ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 400

“เว่ยไป๋ เหตุใดท่านจึงแน่ใจนัก ท่านเคยเห็นเทพเจ้าแห่งเทือกเขาคุนหลุนงั้นหรือ?”

เซียวเฉวียนจ้องมองบุรุษที่ยืนอยู่บนทะเลด้วยท่าทีเสมือนกับหมูมิกลัวน้ำเดือด

“ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน” เว่ยไป๋มิได้ยินผู้ใดเรียกขานนามของตนเองเช่นนี้มานานแล้ว ภายในใจของเขาจึงรู้สึกสั่นไหวยิ่งนัก

มิต้องเอ่ยถามเลยว่าเขาเคยพบเคยเห็นหรือไม่ แท้จริงแล้วมิเคยมีผู้ใดในต้าเว่ยเคยพบเห็นเช่นกัน ทว่า เว่ยไป๋เคยพบเห็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเทือกเขาคุนหลุนในตำราหนังสือโบราณเท่านั้น

ในตำนานกล่าวว่า เทพเจ้าแห่งเทือกเขาคุนหลุนเองก็มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของตนเองเช่นกัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของหงส์เพลิงที่โอบกอดดวงอาทิตย์

ถึงแม้ว่าเขาจะมิเคยเห็นเทพเจ้าในตำนานมาก่อน แต่พลังของเทือกเขาคุนหลุนนั้นล้วนแต่มีอิทธิพลต่อต้าเว่ยมาโดยตลอด

แม้กระทั่งการปกป้องราชวงศ์ต้าเว่ยด้วยเช่นกัน

ในอดีต ยามที่เว่ยไป๋ยังคงเป็นประมุขแห่งมู่อวิ๋นอยู่นั้น เขาเองก็มีตราประทับด้วยเช่นกัน

ตราประทับนั้นสามารถสั่งการสังหารเข่นฆ่าและควบคุมปราบปรามเหล่าปัญญาชนได้เช่นกัน นับว่ามันสามารถช่วยรักษาเสถียรภาพและความสงบสุขของต้าเว่ยได้อย่างมากมาย

หากไม่มีตราประละก็ คงยากที่จะควบคุมเหล่าปัญญาชนของต้าเว่ย

เนื่องจากเหล่าปัญญาชนสามารถสื่อสารจิตกับทาสคุนหลุนได้ อีกทั้งพละกำลังอันแก่กล้าที่ใช้ในการประชันกลอนนั้น หากมิมีตราประทับแล้วไซร้ หรือพึ่งพาแต่เพียงวรยุทธ์ของตนเพียงอย่างเดียวก็ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมปัญญาชนเอาไว้ได้

ดังนั้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นเทพเจ้าแห่งเทือกเขาคุนหลุนมาก่อน แต่เหล่าชาวต้าเว่ยทุกคน ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงเกรงขามและยอมจำนนต่อเทือกเขาคุนหลุนอยู่นั่นเอง

ที่แท้เว่ยไป๋หาได้เคยพบเห็นมาก่อนไม่ ดูเหมือนว่าคนจากเทือกเขาคุนหลุนจะมิค่อยปรากฏตัวให้เห็นบ่อยนัก

เมื่อเซียวเฉวียนกลับมาขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี ๆ ไม่ว่าที่นี่จักเป็นที่ฮว๋าเซี่ยหรือต้าเว่ยนั้น เทือกเขาคุนหลุนล้วนแต่มีความเกี่ยวพันกับเทพเจ้าไปเสียหมด ถึงแม้เรื่องราวทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ แต่หาได้มีสิ่งใดมายืนยันได้ว่าในใต้หล้ามีเทพเจ้าอยู่จริง ๆ !

