ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 399

เซียวเฉวียนจักเอ่ยความจริงออกไปได้อย่างไร?

ในยุคสมัยโบราณ หลักคำสอนเรื่องแรกในดำรงชีวิตอยู่ก็คือการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท

ไม่ว่าเว่ยไป๋จะรักจะชอบครอบครัวของไป๋ฉี่มากแค่ไหน แต่เขาก็เพียงชมชอบกลุ่มของไป๋ฉี่เท่านั้น หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับ เซียวเฉวียนมา

ในฐานะที่เว่ยไป๋เป็นอดีตประมุขแห่งมู่อวิ๋น ทั้งยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของเชื้อพระวงศ์ระดับสูงด้วยนั้น เขาย่อมมีความรู้หยิ่งทระนงในชาติกำเนิดของตนเองมากกว่าผู้อื่น หากเขารู้ว่าบุตรชายของตนเองกลายมาเป็นผู้อารักขาของเซียวเฉวียนและบุตรสาวของตนเองถูกเซียวเฉวียนพาเข้าไปในวังนั้น เช่นนี้เขาจะไม่ฟันเซียวเฉวียนจนตายหรอกหรือ?

ไม่ว่าจะตีเซียวเฉวียนให้ตายยังไง เซียวเฉวียนก็ไม่มีทางพูดออกไปเป็นอันขาด!

“มิรู้ว่าท่านกำลังเอ่ยถึงผู้ใดกัน?” เซียวเฉวียนแสร้งทำเป็นตกตะลึง ก่อนจะกะพริบตาลงเสมือนว่าตนเองมิรู้เรื่องใดเลยแม้แต่น้อย

คนอื่นๆ จึงแสดงท่าทีอับอายออกมา เซียวเฉวียนมิรู้จักแม้กระทั่งชื่อและประวัติความเป็นมาของเว่ยไป๋จริงๆ น่ะหรือ?

หลังจากที่เว่ยไป๋ถูกเนรเทศออกมานั้น แม้แต่ประวัติและชื่อเสียงเรียงนามของเขาก็หายออกไปจากใต้หล้าด้วยหรือยังไง?

“เฮ้! เจ้าแกล้งทำเป็นโง่หรือ?”

อาฉีจึงยืนเท้าสะเอวมองในทันที โดยปกติแล้วเซียวเฉวียนก็ดูมีท่าทีฉลาดเฉลียวยิ่งนัก เหตุใดในยามนี้ถึงได้มีท่าทีโง่เง่ามิรู้เรื่องเช่นนี้แล้วเล่า?

หรือว่าเซียวเฉวียนจะยังเด็กเกินไป จนมิรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเว่ยไป๋?

นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเปล่งประกายเมื่อครู่จึงได้ค่อย ๆ มอดลง พร้อมทั้งความเหงาที่มิมีที่สิ้นสุดเกิดขึ้นในใจของ ดูเหมือนว่า ต้าเว่ยในยามนี้ หาได้ยินยอมให้เขาอยู่ซอกหลืบและมุมมืดของใต้หล้าไม่ เกรงว่าเพียงแค่จะเอ่ยนามของเขาออกมา ก็คงจะไม่ได้กระมัง

ทั้งเซียวเฉวียนและเว่ยไป๋จึงมีท่าทีทำตัวไม่ถูกไปในทันที ถึงอย่างไรผู้ที่สามารถเดินทางมายังเกาะจูเสินได้นั้น ล้วนแต่เคยกระทำสิ่งที่ใต้หล้ามิอาจรับได้มาด้วยกันทั้งนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ท่าทีที่เต็มไปด้วยความทระนงตนของเว่ยไป๋จึงไอแห้ง ๆ ออกมา “ปลาของเจ้า มันไหม้แล้ว”

“โอ้ โอ้ โอ้ ข้าต้องพลิกตัวมัน”

เซียวเฉวียนจึงรีบหันกลับไปหาปลาย่างที่ถูกปรุงไว้เป็นเวลานานอย่างรวดเร็ว น่าอาย น่าอับอายจริง ๆ

ดูเหมือนว่าเว่ยไป๋ยังมีความรู้สึกคิดถึงต่อครอบครัวของไป๋ฉี่อยู่ มิเช่นนั้นเหตุใดถึงเอ่ยถึงพวกเขาออกมาเล่า?

อีกทั้ง ทั้งไป๋ฉี่และมั่วสี่ต่างก็แซ่เว่ย อีกคนมีนามว่าเว่ยมู่ไป่อีกคนมานามว่าเว่ยจือเช่นนี้ แม้แต่แซ่ที่เป็นสกุลเก่าแก่และมีอำนาจ เว่ยไป๋ก็ได้มอบมันให้กับพวกเขาสองพี่น้อง

นั่นแสดงให้เห็นว่าเว่ยไป๋รักและมีความจริงใจต่อแม่ไป๋จริง ๆ

น่าเสียดาย น่าเสียดาย เซียวเฉวียนได้แต่ส่ายหัวไปมา เพียงเพราะชนชั้นศักดินาถึงได้พรากคนรักของพวกเขามาเช่นนี้

เซียวเฉวียนเคยได้ยินว่าถูกเนรเทศเพราะทำการสังหารคน หรือลักลอบเข้าเมืองถึงได้ถูกเนรเทศ หากแต่เขามิเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเพียงเพราะความรักของตนถึงต้องถูกเนรเทศออกมาเช่นนี้

หากมองมุมนี้นั้น เว่ยไป๋ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่รักและมั่นคงในความรักของตนเองยิ่งนัก

“เรือ! มีเรือ!”

ในยามนี้ บุคคลที่ปากพล่อย ๆ เช่นอาฉีพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้นอีกครั้ง!

มีเรือกำลังเข้ามา!

เซียวเฉวียนจึงแย้มยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ เฮ้ ท่านผู้เฒ่าเว่ยเชียนชิวมาเร็วไปหน่อยหรือไม่ เขายังมาอยู่ได้ไม่กี่วันเลย ก็มารับเขาแล้วงั้นหรือ?

“ข้าเคยบอกแล้ว พวกเขาจักต้องมารับข้ากลับไปอย่างแน่นอน พวกท่านก็ไม่ยอมเชื่อใจข้า!”

เซียวเฉวียนปัดฝุ่นสีดำบนมือของตนเอง ก่อนจะหันกลับไปมอง ยังมิทันที่เขาจะได้ดีใจมากไปกว่านี้ ก็ต้องขมวดคิ้วของตนเองลง

เรือลำนั้นเล็กมาก

เล็กพอที่จะยืนได้เพียงสองคนเท่านั้น

เรือลำเล็ก?

เรือลำเล็กเช่นนี้ จักแล่นอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ได้อย่างไร?

พลันมีชายร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่บนเรือ ด้วยระยะทางที่ไกลกันนั้น พวกเขาจึงมองเห็นเป็นเพียงบุรุษร่างใหญ่ยืนอยู่บนเรือเท่านั้น

บนเรือกลับมีเพียงธงเล็ก ๆ เสมือนกับทำหน้าที่เป็นใบเรือ

ด้านบนธงจึงมีลวดลายคล้ายกับดวงอาทิตย์หงส์สีเพลิง เมื่อเซียวเฉวียนมองไปที่ธงนั้น ก็ได้แต่นึกคิดว่าเป็นผู้ใดที่ออกแบบธงผืนนี้กันหาได้มีความเข้าใจในศาสตร์และศิลป์ไม่

“มันเป็นเรือจากเทือกเขาคุนหลุน”

เว่ยไป๋จำธงผืนนี้ได้ อีกทั้งแสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมา

ทั้งเรือและบุรุษคนนั้นหาได้เข้ามาเทียบท่าบนฝั่งไม่ เขาเพียงแค่ลอยอยู่ห่างจากชายฝั่งหลายร้อยเมตรเท่านั้น

ดวงตาของชายผู้นั้นพลันจ้องมองมาที่พวกเขา แต่ก็มิได้เข้ามาใกล้ ๆ แต่อย่างใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย