บทที่ 415 ลอบสังเกตการณ์เพื่อรอเวลา – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 415 ลอบสังเกตการณ์เพื่อรอเวลา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บนทะเลมืดมิดของรัฐไป๋ลู่ โคมไฟของเรือลำใหญ่ลำหนึ่งกำลังลอยส่งแสงสว่างอยู่
เซียวเฉวียนกับชิงหลงสบตามองกันมาเนิ่นนานแล้ว
เซียวเฉวียนเดินย่ำกลับไปกลับมา สำรวจชิงหลงบนล่าง ซ้ายขวาและหน้าหลัง ล้วนสำรวจไปหลายต่อหลายรอบแล้ว
ชิงหลงนั่งนิ่งอย่างเรียบร้อยอยู่บนเก้าอี้ ยินยอมให้เซียวเฉวียนกวาดสายตาสำรวจ
เมื่อครู่นี้ตอนที่พวกเซียวเฉวียนเขายังอยู่ที่เกาะจูเสิน ตอนนี้ช่วงเวลาผ่านไปแค่พริบตาเดียว อาภรณ์ของเซียวเฉวียนยังคงมีหยาดน้ำทะเลของเกาะจูเสินหยดติ๋ง ๆ อยู่ทว่าพวกเขากลับมาที่หนานโตวแห่งรัฐไป๋ลู่ได้เสียแล้ว
มิได้บอกว่าเกาะจูเสินอยู่ห่างจากรัฐไป๋ลู่หมื่นลี้ขึ้นไปหรอกหรือ?
เหตุใดบอกถึงก็ถึงแล้ว?
ไอ้บ้าเอ๊ย รถไปความเร็วสูงกับเครื่องบินยังไม่เร็วขนาดนี้เลยนะเฟ้ย!
เซียวเฉวียนสบตามองไปยังที่ไกล ๆ หนหนึ่ง ศูนย์กลางของรัฐไป๋ลู่ โคมไฟของหนานโตวอยู่ใกล้ตรงหน้า
จากทะเลกว้างไร้ขอบเขตไปจนถึงศูนย์กลางของรัฐไป๋ลู่ ความเร็วระดับนี้ล้อเล่นกันหรือไง?
"ท่านคือตัวอะไร?"
เซียวเฉวียนไม่ได้ด่าคนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการเอ่ยถามด้วยความสงสัยเคลือบแคลงอย่างแท้จริง
ชิงหลงจะร้องไห้ก็ร้องไม่ได้ จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก เดิมนึกว่าเซียวเฉวียนจะเป็นผู้ที่เคร่งขรึมมากผู้หนึ่งเสียอีก แต่ผลสุดท้ายสายตาประหลาดใจของเซียวเฉวียนกลับคล้ายเด็กน้อยผู้หนึ่งเสียอย่างนั้น
ในมือของเซียวเฉวียนยังคงหมุนพู่กันเฉียนคุนอยู่อย่างเบื่อหน่าย ใช้ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนทุบหลังไปมา อาวุธที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุคที่เขาคุนหลุนทั้งสองอย่างนี้ พอมาอยู่ในมือของเซียวเฉวียนแล้วคล้ายเป็นของเล่นก็ไม่ปาน
ชิงหลงสบตามองดูพวกมันอย่างปวดใจ เกรงว่าเซียวเฉวียนจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทุบพู่กันเฉียนคุนทิ้งบนพื้น เขาจ้องพู่กันเฉียนคุนไปพลางเอ่ยไปว่า "ใต้เท้าเซียว ข้าเป็นคนแห่งเขาคุนหลุน"
"หืม?" เซียวเฉวียนมีสีหน้างุนงงสับสนทันที ฟังไม่เข้าใจ
เว่ยไป๋จึงรีบเข้ามาเอ่ยสมทบทันทีว่า "คนแห่งเขาคุนหลุนวันหนึ่งสามารถเดินทางได้หมื่นลี้ ในชายเสื้อสามารถบรรจุหมื่นสรรพสิ่งได้"
ดังนั้นแล้วที่จู่ ๆ ชิงหลงก็สามารถหยิบเรือลำใหญ่ออกมาได้นั้น แล้วจึงพาพวกเซียวเฉวียนมาถึงที่นี่ใดอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ชิงหลงเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยด้วยความภาคภูมิ เป็นเทคนิคของคนแห่งเขาคุนหลุนจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้เช่นกัน ชิงหลงถือเป็นเยาวชนที่โดดเด่นผู้หนึ่งของรุ่น
คิดไม่ถึงเลยว่าจุดที่เซียวเฉวียนให้ความสนใจนั้นกลับมิได้อยู่บนความเป็นเลิศของชิงหยวน แต่กลับเอ่ยถามออกมาโดยตรงทันทีว่า "เจ้าเก่งกาจมากเช่นนี้ เจ้าสามารถเสกเงินออกมาได้หรือไม่?"
หากว่าสามารถเสกเงินออกมาได้จริง ๆ แล้วละก็ ยังจะทำโรงเหล้าอะไร สร้างบ่อนพนันอะไรอีกเล่า รวยเละภายในคืนเดียวมันไม่ใช่ความฝันหรือไง!
ชิงหลงเหม่อลอยทันที กล่าวอย่างกระซิบว่า "มิได้บอกว่าปัญญาชนของต้าเว่ยสูงส่งบริสุทธิ์อย่างไร้เทียบเทียม เห็นเงินดั่งมูลโคลนหรอกหรือ ใต้เท้าเซียวท่าน..."
"ข้าชมชอบมูลโคลน รักที่สุดเลยล่ะ" เซียวเฉวียนยกยิ้มจนตาหยี ต่งจัวที่กำลังดื่มนี้อยู่พ่นน้ำในปากออกมาดัง "พรืด" ทันที อดไม่อยู่แล้วจริง ๆ
เว่ยไป๋นั้นยิ่งถูกน้ำชากระเซ็นใส่จนไปโขลกติดต่อกันเข้าไปใหญ่
ชิงหลงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย "ขออภัย ใต้เท้าเซียว ผู้น้อยไม่สามารถเสกเงินได้"
"เช่นนั้นก็ไม่น่าสนใจแล้ว ที่รัฐไป๋ลู่ไม่มีเงินจะอยู่ได้อย่างไร?" เซียวเฉวียนกล่าวออกมาลอย ๆ
ทิ้งตัวนั่งลง นั่งไขว่ห้าง
"ใต้เท้าเซียว ขอเพียงแค่มีข้าอยู่เท่านั้น ค่าใช้จ่ายของรัฐไป๋ลู่ล้วนฟรีทั้งหมด"
ชิงหลงหยิบตราคำสั่งออกมา นี่เป็นตราคำสั่งสำหรับใช้งานของซือซือที่ให้เอาไว้แก่คนแห่งเขาคุนหลุนในตอนแรก
"พวกท่านคุนหลุนกับรัฐไป๋ลู่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกันเพียงนี้เลยหรือ?" ดวงตาของเซียวเฉวียนเคร่งขรึมทันที
"เข้าใจผิดแล้ว รัฐไป๋ลู่เรียนเชิญพวกเราบ่อยครั้งเท่านั้น พวกเรามาน้อยครั้งมาก พวกเราไม่เข้าร่วมเรื่องการเมืองการปกครองกับต้าเว่ย ตราคำสั่งนี้เป็นความบริสุทธิ์ใจของรัฐไป๋ลู่เท่านั้น ผู้น้อยไม่เคยใช้งานมาก่อน"
ชิงหลงรูปร่างสูงใหญ่ มองดูแล้วคงอายุประมาณยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ทว่ากลับพูดจาฉะฉานมีหลักการ
นึกว่าคนยุคบรรพกาลแห่งเขาคุนหลุนจะร่าเริงนิดหน่อยเสียอีก ผลสุดท้ายต่างก็ล้วนมีท่าทีเช่นนี้
"เช่นนั้นที่ท่านมาในวันนี้เป็นเพราะว่ามาเชิญข้าไปคุนหลุน?" เซียวเฉวียนได้ฟังเจตนาของชิงหลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่านั่นเป็นเพียงแค่การพูดคุยอย่างไร้แก่นสาร เขาหลบหนีออกมาจากเกาะจูเสินเองก็ไม่ง่ายแล้ว มีอย่างที่ไหนที่จะทำลายผนึกจูเสินเพื่อคนแห่งเขาคุนหลุนอีก?
"มิใช่ นี่เป็นเพียงแค่ประการแรกเท่านั้น" ชิงหลงซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก "รัฐไป๋ลู่เกิดการจลาจลครั้งใหญ่ ท่านผู้อาวุโสในเผ่ารับไม่ได้ที่ประชาชนได้รับความทุกข์ยากลำบาก กล่าวว่าในเมื่อรัฐไป๋ลู่เองขอมาแล้ว คนแห่งเขาคุนหลุนไม่มีหลักการเห็นคนตายไม่ช่วยเหลือ"
ผลสุดท้ายเซียวเฉวียนไม่อนุญาตให้ชิงหลงไป ดังนั้นจึงมีสารด่วนปฏิเสธเกาปิงฉบับนั้นไป
เซียวเฉวียนกล่าวว่ารัฐไป๋ลู่ในท้ายที่สุดแล้วก็จะต้องวุ่นวายเช่นนี้ ในเมื่อทุกอย่างล้วนแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็วุ่นวายให้มันสุด ๆ ไปเลย
รอให้ถึงยามที่ตระกูลฉินชนะไม่ได้แล้วเหมือนกัน เซียวเฉวียนพวกเขาจึงค่อยออกโรง เรื่องความดีความชอบในการทำสงครามจึงไม่ต้องแย่งชิงกัน
หากไปตอนนี้ แม้เซียวเฉวียนจะช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ เมื่อถึงตอนนั้นหากคนตระกูลฉินไม่ยอมรับขึ้นมาแล้วละก็ เช่นนั้นมันจะยุ่งยากขึ้นมาแล้วจริง ๆ
เซียวเฉวียนเชื่อว่าฉินเซิงจะไม่เอาเครดิตไปอย่างแน่นอน
แต่ฉินเฟิงนั้นกลับไม่แน่ อ้างอิงจากอุปนิสัยร้ายกาจของฉินเฟิงแล้ว จะต้องย้อนกลับมากัดเซียวเฉวียนเป็นแน่น บอกว่าเซียวเฉวียนมาสร้างความวุ่นวายเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้ตระกูลฉินและคนของค่ายทหารหนานโตวต่างก็ล้วนเดินไปจนสุดทางก่อน เซียวเฉวียนพวกเขาจึงค่อยปรากฏตัว เช่นนี้จึงจะสามารถได้ความดีความชอบอันดับหนึ่งอย่างไรข้อครหาได้
"ประเสริฐ! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! เหล่าเซียว ข้าเข้าใจท่านผิดไปแล้ว ข้านึกว่าท่านปอดแหกเสียอีกนะ!" เว่ยอวี๋นำทัพตบมือด้วยความภาคภูมิเป็นอย่างมาก ตนเองตบมือไม่เท่าไหร่ แต่ยังคว้ามือชิงหลงให้มาตบมือด้วยกันอีก ชิงหลงพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่เออออตามเท่านั้นแล้ว "ประเสริฐ ๆ ๆ! นี่เป็นความคิดที่ดี!"
เซียวเฉวียนยกยิ้มด้วยความพอใจ แสร้งถ่อมตนสามส่วน "เงียบไว้ เงียบไว้"
หากเกาปิงทราบว่าใต้เท้าชิงหลงที่ตนเองมอบราวกับเป็นเทพเจ้ากำลังคลุกตัวอยู่กับเหล่านักโทษต้องโทษเนรเทศเข้าแล้วละก็ เกรงว่าอาจจะบันดาลโทสะจนตายได้!
รัฐไป๋ลู่ หนานโตว
"สังหาร!"
เหล่าจอมยุทธ์และคนของค่ายทหารเริ่มการสังหารกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
กลิ่นอายสังหารพุ่งเต็มฟ้า ดาบกระบี่ไร้เงา
ทั่วทั้งหนานโตวยิ่งเกิดจลาจลมากขึ้นไปกันใหญ่
เหล่าจอมยุทธ์ราวกับสายน้ำหลาก พึ่งเข้ามาอย่างดุเดือด
เกาปิงที่เป็นแม่ทัพผู้หนึ่งยืนอยู่บนหอเวรยามสูงชะลูด สบตามองเหล่าจอมยุทธ์ที่หลั่งไหลเข้ามาราวกับปลาจี้ในแม่น้ำ พรั่งพรูเข้ามากันอย่างเนืองแน่น จู่ ๆ ก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
"ท่านแม่ทัพฉิน! ช่วยด้วย!" เกาปิงส่งเสียงคำรามดังลั่นหนึ่งเสียงทันที!
พลทหารในกองทัพตระกูลฉินร้อยกว่านายเมื่อได้ยินแล้วจึงรีบประจำที่ทันที ตระเตรียมรับการสั่งการอำนาจทางการทหารของค่ายทหารหนานโตว!
"แค่ครึ่งวันเจ้ากับเอาไม่อยู่แล้ว!" เป็นฉินเฟิงที่กำลังนำทัพอย่างหยิ่งผยองลำพองขนอยู่ เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะแสดงฝีมือที่แท้จริงของตนเองออกมา ดังนั้นจึงคุยโม้คำโตว่า "เกาปิง! ดูนะว่าตระกูลฉินของข้าจะช่วยพวกท่านเอาไว้อย่างไร!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...