ที่ฮว๋าเซี่ยนั้น เทือกเขาคุนหลุนยังนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งอีกด้วย เซียวเฉวียนเองก็ยังเคยจิบน้ำจากบ่อน้ำพุคุนหลุนอีกด้วยเช่นกัน

บ่อน้ำพุคุนหลุนนั้นเป็นบ่อน้ำพุที่มิเคยถูกแช่แข็ง ทั้งยังเป็นแอ่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาคุนหลุนอีกด้วย น้ำแร่ทั้งหมดล้วนแต่มาจากน้ำแข็งและหิมะของเทือกเขาคุนหลุนที่ละลายลงมา จนซึมลึกเข้าสู่พื้นดิน น้ำแร่ไม่เพียงแต่ใสสะอาดเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติที่หวานและกลมกล่อมอีกด้วย ทั้งยังสะอาดถูกสุขลักษณะไร้สารพาเจือปน มันถึงได้ชื่อว่า "น้ำหวานเทือกเขาน้ำแข็ง"

บ่อน้ำพุพลันถูกล้อมรอบไปด้วยลวดลายเหลี่ยมหินที่เกิดมาจากแผ่นหินแกรนิต ตรงกลางบ่อน้ำพุพลันมีน้ำแร่ใส ๆ พุ่งออกมาจากสระ จนคล้ายกับน้ำพุที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมา ก่อนจะกระจายน้ำแร่ที่มีความใสสะอาดออกไปรอบ ๆ ราวกับบุปผากำลังผลิบาน ทั้งยังเสมือนหยกน้ำดีที่กำลังสาดกระเซ็นออกมาอย่างเงียบ ๆ ลงในสระน้ำใส แล้วค่อย ๆ ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำคุนหลุนแทน

เซียวเฉวียนยังคงจำรสชาติน้ำแร่นั้นได้ดี มันมีทั้งรสชาติหวานและเย็นกว่าน้ำธรรมดาทั่วไปนัก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอมตะหลังจากที่ดื่มมันลงไปแต่อย่างใด

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เซียวเฉวียนจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเองจะทำการส่งใดควรจะต้องระมัดระวังให้มากแล้ว

สิ่งที่คล้ายคลึงกันมากที่สุดระหว่างราชวงศ์ต้าเว่ยและฮว๋าเซี่ยนั้นก็คือวัฒนธรรม เช่นบทกวีบทกลอนประพันธ์เพลง รวมไปถึงหลักเกณฑ์มารยาทต่าง ๆ ในการปฏิบัติตนมากมาย

สำหรับสถานที่เช่นเทือกเขาคุนหลุนนั้น หาได้มีความเหมือนกันไม่

สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในต้าเว่ยนั้น ล้วนแต่มีความเกี่ยวกันกับเทือกเขาคุนหลุนทั้งหมด หากว่าต้าเว่ยจักมีเทพเจ้านั้น ก็หาได้รู้สึกแปลกประหลาดไปไม่

เซียวเฉวียนจ้องมองไปยังบุรุษตรงหน้าด้วยท่าทีเกรงกลัวว่าเขาจะเข้ามาใกล้ ๆ

ท้ายที่สุดแล้ว หากว่ากลุ่มเทพเจ้าเหล่านี้มาที่นี่จริง ๆ เพียงเพราะไฟเช่นนี้หรือ เช่นนี้เขาก็จักต้องมาลงโทษเซียวเฉวียนนะสิ!

นี่คือไฟที่เซียวเฉวียนทำการจุดขึ้นมาด้วยตนเองเชียว

หากว่าเทพเจ้าทรงพิโรธเพราะสิ่งนี้ เช่นนั้นพระองค์จะมิทำการระเบิดเซียวเฉวียนออกเป็นชิ้น เพียงแค่ทำการขยับนิ้วของเขางั้นหรือ?

เซียวเฉวียนที่จ้องมองบุรุษที่ยืนอยู่บนทะเลไปนั้น ก่อนที่ในหัวจักนึกถึงเรื่องราวตำนานเทพเจ้าในฮว๋าเซี่ยขึ้นมาอย่างมากมาย ฮว๋าเซี่ยเองก็มีตำราเกี่ยวกับเทพเซียนเช่นกัน ทว่า มันหาใช่เรื่องเล่านวนิยายไม่ หากแต่เป็นการจำบันทึกของวัฒนธรรมลัทธิเต๋าหรือวัฒนธรรมขงจื๊อที่เอ่ยถึงเทพเซียนทั้งหลายแทน

มีเพียงตำราเล่มเดียวเท่านั้นที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนังสือตำราโบราณที่เรียกว่า ตำราขุนเขามหาสมุทร

