ตอน บทที่ 394 เปลวไฟแรก จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 394 เปลวไฟแรก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ในวันแรกเมื่อทุกคนมาถึงเกาะจูเซิน พวกเขาล้มลงและร้องไห้อยู่กับพื้น
กลับกัน เซียวเฉวียนที่เดินทางมาถึงเกาะ เขาเดินบนชายหาดเพื่อเก็บก้อนหินด้วยความตั้งใจเป็นอย่างมาก
ปกติอาชญากรในสมัยโบราณ พวกเขาขาดการติดต่อกับโลกภายนอก และไม่ได้มีความรู้มากนัก
แต่เซียวเฉวียนนั้นแตกต่างออกไป เซียวเฉวียนมาจากยุคปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ความรู้ที่เขาพกติดตัวมากจากยุคปัจจุบัน ทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆได้
ในสมัยโบราณ มีหินชนิดหนึ่งเรียกว่าหินเหล็กไฟ ซึ่งเป็นแร่ควอทซ์ที่มีประโยชน์หลายอย่าง
ในสมัยโบราณ มักนำไปทำเครื่องมือเครื่องใช้เช่น มีดและหอก
คนที่อยู่ในป่า มักใช้หินชนิดนี้เพื่อสร้างประกายไฟในการจุดไฟ
หากต้องอยู่ในป่า การรู้วิธีหาหินเหล็กไฟนั้นมีประโยชน์มาก และการจำแนกหินชนิดนี้ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
หินเหล็กไฟส่วนใหญ่เป็นสีดำหรือสีเทาเข้ม อยู่ตามชายฝั่ง ก้นแม่น้ำ หรือบริเวณที่เป็นหินทราย
หินเหล็กไฟที่พบได้ทั่วไปจะมีความหนาแน่นและแข็ง แต่จะแตกหักเป็นรูปทรงเปลือกหอยหลังจากถูกบดขยี้
นอกจากนี้ ต้องแน่ใจว่าหินแห้งสนิท เนื่องจากหินที่เปียกมีโอกาสเกิดประกายไฟน้อยกว่า
เกาะจูเซินนั้นอยู่ใกล้ทะเลและชายฝั่งก็เต็มไปด้วยหินเหล็กไฟ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาพบ
เซียวเฉวียนดูสงบเป็นอย่างมาก เขาโน้มตัวก้มหาหินบนชายหาดท่ามกลางแสงแดด
“นี้! เจ้าโง่! เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
พวกเขาทุกคนที่อยู่บนเกาะจูเซินต้องรวมตัวกันเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่เช่นนั้น จะไม่สามารถอยู่รอดบนเกาะแห่งนี้ได้
เกาะจูเซินถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้อย่างหนาแน่นและมีสัตว์ป่ามากมาย หากเดินสำรวจป่าแต่เพียงผู้เดียว อาจถูกสัตว์ป่าฆ่าตายยก่อนก็เป็นได้
ตอนนี้เซียวเฉวียนโดดเดี่ยว ไม่สามารถเกาะกลุ่มกับพวกเขาได้ หากต้องการเข้าร่วมกับเขา ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาเป็นพี่ใหญ่
ทำให้เซียวเฉวียนเพิกเฉยต่อพวกเขา
พวกเขาทำตัวเหมือนกับคนป่าเถื่อน เพื่อที่จะกินซาลาเปาถึงกับโยนคบเพลิงทิ้ง
เซียวเฉวียนคนที่มีไอคิวสูงกว่า ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา
เขาก้มลงค้นหาหินเหล็กไปอย่างขมักเขม้น วันนี้เขาต้องพบหินนั่น
ชายฝั่งถูกปกคลุมไปด้วยหินขนาดเล็กและใหญ่ที่มีสีสันแตกต่างกันไป เซียวเฉวียนกำลังมองหาหินที่มีลักษณะดังนี้:"สีเทา สีดำ ผิวแตกเป็นรูปเปลือกหอย"
“พี่ใหญ่ ดูสิว่าเขาทำตัวแปลกแค่ไหน นี้เขาจะกลายเป็นคนบ้าแล้วอย่างนั้นหรือ?"
พวกเขาที่อยู่บนเกาะจูเซินทั้งสิบแปดคน เรียกตัวเองว่าสิบแปดอรหันต์
ชายที่ยืนอยู่ห่างไกลออกไป เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน สุขุม ดูไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก นั้นคือหัวหน้าของเขา ชื่อเว่ยไป๋
เว่ยไป๋อายุประมาณสามสิบถึงสี่สิบปี มีความรู้ในการเขียนและมีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
เขาอยู่บนเกาะจูเซินมาเกือบสิบสองปีแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาถูกเนรเทศมาที่นี่ตั้งแต่อายุยังน้อย
เว่ยไป๋เป็นคนเงียบๆ แต่เนื่องจากความสามารถที่แข็งแกร่งของเขา เขาจึงได้รับความไว้วางใจจากทุกคนบนเกาะจูเซินอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นผู้นำของพวกเขา
หลายคนมาที่เกาะจูเซิน และเสียชีวิตจำนวนมาก
เว่ยไป๋อาศัยอยู่ที่นี่มาสิบสองปี แต่เขารอดชีวิตมาได้ จนกระทั่งตอนนี้เขามีพี่น้องอีกสิบเจ็ดคน
ไม่มีใครรู้อดีตของเว่ยไป๋ แม้ทุกคนจะเคยสนทนากับเขาแต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลหรือเป็นบัณฑิตที่มีอนาคตไกลมาก่อน แต่ที่แน่ๆ เขาไม่ใช่แค่คนธรรมดา
ไม่มีใครอยากรู้อะดีตของเว่ยไป๋ เพราะยังไงเขาก็ต้องติดอยู่มี่เกาะจูเซิน ไม่สามารถออกไปได้ การรู้อดีตจะมีประโยชน์อะไร มีแต่เพิ่มพูนความเศร้าโศกให้เท่านั้น
บนเกาะจูเซิน สิ่งเดียวที่ควรใส่ใจคือการมีชีวิตรอด
แค่มีชีวิตรอด
เมื่อเซียวเฉวียนมาถึง เขาไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย หรือทำตัวเหมือนคนจะตาย เขาเต็มไปด้วยความเข้มแข็งและจิตวิญญาณอันสูงส่ง
เว่ยไป๋ไม่เคยเห็นบุคคลเช่นนี้มาก่อน
แน่นอนว่าเว้ยไป๋ไม่มีทางที่จะรู้จักเซียวเฉวียน เพราะเขาถูกเนรเทศมาสิบสองปีแล้ว แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเซียวเฉวียนถูกเนรเทศมาที่นี้ แสดงว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างมาแน่นอน
คนที่ถูกเนรเทศมาเช่นนี้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา
เซียวเฉวียนเจอหญ้าและเปลือกไม้ที่แห้งแล้ว เขานำหินเหล็กไฟและมีดที่อยู่ในมือตะบันจนเกิดเสียงกึกก้อง
คนทั้งสิบแปดคนที่อยู่ไม่ไกล จ้องมองไปที่เซียวเฉวียน
“น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ เขาคงจะบ้าไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เขาถูกเนรเทศมาที่นี้ ฮ่องเต้คงจะอายที่จะฆ่าคนบ้าเช่นเขา"
ชายร่างผอมที่ไม่มีฟันหน้า ถอนหายใจยาว เขาพูดด้วยน้ำเสียงเวทนาเซียวเฉวียน
"อาฉี"
เว่ยไป๋มองเขาอย่างตำหนิ: "ในเมื่อเขาไม่สมประกอบ ก็อย่าไปถือสาเขาเลย"
"คนบ้าจะสามารถคุกคามอะไรได้” ใบหน้าของอาฉีเต็มไปด้วยรอยย่น เขาเป็นมือขวาของเว่ยไป๋ และเป็นผู้นำคนที่สองลองลงมาจากเว่ยไป๋ ด้วยความแข็งแกร่ง ตัวเขาหยาบคายได้มากกว่าคำพูดของเขา...
“พี่ใหญ่ พี่รอง”
ในเวลานี้ น้องชายคนหนึ่งของพวกเขาชี้ไปทางเซียวเฉวียนและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ: "ดูสิ ดูสิ..."
"เจ้ามองอะไรอยู่! มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับคนบ้าคนนั้น!" อาฉีซึ่งนอนอยู่บนชายหาดพร้อมกับความคิดที่ว่า เขาคิดว่าจะได้พบเจอคนที่มีความสามารถ แต่กลับได้พบกับคนบ้า เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำได้คือปล่อยเซียวเฉวียนให้เป็นอาหารของเสือ
ในขณะเดียวกัน คนที่เหลืออีกสิบเจ็ดคน รวมถึงเว่ยไป๋ ค่อยๆ ยืนขึ้นราวกับเห็นปาฏิหาริย์
"เปรี๊ยะ"
"เปรี๊ยะ"
พวกเขาไม่ได้ได้ยินเสียงอันไพเราะเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
มันคือเสียงไฟที่ทำให้ไม้แตก
“ไฟ! ไฟ ไฟ!” ทุกคนกระโดดขึ้นลงอย่างตื่นเต้น!
อะไรนะ!
อาฉียืนขึ้นด้วยความสงสัย
ไม่ไกลนัก เซียวเฉวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ กลุ่มควันและเปลวไฟที่ลุกโชน ดวงตาของเขาดุร้ายราวกับเทพเจ้าที่ลงมาจากสรวงสวรรค์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...