ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 425

ดวงตาต่งจัวสาดประกายวับวาวไปมา

เว่ยอวี๋เองก็เคยกล่าวคำเช่นนี้กับเขามาก่อนด้วยเช่นเดียวกัน

เว่ยอวี๋กล่าวว่าอนาคตของเขาจะต้องเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน จะต้องไม่ใช่เพียงแค่องครักษ์ผู้หนึ่งและไม่ใช่เป็นเพียงแค่ชาวยุทธ์แท้ผู้หนึ่งเท่านั้น กระทั่งมีชื่อเสียงเรียงนามมากเท่าใด เว่ยอวี๋เองก็กล่าวได้ไม่กระจ่างนักอีก เพราะเว่ยอวี๋กล่าวว่าวิชาประวัติศาสตร์เขาเรียนได้ไม่ค่อยจะดีมากนัก

บัดนี้ในแสงในดวงตาของเซียวเฉวียนมันเหมือนกันกับเว่ยอวี๋ ความยึดมั่นเช่นนั้น ความเชื่อมั่นเช่นนั้น

แสงพรรค์นี้นั้น กระทั่งต่งจัวที่รูปร่างสูงใหญ่บึกบึนเองก็ยังรู้สึกว่ามันทำให้ปรับตัวได้ยากอยู่เล็กน้อย

นายท่านคนก่อนของเขาอย่างอัครเสนาบดีจูถือเขาเป็นเพียงแค่นักต่อสู้คนหนึ่งเท่านั้น ยามที่จำต้องทำสงครามไปเข้าร่วมก็พอแล้ว เป็นเพียงแค่อาวุธเนื้อมนุษย์ที่ไร้ความรู้สึกไร้ความนึกคิดผู้หนึ่งเท่านั้น ทว่าเซียวเฉวียนกลับกล่าวว่าเขาจะสามารถเป็นขุนพลที่มีความสามารถผู้หนึ่งได้

สีหน้าเช่นนี้ของต่งจัว เซียวเฉวียนเคยเห็นมานักต่อนักแล้วบนใบหน้าของไป๋ฉี่และเหมิงเอ้า ดังนั้นจึงย่อมเข้าใจความตะลึงงันของต่งจัวในยามนี้ได้ดี

เป็นผู้ที่ติดอยู่ในหล่มผู้หนึ่ง ทั้งยังอยู่ในสถานะที่ต่ำที่สุดของสังคม เมื่อได้ยินว่ามีคนกล่าวว่าในอนาคตเจ้าจะไร้ขีดสุด เจ้าย่อมต้องกลายเป็นคนเหนือคนอย่างแน่นอนนั้น ความตะลึงงันพรรค์นั้นเมื่อได้ยินแล้วมันราวกับอัสนีที่ดังสนั่นมาจากด้านนอกของสวรรค์ชั้นเก้า ทำเอาทั่วทั้งสรรพางค์กายสั่นสะท้านไปหมด

ทว่าสิ่งที่ต่งจัวไม่เหมือนกันนั้นคือไป๋ฉี่พวกเขาเชื่อคำที่เซียวเฉวียนกล่าว แต่ต่งจัวไม่เชื่อ

แสงของนัยน์ตาต่งจัวมอดมลายหายไปอย่างรวดเร็ว เขารับพระราชโองการมา "ในเมื่อท่านเชื่อถือข้า ข้าย่อมต้องนำพระราชโองการไปให้กับท่านแม่ทัพฉินเซิงอยู่แล้ว และจะนำตราประทับเหวินอิ้นกลับมาให้ท่านด้วย"

"ส่วนเรื่องขุนพลที่มีความสามารถนั้น" ต่งจัวเป็นชายชาตรีกำยำดุดันผู้หนึ่ง ยากที่จะมีความผิดหวังและความไม่มั่นใจในตนเองแม้สักหนึ่งสาย "เป็นความกรุณาแล้วที่ถูกให้ความสำคัญ"

"ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น ตอนนี้ไปก่อนเถอะ" เซียวเฉวียนเองก็ไม่ได้ร้องขอให้ต่งจัวมีความเชื่อมั่นอะไรกับตนเองในทันทีเช่นกัน ในเมื่อต่งจัวกับต้าเว่ยนั้นยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง

ต่งจัวพยักหน้าขึ้นลง เงาร่างเลือนหายไปทันที ดั่งใบไม้ที่ร่วงโรยอย่างแผ่วเบาใบหนึ่ง บินออกไปจากจวนเจ้าผู้ครองนครแล้ว

เซียวเฉวียนชมชอบอุปนิสัยการทำเรื่องราวในทันทีทันใดเช่นนี้ของต่งจัว "สมบูรณ์แบบ"

รอได้ตราประทับเหวินอิ้นมาแล้วก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งการสังหารสี่ทิศ สร้างความดีความชอบในการทำสงคราม!