เป็นหนังสือตำราโบราณที่สำคัญที่สุดในสมัยก่อนราชวงศ์ฉินของฮว๋าเซี่ย ทั้งยังเป็นหนังสือตำราที่กล่าวถึงเหล่าเทพเซียนอันแปลกประหลาดที่มีความเก่าแก่และเป็นตำนานมากที่สุด มิมีผู้ใดรู้จักกับผู้เขียน ฉะนั้นแล้วเหล่านักวิชาการในยุคสมัยใหม่จึงเชื่อว่า ตำราเล่มนี้หาได้ถูกเขียนขึ้นมาในคราวเดียวไม่ อีกทั้งผู้เขียนอาจจะมิใช่คนเดียวกันก็เป็นได้

ตำราขุนเขามหาสมุทรแบ่งเนื้อหาออกมาเป็นสิบแปดส่วน เนื้อหาถึงห้าส่วนจักเอ่ยถึงเรื่องราวแห่งขุนเขา ทว่าเรื่องราวในท้องทะเลนั้น จักมีการบรรยายถึงสิบสามส่วนด้วยกันมี เนื้อหาภายในสิบสี่ส่วนนั้น ยังไม่อาจระบุวันเวลาในช่วงยุคที่เขียนขึ้นมาได้อีกด้วย มีเนื้อหาเพียงสี่ส่วนเท่านั้นที่สามารถระบุได้ว่าเขียนในช่วงสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกตอนต้น

เนื้อหาของตำราขุนเขามหาสมุทรโดยส่วนใหญ่เป็นความรู้ทางภูมิศาสตร์ หรือตำรับตำราคำเล่าขานที่สืบต่อกันมาอย่างช้านาน แกเช่นภูเขาแม่น้ำ แผ่นดินภูมิศาสตร์ กลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ หรือสิ่งของมากมายที่ถูกสร้างขึ้น ยาสมุนไพร พิธีกรรมการสังเวย หมอผีต่าง ๆ รวมไปถึงการรักษาตำนานเรื่องควาฟู่ไล่ตามตะวัน ตำนานจิงเว่ยถมทะเล พระเจ้าอวี่ขจัดอุทกภัยล้วนแต่เป็นเนื้อหาเรื่องปรัมปราฮว๋าเซี่ยของผู้คนสมัยก่อนต่างก็เล่ากันปากต่อปากมาเป็นเวลานาน

ตำราขุนเขามหาสมุทรได้จดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ประมาณสี่สิบกว่ารัฐ พร้อมทั้งบันทึกภูเขาอีกห้าร้อยห้าสิบกว่าลูก แหล่งต้นน้ำแม่น้ำมากมายอีกสามร้อยสาย และยังบุคคลในหน้าประวัติศาสตร์มากกว่าหนึ่งร้อนคน รวมไปถึงเทพเจ้าและสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ที่มีมากกว่าสี่ร้อยตัว อาจกล่าวได้ว่าตำราเล่มนี้ได้จดบันทึกสิ่งเหล่านี้เอาไว้ทีละรายการและตามสถานที่ภูมิภาคต่าง ๆ เอาไว้ โดยไม่อาจระบุวันเวลาจากเนื้อหาภายในได้เลยแม้แต่น้อย

คำว่าเทือกเขาคุนหลุนที่ปรากฏขึ้นมาครั้งแรกนั้น อยู่ในตำราขุนเขามหาสมุทรในตอนของการจดบันทึกด้านท้องทะเล: ทางตอนใต้ของทะเลตะวันตก ทะเลทรายกว้างใหญ่ดั่งขุนพล เบื้องหลังแม่น้ำสีชาด อยู่เบื้องหน้าทะเลดำ มีเทือกเขาขนาดใหญ่ นามว่าเทือกเขาคุนหลุน

เทือกเขาคุนหลุนตั้งอยู่ในทะเลอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมืองหลวงภายใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิ เทือกเขาคุนหลุนที่กว้างไกลยาวกว่าแปดร้อยลี้ ทว่า สูงเทียมฟ้าถึงหนึ่งหมื่นหลา

ชู่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย