ก่อนที่จักมีการสถาปนาราชวงศ์ต้าเว่ยขึ้นมา องค์จักรพรรดิผู้ก่อตั้งและอี้อู๋หลี่ล้วนแต่เป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน
พวกเขาทั้งหมดต่างก็พบความลึกลับและความแข็งแกร่งของพลังแห่งเทือกเขาคุนหลุน
จักรพรรดิผู้ก่อตั้งพลันได้พบกับตราประทับเหวินอิ้นที่มีพลังแก่กล้า ต่อมาไม่นานเขาก็ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างปัญญาชนและผู้อารักขาได้ในทันที ทั้งยังสั่งให้มีการจัดตั้งอันดับของผู้อารักขาขึ้นมา
หากแต่ อี้อู๋หลี่ที่ได้อาศัยความรู้ในยุคสมัยใหม่นั้นกลับค้นพบว่า อาวุธที่ทำจากแร่ของเทือกเขาคุนหลุนนั้น กลับมีกลิ่นอายที่มิมีผู้ใดเทียบเคียงได้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลอี้ก็ได้พึ่งพาอาวุธเหล่านี้ในการสร้างตระกูลของตนเอง
เมื่อเอ่ยถึงการใช้พลังของเทือกเขาคุนหลุนนั้น นับว่าเป็นเหล่าราชวงศ์ที่ใช้ประโยชน์จากพวกเขามากที่สุด มิเช่นนั้น คงจะมิเกิดกลุ่มผู้อารักขาขึ้นมาเช่นนี้อย่างแน่นอน
หากแต่พวกเขาก็ค้นพบด้วยเช่นกันว่า หากพวกเขาต้องจักใช้พลังงานของเทือกเขาคุนหลุนนั้น พวกเขาจักต้องมีการทำพันธสัญญาต่อกัน
ฉะนั้นแล้ว ในยามที่ทาสคุนหลุนกลับกลายมาเป็นผู้อารักขานั้น พวกเขาจักต้องเดินทางไปที่รัฐมนตรีการคลัง ถึงแม้ว่าภายนอกจักเป็นการบอกว่าเพื่อตั้งชื่อแซ่ให้กับพวกเขา แต่แท้จริงแล้วนั้นก็เพื่อให้กลุ่มผู้อารักขาเหล่านั้นทำพันธสัญญากับต้าเว่ย
ด้วยวิธีนี้ เหล่าผู้อารักขาจึงจักได้รับรากเหง้าแห่งการฝึกตนและรากจิตอักษรขึ้นมา
ยังมีคนเคยสงสัยว่า รากเหง้าแห่งการฝึกตนที่เกิดขึ้นบนตัวของปัญญาชนเหล่านั้นก็เป็นหนึ่งในมรดกที่เทือกเขาคุนหลุนมอบให้หรือไม่ มิเช่นนั้นพวกเขาจะสามารถสื่อถึงเหล่าผู้อารักขาได้เช่นไร
บ้างก็คาดเดากันไปว่า ชาวต้าเว่ยและทาสคุนหลุนเองก็เป็นหนึ่งในลูกหลานของเทือกเขาคุนหลุนเช่นกัน
ทว่า อย่างไรก็ตามผู้คนในต้าเง่ยนั้น ก็ยังเชื่อเสมอว่าทาสคุนหลุนคือผู้ที่อยู่ชั้นต่ำสุดของวรรณะ ว่าเทือกเขาคุนหลุนจักศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด แต่นั่นก็เป็นเพียงภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับผู้คนไม่
เหล่าผู้คนในต้าเว่ยนั้น พวกเขาจึงนึกภูมิใจในชนชั้นวรรณะที่สูงส่งกว่าทาสคุนหลุน ทั้งยังคิดอยู่เสมอว่าพวกเขาจักเป็นคนชั้นเดียวกันกับเหล่าทาสคุนหลุนไปได้อย่างไร
อี้กุยรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก ยามที่ทาสคุนหลุนกลายมาเป็นผู้อารักขานั้น พวกเขาจักต้องทำการกล่าวคำสาบาน เพื่อบอกกล่าวกับเทือกเขาคุนหลุน เช่นนี้ก็จักถือเป็นการทำพันธสัญญากับต้าเว่ยแล้ว
ปัญหาก็คือการที่ทาสคุนหลุนจักพันธสัญญากับต้าเว้ยนั้น นับว่าเป็นเรื่องปกติ
ต้าเว่ยที่เป็นหนึ่งในแว่นแคว้นนั้น หากว่าผู้อารักขามีพละกำลังกล้าแกร่ง ยิ่งจำนวนคนมากเท่าใด พวกเขาย่อมต้องถูกควบคุมโดยคนของต้าเว่ยอย่างแน่นอน
อี้กุยมิคิดเลยว่า ท่านปู่น้อยจักกล้าไปทำพันธสัญญากับเหล่าทาสคุนหลุนได้
ทั้งยังทำกับทาสคุนหลุนในเหวอันยวนเสียอีก!
ในภายภาคหน้า หากว่าเซียวเฉวียนจักนำกำลังพลผู้อารักขาและนักปัญญาชนทั้งหลายมาก่อกบฏละก็ ด้วยสถานะของเขาในฐานะประมุขแห่งชิงหยวนนั้น รวมไปถึงพันธสัญญาที่เขาทำกับเหล่าผู้อารักขาแล้วไซร้ หากว่าคิดจะทำการก่อกบฏละก็ เขาย่อมมีกองกำลังก่อกบฐที่แข็งแกร่งมากเป็นแน่!
ที่นั่นมีคงมีทาสคุนหลุนคงมิถึงนับแสนคน ทว่า ก็น่าจะมีจำนวนอยู่ที่มีเจ็ดแปดหมื่นคนกระมัง?
เหล่าผู้อารักขาเพียงคนเดียว มีพละกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่าชาวบ้านธรรมดาตาดำถึงสิบคนเลยทีเดียว
หากฝ่าบาททราบเรื่องนี้ขึ้นมาละก็ เขาไม่แปลกใจเลยที่คิดจะทำการสังหารเซียวเฉวียนนับตั้งแต่ตอนนี้!
เกรงว่าชั่วชีวิตนี้ของเซียวเฉวียน คงจะไม่มีวันกลับมาจากเกาะจูเสินแล้ว!
จบแล้ว มันจบแล้ว
เหตุใดเขาเพิ่งมารู้เรื่องตอนนี้ได้กัน?
“เจ้าแน่ใจหรือว่ามันเป็นเรื่องจริง?” อี้กุยพลันเงยหน้าขึ้นเอ่ยถาม
“น่าจะเป็นเรื่องจริงขอรับ” ผู้จัดการร้านพลันพยักหน้าลง มีเหล่าผู้อารักขาหลายคนที่รู้ถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ขาของอี้กุยรู้สึกอ่อนแรงยิ่งนัก เขารู้จักท่านปู่น้อยของเขาดี
เกรงว่าท่านปู่น้อยคงจะมิรู้ถึงความร้ายแรงของการทำพันธสัญญากระมัง แม้ว่าจักเป็นเพียงสัญญาปากเปล่าก็ตาม
หากพูดถึงสัญญาปากเปล่าของท่านปู่น้อยแล้วนั้น เขาหาได้สนใจกับคำสาบานใด ๆ ไม่ เขาขอเพียงแค่เอ่ยปากออกไปส่ง ๆ เพื่อเป็นการจบเรื่องนี้เท่านั้น
หรือบางทีท่านปู่น้อยอาจจะรับปากกับเหล่าทาสคุนหลุนส่ง ๆ ไปก็เป็นได้ ขอเพียงแค่ทาสคุนหลุนยอมรับเท่านั้น นี่ก็นับว่าเป็นสัญญาปากเปล่าของทั้งสองฝ่าย
หรือว่า...
ในยามนี้ อี้กุยกลับคิดถึงเรื่องราวที่น่าหวาดผวาขึ้นมา นั่นก็คือ เซียวเฉวียนหาได้เคยลงมือลงแรงกับสิ่งที่ตนเองมิได้ประโยชน์ไม่
เป็นไปได้ไหมว่า พันธสัญญาปากเปล่าที่ท่านปู่น้อยทำกับเหล่าทาสคุนหลุนนั้น เป็นเขาที่ตั้งใจทำเช่นนั้น?
ถึงแม้ว่าท่านปู่น้อยจักมิคิดว่าตนเองจักต้องมารับช่วงต่อเป็นประมุขแห่งชิงหยวน ทั้งยังต้องมาคอยควบคุมเหล่าปัญญาชนอีก ทว่า ท่านปู่น้อยเองก็หวังว่าตนเองจักสามารถใช้พลังแห่งการต่อสู้ของทาสคุนหลุนในอนาคตด้วยเช่นกัน
ไอ๊หยา จบแล้ว มันจบแล้ว หากฝ่าบาททราบเรื่องนี้เข้า จักเกิดอะไรขึ้นกัน?
แม้ว่าฝ่าบาทจักเป็นจักรพรรดิของแว่นแคว้น ทว่า เซียวเฉวียนได้ทำสัญญากับเหล่าผู้อารักขาไปก่อนหน้านั้นแล้ว ภายภาคหน้าหากฝ่าบาทและเซียวเฉวียนจักต้องหันหน้าเข้าห้ำหั่นกันละก็ เหล่าผู้อารักขาพวกนั้นย่อมต้องทำตามสัญญาที่ให้กับเซียวเฉวียนเอาไว้
อี้กุยรู้สึกเวียนหัวยิ่งนัก "ไป ไปเอาตำราหนังสือโบราณของท่านปู่ข้าออกมาเสีย ข้าจะกดูว่ามันมีวิธีการใดที่จะจัดการสัญญาของท่านปู่น้อยกับทาสคุนหลุนไปได้บ้าง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...