เป็นการยากที่จะให้เซียวเฉวียนควบคุมความตื่นเต้นภายในหัวใจ ไม่รู้ว่าองค์หญิงตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง ตอนนี้นางตั้งครรภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องคิดถึงเขาเป็นอย่างมากแน่ ๆ

รอเขาสร้างความดีความชอบในการทำสงครามเสร็จแล้วก็กะว่าจะกลับไปเซอร์ไพรส์นางเสียหน่อย

นางเป็นองค์หญิงองค์หนึ่งแห่งซินเจียง ยินยอมอยู่ต้าเว่ยแต่เพียงพระองค์เดียวโดยไม่มีญาติเลยแม้แต่ผู้เดียว เซียวเฉวียนย่อมต้องปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ต้องปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดีมาก ๆ ถึงจะถูกต้อง

บนฟ้ามีดวงจันทร์แขวนสูงอยู่ เซียวเฉวียนจดจำค่ำคืนนั้นที่มาต้าเว่ยเป็นครั้งแรกได้ เพราะดวงจันทร์เองก็กลมเช่นนี้เหมือนกัน

ในตอนนั้นเขาเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านของจวนฉิน ไม่มีสิ่งใดแม้แต่อย่างเดียว กระทั่งสุนัขตัวหนึ่งก็ไม่สู้

บัดนี้เขาแม้จะเป็นนักโทษเนรเทศ ทว่าต้องการสิ่งใดกลับได้สิ่งนั้น รอสร้างความดีความชอบในสงครามแล้ว ตระกูลเซียวก็จะมีชื่อเสียงคุณูปการนั่นกลับมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกแล้ว

เขากับองค์หญิงเองก็จะสามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างสงบสุขด้วยเช่นเดียวกัน

เซียวเฉวียนประสานมือเอาไว้ สบตามองดวงจันทร์งดงามบนท้องฟ้า มีบทกลอนผุดขึ้นในใจ "หวังว่าเราจะมีความสุขนิรันดร์ ร่วมชมจันทร์กันหมื่นลี้..."

"พรืด นี่ยังไม่กลับไปแต่กลับท่องกลอนเสียแล้วหรือ?" เว่ยอวี๋ทิ้งก้นลงนั่งทางด้านข้างของเซียวเฉวียน "คิดถึงเมียพี่แล้วหรือ?"

เซียวเฉวียนกลอกตามองบนให้เขาไปหนึ่งหน เว่ยอวี๋จึงรีบตบริมฝีปากของตนเองไปมาทันที "มีการศึกษาหน่อย ๆ ฮี่ ๆ พี่คิดถึงภรรยาองค์หญิงที่บ้านพี่แล้วหรือ?"

"เธอตั้งครรภ์แล้ว"

"จริงรึเนี่ย!" เว่ยอวี๋ปลื้มปีติจนกระโดดเด้งตัวขึ้นมาแล้ว ราวกับว่าเป็นเมียเขาที่ตั้งครรภ์เองก็ไม่ปาน "ถ้าอย่างนั้นผมก็จะได้เป็นอาแล้วไม่ใช่หรือ? นี่ ๆ ๆ! เหล่าเซียวให้ลูกชายพี่รับผมเป็นพ่อบุญธรรมนะ!"

เซียวเฉวียนยกยิ้มไม่กล่าวคำ เว่ยอวี๋ตบทรวงอกไปมา "พี่ยังรังเกียจผมอยู่อีกหรือ? ผมเป็นท่านอ๋องสิบหกผู้ยิ่งใหญ่ ฮ่องเต้เป็นพี่ชายของผม ไทเฮาเป็นแม่แท้ ๆ ของผม ผมเป็นพ่อบุญธรรมของลูกชายพี่มันจะไปขายหน้าอะไร?"

"แม้ผมจะไม่มีวิชาความรู้อะไรก็ตาม! ไม่สู้พี่ที่มีพรสวรรค์ทางด้านการเรียน แถมยังเป็นพนักงานขายในพิพิธภัณฑ์อีก" ยิ่งเว่ยอวี๋พูดก็ยิ่งเสียงดังมากขึ้น ตื่นเต้นใกล้จะไม่ไหวเสียแล้ว "แต่สถานะผมเจ๋งเป้ง! หลังจากนี้ใครกล้ารังแกลูกชายบุญธรรมของผม! ตรูจะชกมันให้ตาย! แบบนี้จะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพ่อบุญธรรมของลูกชายพี่ได้แล้วหรือยัง?"

"ฉันเป็นผู้ดูแลของพิพิธภัณฑ์ ไม่ใช่พนักงานขาย" เซียวเฉวียนกล่าวเตือนอย่างจะยิ้มก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก

"มันก็เหมือนพอ ๆ กันนั่นแหละ ไม่มีความแตกต่างอะไรหรอก! ผมอยากจะเป็นพ่อของลูกชายพี่! ไม่ ๆ ๆ พ่อบุญธรรม พี่จะให้เป็นไหมครับ?" ดวงตาของเว่ยอวี๋เป็นประกายวับวาว

"ให้ ๆ ๆ! ได้ ๆ ๆ!" มันจะเป็นการไม่ได้นักหากเซียวเฉวียนปฏิเสธนำใจดีของเว่ยอวี๋ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วสถานะของเว่ยอวี๋นั้นใช้การได้ดีจริง ๆ ยอมรับพ่อบุญธรรมคนหนึ่งเองก็ไม่ได้มีผลร้ายอะไรเหมือนกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย