ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 393

สรุปบท บทที่ 393 จดหมายที่ซ่อนเรื่องสังหารคนไว้ตรงหัวเรื่อง: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 393 จดหมายที่ซ่อนเรื่องสังหารคนไว้ตรงหัวเรื่อง – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 393 จดหมายที่ซ่อนเรื่องสังหารคนไว้ตรงหัวเรื่อง ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

"ยังจะมาเปิ่นกวน*(ตัวข้าผู้เป็นขุนนาง) อีก เจ้าถูกฝ่าบาทเนรเทศมาถึงที่นี่แล้ว เจ้าเป็นนักโทษรายหนึ่ง ยังจะมาขุนนางหาพระแสงอันใด?"

เฝิงเซียนไม่อาจทนรับเซียวเฉวียนคนโอหังเช่นนี้ ยามนี้ชีวิตอับจนมาถึงทางตันแล้ว ยังจะมาวางบารมีขุนนางอันน่ารังเกียจชั่วร้ายหลายส่วนนี้อีก

เซียวเฉวียนถูกเนรเทศนั้นไม่ผิด และถูกฮ่องเต้คาดโทษ แต่ว่าเซียวเฉวียนไม่ได้ถูกถอดยศสักหน่อย

สอง เขายังเป็นเจ้าสำนักศึกษาชิงหยวนอยู่

สาม เซียวเฉวียนยังเป็นราชบุตรเขยอีกด้วย

การที่เซียวเฉวียนเรียกตัวเองว่าเปิ่นกวนนั้นไม่ผิด ผิดก็แค่ผิดที่เวลาและสถานที่ก็เท่านั้น

ตอนนี้ในสถานที่อย่างเกาะที่นกยังไม่ถ่ายมูลนั้น กองกำลังอวี่หลินอย่างเฝิงเซียนนี่ต่างหากที่เป็นนายท่านขุนนางตัวจริง

เซียวเฉวียนไม่สนใจจะวัดสูงต่ำกับคนเหล่านี้ "ข้าเป็นขุนนางหรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า สรุปก็คือ เจ้าคิดอยากได้หนึ่งแสนสองหมื่น ย่อมได้"

"เอาตะบันไฟ*อุปกรณ์จุดไฟแบบจีนโบราณ ให้ข้า" เซียวเฉวียนกลับยิ่งหยัดเอวตรงขึ้นอีก ตอนนี้เซียวเฉวียนควรคุกเข่าขอร้องเขาถึงจะถูก เซียวเฉวียนกลับกล้าต่อรองเงื่อนไข!

ความยโสอันสูงส่งปานนี้ ทำให้เฝิงเซียนนั้นรู้สึกไม่ได้รับความเคารพอย่างแรงกล้า

แถมยังเป็นข้อหาพวกนั้นอีก สายตาที่เขามองเซียวเฉวียน กลับมีประกายความนับถือขุมหนึ่ง!

เซียวเฉวียนเพียงผู้เดียว มาถึงที่นี่ยังกล้าต่อรองเงื่อนไขกับขุนนาง

เซียวเฉวียนเป็นดังตำนานจริง เขาคือปลาเค็มที่จะตายรอมร่ายังกล้าตีฝีปาก!

เฝิงเซียนโมโหจนเลิกแขนเสื้อขึ้นคิดอยากจะอัดเขาสักรอบ "เซียวเฉวียน! เจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาต่อรองเงื่อนไข? เจ้าคิดว่าฝ่าบาทเว้นตำแหน่งขุนนางของเจ้าไว้เพราะอะไร?"

"นั่นเพราะทรงเห็นแก่หน้าขององค์หญฺง!"

"ก่อนหน้านี้เจ้ายังชีพด้วยหน้าตาของคนตระกูลฉิน ยามนี้ยังต้องยืมศักดิ์ศรีสตรีผู้หนึ่งยังชีพ ถึงยังเหลือความทรนงในตนเองขุมสุดท้ายนี้ได้อยู่!"

"เจ้ากลับยังมีหน้าเล่นละครลิงอะไรกับข้าอยู่ที่นี่อีกหรือ?"

เฝิงเซียนหัวเราะฮ่าๆ ทุกคนต่างมีสิทธิจะเล่นลูกไม้ทั้งนั้น ทว่าเซียวเฉวียนเจ้าแมงดาผู้นี้ไม่มีสิทธิเล่นละคร!

เฝิงเซียนเผยสีหน้าเหยียดหยาม "อาศัยผู้หญิงช่วงชิงทุกสิ่งมา สุดท้ายแล้วก็ไม่ยืนยาว เจ้าดูเจ้าซิ ทำเรื่องมากมายปานนั้นเพื่อฝ่าบาท กลับยังตกต่ำมาจนถึงจุดนี้ได้อีกมิใช่หรือ?"

"เจ้าเป็นขยะที่พอคนเขาใช้ประโยชน์เสร็จแล้วก็ถูกโยนทิ้ง!"

คำพูดนี้ของเฝิงเซียนพูดได้รุนแรงยิ่ง กองกำลังอวี่หลินรายอื่นๆ นั้นไม่กล้า เพราะว่าสีหน้าของเซียวเฉวียนดูปั้นยากอย่างยิ่งแล้ว

เซียวเฉวียนนั้นคล้ายถูกทิ่มแทงใจเล็กน้อย เรื่องที่ฮ่องเต้ทรงปฏิบัติกับตนเช่นนี้ ภายในใจของเซียวเฉวียนไม่พอใจมาตลอด

จนใจแต่ว่าโอรสสวรรค์นั้นอยู่สูงเกินไป ตัวเขาเป็นแค่ขุนนางผู้หนึ่ง ต่อให้เขาไม่พอใจแค่ไหน ตอนนี้ก็ได้แต่ยอมรับความเป็นจริง

โอรสสวรรค์ข้ามสะพานแล้วรื้อทิ้ง ยิ่งในเกาะจูเซียนที่รกร้างนี้แล้ว ยิ่งทำให้หัวใจคนเหน็บหนาว

"เฮอะ สีหน้าเจ้าเหมือนกินขี้ไปเลย เป็นอย่างไร ยังไม่พอใจอีกหรือ?"

ไม่พอใจงั้นหรือ? เซียวเฉวียนเหลือบตาขึ้นมอง เขาเอ่ยเสียงเย็นคราหนึ่ง "มีเพียงขยะเท่านั้น กระทั่งคุณค่าที่จะช่วงใช้ยังไม่มี อย่างเช่นเจ้าไงล่ะ"

ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ นี่เซียวเฉวียนโมโหจนทึ่มไปแล้วหรือ! ถูกหลอกใช้ยังทะนงปานนี้!

"เพ้อเจ้อให้มันน้อยหน่อย!" เฝิงเซียนโมโหยากจะระงับ ทว่ายังต่อฝีปากสู้เซียวเฉวียนไม่ได้ เขาเพียงแค่คิดอยากจะรีบคว้าเงินแล้วหนีไป "รีบเขียนเข้าสิ! เขียนเสร็จ ข้ายังต้องไป!"

เสียแรงนักเจ้าคนกลุ่มนี้ยังคิดเรื่องการแบล็คเมล์ออกมาได้!

เซียวเฉวียนสูดลมหายใจลึกรอบหนึ่ง เขาเลิกคิ้วขึ้น "เอาละ ข้าเขียน"

เฝิงเซียนที่คิดว่าเซียวเฉวียนยอมประนีประยอมแล้ว ก็เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างได้ใจ "เป็นเช่นนี้แต่แรกก็พอ เมื่อครู่เหตุใดยังต้องทำสีหน้าน่ารังเกียจปานนั้น?"

ผลก็คือ เซียวเฉวียนก็เป็นดังวาจาที่เล่าลือ ละโมบกลัวตาย อ่อนแอถึงขีดสุด

เซียวเฉวียนหยิบปากกาขึ้นมา ก่อนจะตวัดฉั่บๆ เขียนท่อนสั้นๆ เอาไว้ว่า

ไป๋ฉี่ เห็นจดหมายนี้ประหนึ่งเห็นข้า

ข้าอยู่ที่เกาะจูเซียนอย่างดียิ่ง ระหว่างทางได้รับการดูแลจากกองกำลังอวี่หลินเป็นอย่างดีโดยเฉพาะเฝิงเซียน

เจ้าต้องรู้จักทดแทนบุญคุณความแค้น เช่นดังที่ข้าสอนเจ้าทำมาตลอด

เจ้าน่ะ หยิบตัํวเงินจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึงจากคลังมาให้เฝิงเซียนเสีย อากาศร้อนแล้ว ภายในบ้านมีแมลงมากมาย เจ้าไปหยิบโกฐจุฬาลัมพาเอามาฆ่าพวกแมลงในบ้านเสีย ไม่อย่างนั้นจิงเอ๋อร์ก็จะถูกต่อยจนหน้าบวมเข้าได้

ทั้งชีวิตนี้เกรงว่าข้าคงจะอยู่ใช้ชีวิตที่เกาะจูเซียน ไม่อาจกลับเมืองหลวงแล้ว

เรื่องภายในบ้านทั้งหมด คงต้องรบกวนเจ้ากับเหมิงเอ้าแล้ว

ทุกคนต่างพูดว่า ข้าทำได้เพียงอยู่ที่เกาะจูเซียนไปจนตาย ข้ารู้สึกผิดกับคนในบ้านนัก อีกหน่อย อย่าได้พูดถึงข้าบ่อยนัก เกรงมิให้ท่านแม่โกรธ

เซียวเฉวียนพร่ำพรรณา รำพึงรำพันมากมาย

กองกำลังอวี่หลินรายนั้นแย้มยิ้มเล็กน้อย สีหน้าของเขาเผยแววเวทนา น่าสงสารนัก จ้วงหยวนดีๆ คนหนึ่งกลับตกต่ำลงมาเพียงนี้

"ขอบคุณเงินหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึงของเจ้า ลาก่อน ข้าจะกลับเมืองหลวงแล้ว"

เรือแล่นไปด้านหน้า เฝิงเซียนกระหยิ่มยิ้มย่อง

เซียวเฉวียนกลับหัวเราะเย็นชา "ไม่ปเ็นไร อีกหน่อยเจ้าก็อ่านหนังสือให้มากหน่อยเถอะ"

คำพูดนี้ เฝิงเซียนฟังไม่เข้าใจ เขายังคิดว่าเซียวเฉวียนเหยียดหยามที่เขาไม่มีวัฒนธรรม บอกว่าเขาเป็นคนกระด้างผู้หนึ่ง เขาถ่มน้ำลาย "เจ้ามีวัฒนธรรมตายละ เจ้าถูกเนรเทศ เจ้าจะไปมีอะไร! ไป พวกเรากลับไปเมืองหลวงกัน!"

เซียวเฉวียนไม่ได้เยาะเย้ยอีกฝ่าย เขาเตือนเฝิงเซียนก็เพื่อจะมอบโอกาสอีกครั้งให้แก่เขา

จดหมายที่ให้ไป๋ฉี่ฉบับนั้น นอกจากท่อนไร้สาระท่อนนั้นแล้ว ทุกตัวอักษรตัวแรกในทุกๆ ท่อน ร้อยเรียงขึ้นมาเป็นประโยคว่า ข้าต้องการให้เจ้าสังหารคนนี้เสีย

คนโบราณชอบการซ่อนกวีในหัวเรื่อง

เซียวเฉวียนจึงเขียนจดหมายที่ซ่อนหัวเรื่องเอาไว้

หากว่าเฝิงเซียนอ่านหนังสือมามาก เขาย่อมสนใจจดหมายนี้มากหน่อยและอาจหลบพ้นเคราะห์นี้ไปได้

หากว่าเฝิงเซียนไม่ได้ละโมบปานนั้น และไม่ได้เอาจดหมายนี้ไปหาไป๋ฉี่เพื่อรับเงินแสนสอง ก็อาจหลบพ้นเคราะห์นี้ไปได้

ตอนนี้ดูไปแล้ว เฝิงเซียนที่กำลังวาดฝันจะได้เป็นเศรษฐี ย่อมต้องหาที่ตายเองเป็นแน่ เงินของเซียนเฉวียนไม่ได้มาจกาโชคสักหน่อย เซียวเฉวียนจะไม่แบ่งมันให้แม้แต่เฟินเดียว ตายก็สมควรแล้ว!

เซียวเฉวียนหยิบหมั่นโถวในมือยื่นส่งให้นักโทษทางนั้น “พวกเจ้ากินเถอะ”

เหล่านักโทษพากันกรูเข้าไป สิบกว่าคนพากันแย่งหมั่นโถวชิ้นนี้ หมั่นโถวชิ้นนี้เป็นของดียังไม่บูดเน่า กลิ่นหอมแตะจมูก เหล่านักโทษต่างส่งเสียงร้องว้าวอย่างยินดี

ส่วนคนที่เอาแต่ยืนอยู่ไกลๆ คนนั้น ก็ยังยืนอยู่ห่างๆ ไม่แย่งชิงไม่ต่อสู้

เซียวเฉวียนหรี่ตามองคนผู้นั้น เขาไม่ได้มีเวลาใส่ใจอีกฝ่าย เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าที่จะต้องทำ

ตัวเขาเซียวเฉวียนมาที่นี่นับว่าเป็นแค่การฆ่าเวลา ไม่ได้มาเป็นคนเถื่อน ไม่มีไฟ เขาต้องกินเนื้อดิบ มันจะไปได้ได้อย่างไร?

คนเหล่านี้เพื่อจะกินหมั่นโถวสักคำหนึ่ง ถึงกับโยนตะบันไฟที่หยิบขึ้นมาเมื่อครู่ทิ้ง เซียวเฉวียนหยิบมันขึ้นมาใหม่ ไม่เป็นไร ตากจนแห้งก็ใช้ใหม่ได้แล้ว ถือเสียว่าเป็นวัตถุไวไฟอย่างหนึ่ง จุดไฟได้ง่ายหน่อย

เพียงแต่ว่า ในเมื่อเชื้อไฟมอดไปแล้ว เขาต้องหาเพลิงให้เจอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย