“เว่ยไป๋ เหตุใดท่านจึงแน่ใจนัก ท่านเคยเห็นเทพเจ้าแห่งเทือกเขาคุนหลุนงั้นหรือ?”
เซียวเฉวียนจ้องมองบุรุษที่ยืนอยู่บนทะเลด้วยท่าทีเสมือนกับหมูมิกลัวน้ำเดือด
“ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน” เว่ยไป๋มิได้ยินผู้ใดเรียกขานนามของตนเองเช่นนี้มานานแล้ว ภายในใจของเขาจึงรู้สึกสั่นไหวยิ่งนัก
มิต้องเอ่ยถามเลยว่าเขาเคยพบเคยเห็นหรือไม่ แท้จริงแล้วมิเคยมีผู้ใดในต้าเว่ยเคยพบเห็นเช่นกัน ทว่า เว่ยไป๋เคยพบเห็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเทือกเขาคุนหลุนในตำราหนังสือโบราณเท่านั้น
ในตำนานกล่าวว่า เทพเจ้าแห่งเทือกเขาคุนหลุนเองก็มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของตนเองเช่นกัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของหงส์เพลิงที่โอบกอดดวงอาทิตย์
ถึงแม้ว่าเขาจะมิเคยเห็นเทพเจ้าในตำนานมาก่อน แต่พลังของเทือกเขาคุนหลุนนั้นล้วนแต่มีอิทธิพลต่อต้าเว่ยมาโดยตลอด
แม้กระทั่งการปกป้องราชวงศ์ต้าเว่ยด้วยเช่นกัน
ในอดีต ยามที่เว่ยไป๋ยังคงเป็นประมุขแห่งมู่อวิ๋นอยู่นั้น เขาเองก็มีตราประทับด้วยเช่นกัน
ตราประทับนั้นสามารถสั่งการสังหารเข่นฆ่าและควบคุมปราบปรามเหล่าปัญญาชนได้เช่นกัน นับว่ามันสามารถช่วยรักษาเสถียรภาพและความสงบสุขของต้าเว่ยได้อย่างมากมาย
หากไม่มีตราประละก็ คงยากที่จะควบคุมเหล่าปัญญาชนของต้าเว่ย
เนื่องจากเหล่าปัญญาชนสามารถสื่อสารจิตกับทาสคุนหลุนได้ อีกทั้งพละกำลังอันแก่กล้าที่ใช้ในการประชันกลอนนั้น หากมิมีตราประทับแล้วไซร้ หรือพึ่งพาแต่เพียงวรยุทธ์ของตนเพียงอย่างเดียวก็ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมปัญญาชนเอาไว้ได้
ดังนั้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นเทพเจ้าแห่งเทือกเขาคุนหลุนมาก่อน แต่เหล่าชาวต้าเว่ยทุกคน ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงเกรงขามและยอมจำนนต่อเทือกเขาคุนหลุนอยู่นั่นเอง
ที่แท้เว่ยไป๋หาได้เคยพบเห็นมาก่อนไม่ ดูเหมือนว่าคนจากเทือกเขาคุนหลุนจะมิค่อยปรากฏตัวให้เห็นบ่อยนัก
เมื่อเซียวเฉวียนกลับมาขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี ๆ ไม่ว่าที่นี่จักเป็นที่ฮว๋าเซี่ยหรือต้าเว่ยนั้น เทือกเขาคุนหลุนล้วนแต่มีความเกี่ยวพันกับเทพเจ้าไปเสียหมด ถึงแม้เรื่องราวทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ แต่หาได้มีสิ่งใดมายืนยันได้ว่าในใต้หล้ามีเทพเจ้าอยู่จริง ๆ !
ที่ฮว๋าเซี่ยนั้น เทือกเขาคุนหลุนยังนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งอีกด้วย เซียวเฉวียนเองก็ยังเคยจิบน้ำจากบ่อน้ำพุคุนหลุนอีกด้วยเช่นกัน
บ่อน้ำพุคุนหลุนนั้นเป็นบ่อน้ำพุที่มิเคยถูกแช่แข็ง ทั้งยังเป็นแอ่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาคุนหลุนอีกด้วย น้ำแร่ทั้งหมดล้วนแต่มาจากน้ำแข็งและหิมะของเทือกเขาคุนหลุนที่ละลายลงมา จนซึมลึกเข้าสู่พื้นดิน น้ำแร่ไม่เพียงแต่ใสสะอาดเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติที่หวานและกลมกล่อมอีกด้วย ทั้งยังสะอาดถูกสุขลักษณะไร้สารพาเจือปน มันถึงได้ชื่อว่า "น้ำหวานเทือกเขาน้ำแข็ง"
บ่อน้ำพุพลันถูกล้อมรอบไปด้วยลวดลายเหลี่ยมหินที่เกิดมาจากแผ่นหินแกรนิต ตรงกลางบ่อน้ำพุพลันมีน้ำแร่ใส ๆ พุ่งออกมาจากสระ จนคล้ายกับน้ำพุที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมา ก่อนจะกระจายน้ำแร่ที่มีความใสสะอาดออกไปรอบ ๆ ราวกับบุปผากำลังผลิบาน ทั้งยังเสมือนหยกน้ำดีที่กำลังสาดกระเซ็นออกมาอย่างเงียบ ๆ ลงในสระน้ำใส แล้วค่อย ๆ ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำคุนหลุนแทน
เซียวเฉวียนยังคงจำรสชาติน้ำแร่นั้นได้ดี มันมีทั้งรสชาติหวานและเย็นกว่าน้ำธรรมดาทั่วไปนัก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอมตะหลังจากที่ดื่มมันลงไปแต่อย่างใด
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เซียวเฉวียนจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเองจะทำการส่งใดควรจะต้องระมัดระวังให้มากแล้ว
สิ่งที่คล้ายคลึงกันมากที่สุดระหว่างราชวงศ์ต้าเว่ยและฮว๋าเซี่ยนั้นก็คือวัฒนธรรม เช่นบทกวีบทกลอนประพันธ์เพลง รวมไปถึงหลักเกณฑ์มารยาทต่าง ๆ ในการปฏิบัติตนมากมาย
สำหรับสถานที่เช่นเทือกเขาคุนหลุนนั้น หาได้มีความเหมือนกันไม่
สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในต้าเว่ยนั้น ล้วนแต่มีความเกี่ยวกันกับเทือกเขาคุนหลุนทั้งหมด หากว่าต้าเว่ยจักมีเทพเจ้านั้น ก็หาได้รู้สึกแปลกประหลาดไปไม่
เซียวเฉวียนจ้องมองไปยังบุรุษตรงหน้าด้วยท่าทีเกรงกลัวว่าเขาจะเข้ามาใกล้ ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว หากว่ากลุ่มเทพเจ้าเหล่านี้มาที่นี่จริง ๆ เพียงเพราะไฟเช่นนี้หรือ เช่นนี้เขาก็จักต้องมาลงโทษเซียวเฉวียนนะสิ!
นี่คือไฟที่เซียวเฉวียนทำการจุดขึ้นมาด้วยตนเองเชียว
หากว่าเทพเจ้าทรงพิโรธเพราะสิ่งนี้ เช่นนั้นพระองค์จะมิทำการระเบิดเซียวเฉวียนออกเป็นชิ้น เพียงแค่ทำการขยับนิ้วของเขางั้นหรือ?
เซียวเฉวียนที่จ้องมองบุรุษที่ยืนอยู่บนทะเลไปนั้น ก่อนที่ในหัวจักนึกถึงเรื่องราวตำนานเทพเจ้าในฮว๋าเซี่ยขึ้นมาอย่างมากมาย ฮว๋าเซี่ยเองก็มีตำราเกี่ยวกับเทพเซียนเช่นกัน ทว่า มันหาใช่เรื่องเล่านวนิยายไม่ หากแต่เป็นการจำบันทึกของวัฒนธรรมลัทธิเต๋าหรือวัฒนธรรมขงจื๊อที่เอ่ยถึงเทพเซียนทั้งหลายแทน
มีเพียงตำราเล่มเดียวเท่านั้นที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนังสือตำราโบราณที่เรียกว่า ตำราขุนเขามหาสมุทร
เป็นหนังสือตำราโบราณที่สำคัญที่สุดในสมัยก่อนราชวงศ์ฉินของฮว๋าเซี่ย ทั้งยังเป็นหนังสือตำราที่กล่าวถึงเหล่าเทพเซียนอันแปลกประหลาดที่มีความเก่าแก่และเป็นตำนานมากที่สุด มิมีผู้ใดรู้จักกับผู้เขียน ฉะนั้นแล้วเหล่านักวิชาการในยุคสมัยใหม่จึงเชื่อว่า ตำราเล่มนี้หาได้ถูกเขียนขึ้นมาในคราวเดียวไม่ อีกทั้งผู้เขียนอาจจะมิใช่คนเดียวกันก็เป็นได้
ตำราขุนเขามหาสมุทรแบ่งเนื้อหาออกมาเป็นสิบแปดส่วน เนื้อหาถึงห้าส่วนจักเอ่ยถึงเรื่องราวแห่งขุนเขา ทว่าเรื่องราวในท้องทะเลนั้น จักมีการบรรยายถึงสิบสามส่วนด้วยกันมี เนื้อหาภายในสิบสี่ส่วนนั้น ยังไม่อาจระบุวันเวลาในช่วงยุคที่เขียนขึ้นมาได้อีกด้วย มีเนื้อหาเพียงสี่ส่วนเท่านั้นที่สามารถระบุได้ว่าเขียนในช่วงสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกตอนต้น
เนื้อหาของตำราขุนเขามหาสมุทรโดยส่วนใหญ่เป็นความรู้ทางภูมิศาสตร์ หรือตำรับตำราคำเล่าขานที่สืบต่อกันมาอย่างช้านาน แกเช่นภูเขาแม่น้ำ แผ่นดินภูมิศาสตร์ กลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ หรือสิ่งของมากมายที่ถูกสร้างขึ้น ยาสมุนไพร พิธีกรรมการสังเวย หมอผีต่าง ๆ รวมไปถึงการรักษาตำนานเรื่องควาฟู่ไล่ตามตะวัน ตำนานจิงเว่ยถมทะเล พระเจ้าอวี่ขจัดอุทกภัยล้วนแต่เป็นเนื้อหาเรื่องปรัมปราฮว๋าเซี่ยของผู้คนสมัยก่อนต่างก็เล่ากันปากต่อปากมาเป็นเวลานาน
ตำราขุนเขามหาสมุทรได้จดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ประมาณสี่สิบกว่ารัฐ พร้อมทั้งบันทึกภูเขาอีกห้าร้อยห้าสิบกว่าลูก แหล่งต้นน้ำแม่น้ำมากมายอีกสามร้อยสาย และยังบุคคลในหน้าประวัติศาสตร์มากกว่าหนึ่งร้อนคน รวมไปถึงเทพเจ้าและสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ที่มีมากกว่าสี่ร้อยตัว อาจกล่าวได้ว่าตำราเล่มนี้ได้จดบันทึกสิ่งเหล่านี้เอาไว้ทีละรายการและตามสถานที่ภูมิภาคต่าง ๆ เอาไว้ โดยไม่อาจระบุวันเวลาจากเนื้อหาภายในได้เลยแม้แต่น้อย
คำว่าเทือกเขาคุนหลุนที่ปรากฏขึ้นมาครั้งแรกนั้น อยู่ในตำราขุนเขามหาสมุทรในตอนของการจดบันทึกด้านท้องทะเล: ทางตอนใต้ของทะเลตะวันตก ทะเลทรายกว้างใหญ่ดั่งขุนพล เบื้องหลังแม่น้ำสีชาด อยู่เบื้องหน้าทะเลดำ มีเทือกเขาขนาดใหญ่ นามว่าเทือกเขาคุนหลุน
เทือกเขาคุนหลุนตั้งอยู่ในทะเลอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมืองหลวงภายใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิ เทือกเขาคุนหลุนที่กว้างไกลยาวกว่าแปดร้อยลี้ ทว่า สูงเทียมฟ้าถึงหนึ่งหมื่นหลา
ชู่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...