บทที่ 414 ชิงหลงไม่มาตามนัด – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 414 ชิงหลงไม่มาตามนัด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
รัฐไป๋ลู่
"เป็นฮ่องเต้! เป็นฮ่องเต้! เป็นฮ่องเต้!"
สุรเสียงเรียกร้องของเหล่าจอมยุทธ์ดังสนั่นสั่นไหว พวกเขากวาดล้างประชาชนคนธรรมดาแล้วเข้าไปอยู่ในตระกูลของผู้มีอำนาจในท้องถิ่น มีผู้มีอำนาจท้องถิ่นที่หลบหนีไปตั้งนานแล้ว ทั้งก็มีบ้างที่ยังคงปกป้องทรัพย์สินของตนเองอยู่ไม่ยอมไปไหน
ผู้มีอำนาจที่ไม่ยอมไป มีบ้างที่ถูกจอมยุทธ์ปฏิบัติต่อด้วยความก่อกวนจนได้รับความอยุติธรรม มีบางที่เป็นตายจะไม่ยอมก้มศีรษะให้ ถูกสังหารตายไปในจลาจลเดือดกับจอมยุทธ์
จอมยุทธ์ของรัฐไป๋ลู่มีอยู่ประมาณแสนกว่าคน กำลังการต่อสู้ในสงครามไม่ได้แย่ไปกว่ากองทัพปกติ แม้กลุ่มจอมยุทธ์จะเป็นมังกรไร้เศียรก็ตาม มิได้เสนอคัดเลือกผู้นำอย่างเป็นจริงเป็นจังมาสักคน ทว่าพวกเขาก็ยังคงยึดจอมยุทธ์ของหนานโตวเป็นผู้นำ รับฟังการจัดแจงและนำทัพทั้งหมด
หนานโตวในฐานะที่เป็นศูนย์กลางแห่งรัฐไป๋ลู่ พละกำลังของจอมยุทธ์ที่อยู่ที่นี่มานานจึงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ย่อมมีบารมีอยู่เล็กน้อย
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว นายทหารระดับสูงกับพลทหารของค่ายทหารแห่งหนานโตวเดิมทีก็มิใช่คู่ต่อสู้เลย บวกเข้ากับในหลายปีมานี้รัฐไป๋ลู่มุ่งเน้นการเสริมสร้างจอมยุทธ์เป็นหลัก เงินเข้ากองทัพจึงน้อยไปตาม ๆ กัน จำนวนของเหล่าพลทหารไม่ได้มีมากไปกว่าจอมยุทธ์ ดังนั้นการที่เหล่าพลทหารจึงสู้กับจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งและมีจำนวนมากไม่ได้นั้น ถือเป็นเรื่องปกติด้วยเช่นเดียวกัน
ก่อนเว่ยชิงจะตายไม่ยอมพึ่งพาอาศัยเว่ยเชียนชิว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วในหนนี้เว่ยเชียนชิวจึงมิได้ยื่นมือมาช่วยเหลือรัฐไป๋ลู่
ส่วนกองทัพตระกูลฉินที่ฮ่องเต้ส่งมานั้น ค่ายทหารหนานโตวของรัฐไป๋ลู่เองก็ไม่ยอมรับ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วรัฐไป๋ลู่จึงอยู่ในความจลาจลมาหนึ่งเดือนแล้ว
บัดนี้ผู้ที่เป็นนายท่านที่แท้จริงแห่งรัฐไป๋ลู่นั้น คือน้องชายที่อายุเพียงแค่ห้าขวบของเว่ยชิงเท่านั้น กำลังอยู่ที่ค่ายทหารหนานโตวในตอนนี้ โดยมีจวนเจ้าผู้ครองรัฐที่ถูกตีแตกไปตั้งนานแล้วกับเกาปิงปกป้องประมุขน้อยอยู่ ทำได้เพียงแค่พาเขาเข้าไปในค่ายทหารเท่านั้น
เหล่าจอมยุทธ์สังหารจนมันมือ สถานที่ที่ผ่านทางไปไม่เหลือแม้กระทั่งต้นไม้ดี ๆ สักต้น สังหารประชาชนนับไม่ถ้วน ประชาชนชาวบ้านเหล่านี้ราวกับไม่ใช่คนบ้านเดียวกันกับพวกเขา แต่เป็นศัตรูของพวกเขาก็ไม่ปาน
แม้พวกเขาจะได้รับการเลี้ยงดูจากราชวงศ์ก็ตาม ทว่ากลับรังเกียจราชวงศ์อย่างถึงที่สุดด้วยเฉกเช่นเดียวกัน
ภูผาไร้ราชสีห์ วานรเรียกตนเองเป็นราชา เหล่าจอมยุทธ์ที่กำลังก่อความไม่สงบวุ่นวายนี้ มีใจคิดว่าตนเองเป็นนายท่าน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว หลานวันมานี้ที่จวนเจ้าผู้ครองรัฐแห่งหนานโตว เหล่าจอมยุทธ์ล้วนร้องตะโกนว่าต้องการจะเป็นฮ่องเต้กันทั้งสิ้น
หากต้องการจะเป็นฮ่องเต้ ย่อมต้องกุมค่ายทหารให้ได้เสียก่อน ทั้งยังต้องสังหารประมุขน้อยของรัฐไป๋ลู่ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ด้วย
ในทางกลับกันพวกเขาเองก็ครอบครองรัฐไป๋ลู่ได้มาไม่น้อยแล้วเช่นเดียวกัน แผนการของพวกเขาคือหลังจากกุมอำนาจทั้งหมดของรัฐไป๋ลู่แล้ว จะทำให้เป็นประเทศหนึ่งของพวกเขาเหล่าจอมยุทธ์ หลังจากนั้นก็จะพักฟื้นรักษาตัว สั่งสมพละกำลัง โจมตีต้าเว่ย
แผนการเช่นนี้ ดูแล้วต้องเป็นเพียงแค่คนกลุ่มหนึ่งที่มีสมองหมูเท่านั้น ถึงจะสามารถคิดแผนการเช่นนี้ออกมาได้
ทว่าประเทศหนึ่งมันจะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เลยเชียวหรือ?
ฮ่องเต้พระองค์หนึ่ง มันจะเป็นกันได้อย่างเช่นนั้นเลยเชียว?
หากพวกเขาได้ทราบถึงความทุกข์ยากของการเป็นฮ่องเต้แล้วละก็ การที่จะต้องนอนดึกตื่นเช้าทุกวัน ราชกิจล้วนสะสางไม่เสร็จในแต่ละวัน ข้างพระกรรณก็มีเสียงเจ๊าะแจ๊ะของเหล่าขุนนางข้าราชการบุ๋นบู๊ ยังมีเรื่องราวของประชาชนที่ยังสะสางไม่เสร็จอีก เกรงว่าพวกเขาคงต้องรู้สึกว่าเป็นจอมยุทธ์คนหนึ่งนั้นมันสบายกว่าเป็นไหน ๆ แน่
ช่วยไม่ได้ที่เหล่าจอมยุทธ์ร่ำเรียนหนังสือกันไม่มาก รู้เพียงแค่เป็นลูกพี่แล้วดีเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงมีความคาดหวังที่จะควบคุมรัฐไป๋ลู่กันเป็นอย่างมาก
ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงวางแผนเอาไว้ว่าจะต้องครอบครองรัฐไป๋ลู่ภายในสามวันให้จงได้
ความหมายก็คือภายในสามวันนี้ พวกเขาจะโจมตีค่ายทหารหนานโตว สังหารประมุขน้อยแห่งรัฐไป๋ลู่
ที่เหล่าจอมยุทธ์กระทำการเช่นนี้นั้น มันไม่คล้ายกับขโมยที่กระทำการอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ผู้หนึ่ง พวกเขาส่งสารประกาศสงครามอย่างโจ่งแจ้ง บอกกับเกาปิงว่าข้าจะตีเจ้าแล้วนะ ทั้งยังบอกอีกด้วยว่าจะตีเจ้าเมื่อไหร่ด้วย
ในสารของเหล่าจอมยุทธ์ยังเขียนไว้อีกด้วยว่าข้าจะไม่ตีเจ้าเท่านั้น แต่ยังจะเอาศีรษะของเจ้ากับประมุขน้อยด้วย
สารประกาศสงครามฉบับนี้แปะเอาไว้อยู่ที่ปากประตูของค่ายทหารหนานโตว เกาปิงตกใจจนฉี่ราดแล้ว เขาร้องคำรามลั่นว่า "คนผู้นี้จะตีมาถึงปากประตูอยู่แล้ว เหตุใดใต้เท้าชิงหลงยังไม่มาอีกเล่า?"
ฉินเฟิงที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีของตนเองถูกคนเคลือบแคลงเช่นนี้แล้ว ดังนั้นจึงบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก เพลิงโทสะลุกโหมกระหน่ำ "อีกไม่นานเจ้าก็จะต้องร้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพตระกูลฉินให้ช่วยท่าน! มีเพียงกองทัพตระกูลฉินเท่านั้นที่จะสามารถพาพวกท่านพุ่งออกไปจากวงล้อมนี้ได้! ข้าจะดูว่าพวกท่านจะปากแข็งไปได้อีกเท่าใด!"
"ถุย!" เกาปิงไม่ได้ปกปิดการดูแคลนเหยียดหยามของตนเองอีกต่อไป "ไม่ต้องโม้แล้ว! กองทัพตระกูลฉินของท่านมีคุณสมบัติอะไร เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงยังคงใช้พลทหารของหนานโตวข้าอยู่? เหตุใดจึงไม่โยกย้ายกองทัพตระกูลฉินของท่านมาโดยตรงเสียเลยเล่า?"
"แม้ชิงหลงจะไม่มาแล้ว ตัวข้าเกาปิงเองก็จะไม่ใช้กองทัพตระกูลฉินของท่านด้วยเช่นเดียวกัน! นี่คือเรื่องของรัฐไป๋ลู่ ไม่เกี่ยวกับพวกท่าน!"
"เจ้า ๆ ๆ ๆ!" ฉินเฟิงที่อดกลั้นมานานแล้วสะบัดแขนเสื้อขึ้นทันที อดไม่ได้ที่จะชกต่อยกับเกาปิงอีกสักยก
"เฟิงเอ๋อร์!" ฉินเซิงส่งเสียงเย็นชาดุดันหนึ่งเสียง "อย่าไร้มารยาท!"
ถูกบิดาแท้ ๆ กล่าวเช่นนี้ ฉินเฟิงสะบัดชายแขนเสื้อหนึ่งหนทันที "หึ! ช่างมันไปก็แล้วกัน! ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับท่าน! มันจะต้องมีช่วงเวลาที่ท่านจะต้องร้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลฉินของพวกเราแน่!"
"มีกองทัพตระกูลฉินอยู่! พวกท่านจึงจะชนะได้!"
ฉินเฟิงบันดาลโทสะ คำก็ล้วนกล่าวออกไปทั้งหมดแล้ว! เขาไม่เชื่อว่าเกาปิงยังจะสามารถอดทนไปได้อีกสักกี่น้ำ!
มีเพียงตระกูลฉินเท่านั้น รัฐไป๋ลู่ถึงจะมีแสงสว่าง!
มีเพียงตระกูลฉินเท่านั้น ถึงจะสามารถทำให้รัฐไป๋ลู่มีชีวิตต่อไปได้!
"รายงาน!" ในตอนนั้นเอง พลทหารนำสารรายงานด่วนส่งเข้ามา พลทหารกล่าวอย่างกุลีกุจอเป็นอย่างมาก "ท่านแม่ทัพเกา! ใต้เท้าชิงหลงกล่าวว่ามีเรื่องทำให้เสียเวลาระหว่างการเดินทางมา! ดังนั้นจึงไม่มาแล้วขอรับ!"
"อะไรนะ?" เกาปิงตบกระดานผุดลุกยืน ชิงหลงกลับเป็นคนสับปลับเช่นนี้หรือ? รอเขามาตั้งนานแล้ว แต่บอกจะไม่มาก็ไม่มา?
ฉินเฟิงยกยิ้มอย่างลำพองทันที ยังไม่รีบขอร้องอีก! แบบนี้ตระกูลฉินจึงจะสามารถช่วยชีวิตรัฐไป๋ลู่เอาไว้ได้อย่างไรเล่า!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...