึกถึงเซียวเฉวียนไร้ประโยชน์ผู้นั้น สิ่งนี้ทำให้นางเป็นกังวลและโกรธเคืองในเวลาเดียวกัน

ฉินซูโหรวไม่ฟังคำพูดโน้มน้าวหรือคัดค้าน ไม่ยอมรับคำปลอบโยน นางเอาแต่มองออกไปด้านนอกหน้าต่างแล้วร้องไห้อย่างเงียบๆ ด้วยความเจ็บปวด ฮือๆ...

ฮือๆๆ...

พวกเจ้าเก้าที่อยู่เฝ้าจวนฉินเห็นสีหน้าของฉินซูโหรวที่กำลังรู้สึกเสียใจกับการยกหินโยนใส่เท้าตนเอง จึงพากันหัวเราะจนปวดท้องไปหมด!

แม่หนูน้อย ดูถูกนายท่านของข้าดีนัก ตอนนี้ต่อให้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่มีทางแก้ไขอะไรได้แล้ว!

ฉินซูโหรวยิ่งเจ็บปวดใจ พวกเจ้าเก้ายิ่งหัวเราะเยาะอย่างไร้ความปราณี

บัดนี้ฉินหนานกำลังถือปากกา ฉินซูโหรวก็ยังนึกถึงพู่กันเฉียนคุนของเซียวเฉวียน นางจึงร้องไห้ออกมาอีกยกหนึ่ง

คนในจวนฉินถูกสั่งห้ามมิให้ท่องบทกวีหรือวาดภาพต่อหน้าองค์หญิงเป็นอันขาด ห้ามกินข้าวต่อหน้าองค์หญิงและห้ามเรียกเหลียงหวายโหรวว่าพระราชบุตรเขย

เหลียงไหวโหรวย่อมโกรธเคือง เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ได้แต่งงานกับฉินซูโหรว ทั้งยังต้องไปประจบประแจงเพื่อให้ตนเองได้เป็นลูกเขยอย่างไม่ละอาย ผลลัพธ์ที่ได้จวนฉินกลับบอกว่าคำว่า ‘พระราชบุตรเขย’ เป็นของเซียวเฉวียนเท่านั้น?

เหลียงหวายโหรวทั้งอายและโกรธ เขาเป็นที่หนึ่งของขุนนางระดับท้องถิ่น ทั้งยังเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน มีส่วนใดเทียบชั้นกับเซียวเฉวียนไม่ได้

เหลียงหวายโหรวรู้สึกหงุดหงิดกับเซียวเฉวียนอย่างบอกไม่ถูกเพราะความอิจฉาและเกลียดชัง เขาเอาแต่กระซิบข้างหูเว่ยเจียนกั๋วอย่าเอาเป็นเอาตายว่าเซียวเฉวียนไร้มารยาทเพียงใด หยิ่งผยองเพียงใด ทั้งยังพูดอีกว่าเซียวเฉวียนจงใจมาที่จวนเจียนกั๋ว แต่ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องยาลูกกลอนที่เซียวเฉวียนกลั่นออกมา

อีกอย่าง หลายวันมานี้จูโชงก็ติดตามพระชายาจูมาเข้าพบท่านป้าผู้นี้ เขาเอาแต่พูดกรอกหูว่าจวนอัครเสนาบดีเลวร้ายมากเพียงใด เซียวเฉวียนทำลายตนเองเช่นนี้จะไม่เก็บกวาดได้เยี่ยงไรกัน

ดังนั้น เว่ยเจียนกั๋วที่ไม่พอใจเซียวเฉวียนจึงเตรียมตัวไปพบเซียวเฉวียนเพราะมิอาจข่มความรู้สึกได้อีกต่อไป

เว่ยเจียนกั๋วไม่ค่อยได้เข้าประชุมราชสำนัก แม้ว่าเซียวเฉวียนจะเข้าประชุมราชสำนัก แต่ทั้งสองคนกลับไม่ได้เจอกัน ทว่าในคิมหันต์ฤดูแต่ละปีราชวงศ์จะมีการจัดกิจกรรมละเล่นน้ำแข็งกันตลอด

การละเล่นน้ำแข็งเคยเป็นที่นิยมในตระกูลของเหล่าทหาร ในยุคหัวเซี่ยมีการใช้กิจกรรมการละเล่นน้ำแข็งเป็นการฝึกซ้อมให้กองทัพทหาร เมื่อมาถึงยุคหลังเป้าหมายในการฝึกซ้อมกองกำลังทหารก็เริ่มลดน้อยลง กลายเป็นความบันเทิงที่ค่อยๆ เกิดขึ้น

พูดง่ายๆ ก็คือการเล่นสเก็ตน้ำแข็งในยุคปัจจุบัน เพียงแต่การละเล่นน้ำแข็งในยุคโบราณนอกจากการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วแล้วยังมีการแย่งลูกบอลบนพื้นน้ำแข็ง ยิงธนูบนพื้นน้ำแข็งและการแข่งท่องบนกวีบนน้ำแข็งด้วย

ในยุคต้าเว่ย มีตำหนักน้ำแข็งโดยเฉพาะหนึ่งแห่ง ชื่อว่าตำหนักไท่เยี่ยซึ่งมีความหรูหราเกินกว่าจะหาสิ่งใดทัดเทียม เป็นสถานที่สำหรับคลายร้อนในช่วงคิมหันต์ฤดูเพื่อร่วมกิจกรรมการละเล่นน้ำแข็ง

ตำหนักไท่เยี่ยตั้งอยู่บนหุบเขาลูกหนึ่ง หุบเขาขนาดมหึมาถูกขุดจนกลายเป็นพื้นที่ว่าง ในนั้นมีก้อนน้ำแข็งถูกเก็บไว้ในช่วงหน้าหนาวทำให้มีความเย็นเฉียบเป็นอย่างยิ่ง คนธรรมดามิกล้าแม้แต่จะไปสถานที่แห่งนี้

คนที่เข้าร่วมการละเล่นน้ำแข็งได้ล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง ลูกหลานตระกูลชั้นสูงรวมถึงเหล่านางสนมในวัง คนอย่างเซียวเฉวียนเป็นเพียงคางคกที่นั่งอยู่ในกะลาในสายตาของพวกเขา ดังนั้นอีกฝ่ายไม่มีทางรู้จักการละเล่นน้ำแข็งเป็นแน่

ครั้งนี้ เซียวเฉวียนที่เป็นราชบุตรเขยย่อมต้องเข้าร่วมเป็นแน่

มีตาข่ายขนาดใหญ่ถูกกางออกเพื่อขวางเซียวเฉวียน เว่ยชิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นกำลังมีความสุขอยู่ในสวนหรงหยวน เขาอยากยืมมือของเว่ยเจียนกั๋วเพื่อทำให้เซียวเฉวียนและคนของเขาติดร่างแหไปพร้อมๆ กัน

ทุกคนต่างรอหัวเราะซ้ำเติมเซียวเฉวียน บนพื้นน้ำแข็งลื่นมาก เซียวเฉวียนจะไม่ล้มหน้าคะมำได้หรือ เขาจะสู้กับคนอื่นได้เยี่ยงไร

สู้?

สู้กับมารดาเขาเถิด

เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เซียวเฉวียนมิได้เก็บมาใส่ใจ

วันนี้ เขาถือกระบี่ฉุนจุนครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็เกิดความคิดบางอย่าง

ฉุนจุนไม่ยอมรับเจ้านายมาโดยตลอด คาดว่าคงเป็นเพราะมันคิดว่าตนเองยังมีเจ้านายคนเก่าอยู่

ท่านแม่เซียวเห็นบุตรชายของตนเองไม่ยอมกินข้าวกินปลา วันๆ เอาแต่ทำท่าทางราวกับเป็นคนบ้า หากไม่นั่งเหม่อมองฟ้าก็เอานิ้วจิ้มพื้นดิน

แม่เซียวเกิดความร้อนใจขุดค้นตำราเกี่ยวกับฉุนจุนออกมา หลังจากตามหาอยู่ครู่หนึ่งจึงได้พบว่ากระบี่ฉุนจุนไม่ยอมรับเจ้านายง่ายๆ

กระบี่ฉุนจุนและกระบี่ไท่อาของหลี่มู่ ออกมาจากศาลาคุณอู๋เหมือนกัน

เป็นกระบี่เทพชุดแรกของศาลาคุนหวู่

ปราณวิญญาณกระบี่เหล่านี้แข็งแกร่งเกินไป เป็นเพราะเหตุนี้พวกมันจึงยอมรับเจ้านายได้เพียงคนเดียวตลอดทั้งชีวิต

ดังนั้น กระบี่ฉุนจุนจึงยอมรับเพียงเซียวเทียน

ส่วนดาบไท่อาก็ยอมรับเพียงหลี่มู่

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลี่มู่ก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าฉุนจุนจะไม่ยอมรับเจ้านายคนใหม่ แต่เขากลับปล่อยให้เซียวเฉวียนครุ่นคิดเกี่ยวกับฉุนจุนได้ทุกวี่ทุกวัน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย