ตอน บทที่ 431 รวบรวมผู้อารักขา จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 431 รวบรวมผู้อารักขา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ปีศาจกวีฝากความหวังไว้ที่เซียวเฉวียน แต่ไม่ได้พูดออกไปตรงๆ มาถึงบัดนี้ชิงหลงได้พูดออกมาหมดแล้ว ชีวิตของเซียวเฉวียนไม่ได้เป็นของตัวเองอีกต่อไป
เซียวเฉวียนมีชีวิตอยู่ ต้องแบกรับความคาดหวังของผู้คนมากมาย
คนเหล่านั้นที่เคยสอนเจ้า
คนเหล่านั้นที่เคยทำดีกับเจ้า
คนเหล่านั้นที่เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเจ้า
“เช่นนั้นใต้เท้าเซียว ท่านต้องรวบรวมผู้อารักขาด้วยตัวเอง และต่อสู้กับจอมยุทธ์ของรัฐไป๋ลู่ทั้งหมด?” ชิงหลงขมวดคิ้ว “จอมยุทธ์มีมากมาย ท่านทำเช่นนี้อันตรายเกินไป! ท่านยังมีคนในครอบครัว ปีศาจกวีตั้งความหวังไว้กับท่านมากขนาดนี้ ท่านต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป พวกข้าจะคิดหาวิธีอื่นให้จงได้!”
เว่ยอวี๋และคนอื่นๆ พยักหน้าตาม พวกเขาคิดว่าสิ่งที่ชิงหลงพูดมีเหตุผลไม่น้อย
“หาวิธี?”
เซียวเฉวียนเอ่ยถามกลับ
ยังมีวิธีอะไรอีกงั้นหรือ?
เมื่อเซียวเฉวียนก้าวเข้ามาในรัฐไป๋ลู่ ก็พลันได้กลิ่นคาวเลือดแรงตลบอบอวล
จอมยุทธ์มีสัญชาตญาณเช่นจอมยุทธ์ ทุกที่ที่พวกเจ้าย่างกาย มักมีการขโมยและปล้นสะดม
ในตอนนี้รัฐไป๋ลู่ยังมีประมุขน้อยอีกคนหนึ่ง ทว่าพวกเขากลับไม่สนใจ ทำเรื่องราวใหญ่โต ประชาชนต่างร้องเรียนกันไปทั่ว
ในตอนที่เซียวเฉวียนแสร้งทำเป็นว่ากำลังเดินเล่นไปตามท้องถนน ตรงมุมถนนมีร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง เขาพบศพของสมาชิกในตระกูลนั้นหลายศพ
ดูเหมือนว่าศพเหล่านั้นจะเป็นคนในตระกูลของเถ้าแก่ร้านอาหารนั้น เมื่อจอมยุทธ์มาถึง หนานโตวก็ถูกทำลายฆ่าล้างไปเสียสิ้น ประชาชนเก็บข้าวของมีค่าและเสื้อผ้าหนีตาย และพวกเขาไม่มีที่ไป
บ้านของพวกเข้าก็อยู่ที่หนานโตว พวกเขาจะไปไหนได้?
บ้านทั้งหมดของพวกเขาก็อยู่ด้านบนของร้านอาหาร เมื่อออกไป ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
รู้ทั้งรู้ว่าอันตราย แต่พวกเขาก็ยอมที่จะเสี่ยง หากเกิดว่าตัวเองโชคดีมีชีวิตรอดมาได้?
แต่จอมยุทธ์ที่สะสมความโหดร้ายน่ากลัวมาอย่างยาวนาน แม้นว่าครอบครัวนี้ไม่มีทางต่อสู้ ก็ใช่ว่าจะสงสาร
ร้านอาหารถูกทุบทำลาย ภายในร้านเต็มไปด้วยร่องรอยของรบราฆ่าฟัน ครอบครัวของเถ้าแก่มีอยู่หกคน ตามร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แสดงให้เห็นได้ว่าตอนที่จอมยุทธ์มาที่นี่ คนในตระกูลนี้มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
แต่ครอบครัวของเถ้าแก่เป็นเพียงแค่ประชาชนคนธรรมดา ไม่ได้เป็นเหมือนพวกกลุ่มจอมยุทธ์ชั่ววช้าที่อาศัยการฆ่าคนและปล้นสะดมเป็นอาจิณ
ตอนที่เซียวเฉวียนได้เห็นสภาพที่ย่ำแย่ของตระกูลนี้ หัวใจเขาสั่นรัว มือทั้งสองกำหมัดแน่น
ชั่ว จอมยุทธ์กลุ่มนี้มันชั่วช้าเกินไปแล้ว
ที่ฮว๋าเซี่ยยังมีผู้มีความกล้าหาญ
ทว่าที่ต้าเว่ย จอมยุทธ์ทุกคนเป็นคนโหดเหี้ยมและไม่มีคุณธรรม แม้แต่ประชาชนธรรมดาก็ไม่ยอมละเว้น คนแก่อ่อนแอก็ไม่มีความปรานี
ศึกครั้งนี้ของจอมยุทธ์แห่งรัฐไป๋ลู่กับราชสำนัก อย่างไรก็จะต้องเกิดการนองเลือดกันอย่างแน่นอน
ฮ่องเต้ต้องการยึดอำนาจคืน และรัฐไป๋ลู่ก็คือสนามรบ
เพียงแต่ครั้งนี้ จอมยุทธ์เป็นฝ่ายเริ่มเรื่องก่อน ทำให้ฮ่องเต้หาข้ออ้างได้
การต่อสู้ครั้งนี้ของรัฐไป๋ลู่ เป็นการประลองกันระหว่างฮ่องเต้กับเว่ยเชียนชิว
หากเกิดว่าฮ่องเต้พ่ายแพ้ เว่ยเชียนชิวก็จะมีโอกาสขึ้นมาปกครองรัฐไป๋ลู่ เพราะการก่อตั้งเจียงหูเค่อเว่ยเชียนชิวก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน เขาเป็นผู้ปกครองดูแลเจียงหูเค่อได้ดีกว่าฮ่องเต้
หรือหากฮ่องเต้เป็นฝ่ายชนะ การยึดอำนาจคืนในขั้นแรกก็จะสำเร็จ โครงสร้างของราชวงศ์ทั้งหมดของต้าเว่ยก็จะมีการเริ่มต้นขึ้นมาใหม่
เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคิดว่าฮ่องเต้จะเอาชนะได้
เจียงหูเค่อแข็งแกร่งหยั่งรากลึก และกองกำลังทหารของต้าเว่ยไม่อาจยกกำลังพลเข้ามาได้มากนัก เพราะพื้นที่ของรัฐไป๋ลู่ล้อมรอบด้วยทะเลทั้งสี่ทิศ
เช่นนั้นแม้รัฐไป๋ลู่ทำเรื่องจนใหญ่โตเช่นนี้ ทว่าเว่ยเชียวชิวกลับยังคงสงบนิ่ง เขาให้รอฮ่องเต้มาขอร้องเขา ขอร้องให้เขาจัดการสงครามให้สงบลง
ถ้าฮ่องเต้ไม่มีวิธีทางอื่น หากว่าท่านยอมให้เซียวเฉวียนที่เป็นนักโทษถูกเนรเทศมาจัดการสงครามครั้งนี้ให้สงบลง?
อาจพูดได้ว่า หากเซียวเฉวียไม่ได้อยู่ที่รัฐไป๋ลู่ หากฮ่องเต้ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ก็คงต้องไปขอร้องเว่ยเชียนชิวจริงๆ
“ชิงหลง พวกข้าไม่มีหนทางอื่นแล้ว”
เซียวเฉวียนพึมพำ ไม่ใช่ว่าเซียวเฉวียนอยากต่อสู้คนเดียวเพียงลำพัง แต่นอกจากการต่อสู้เพียงลำพังแล้ว เขาก็ไม่มีหนทางอื่น
ชิงหลงชะงักงัน เขาเพิ่งค้นพบได้ว่าเซียวเฉวียนไม่เพียงแค่มีพลังกำลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่จิตใจแข็งแกร่งยิ่งกว่า
เซียวเฉวียนรู้มาก่อนแล้วว่า เมื่อมาถึงรัฐไป๋ลู่เป็นหนทางแห่งความตายของตน แต่ก็ยังกินดื่ม พูดจาหัวเราะเป็นปกติ ไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย และยังมีท่าทีที่ไม่ชัดเจนหลอกลวงเฉินอี้และคนอื่นๆ
เฉินอี้โบกมือ “ท่านเทพเซียวพูดถึงสถานที่แห่งใด พวกข้าจะรีบไปในทันที รถม้าเตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่”
“พร้อมแล้วขอรับ!” พวกเหล่าจอมยุทธ์พยักหน้า เฉินอี้หัวเราะร่า “ดี! ไปเอาหัวของประมุขน้อย! พวกข้าจะเป็นฮ่องเต้!”
“เป็นฮ่องเต้!”
“เป็นฮ่องเต้!”
พวกเหล่าจอมยุทธ์ตื่นเต้นดีใจส่งเสียงตะโกนโหร้อง
ในเวลาเดียวกันนี้ เสียงของเซียวเฉวียนพลันดังขึ้น ตราประทับเวินอิ้นส่งเสียงไปถึงหูของผู้อารักขาทุกคนในรัฐไป๋ลู่
“ผู้อารักขาทุกท่านแห่งรัฐไป๋ลู่ลงเชื่อฟังคำสั่ง! จงเชื่อฟังข้า ไปรวมตัวกันที่หนานโตว!”
พวกเขาชะงักงัน คิดว่าตนเองประสานหลอน แต่เมื่อเดินออกมาจึงรู้ว่าผู้อารักขาคนอื่นๆ ก็ได้ยินเช่นกัน
แสงสีแดงเป็นประกายบนท้องนภา มวลเมฆก่อตัว ทั้งแดงและดำผสมปนเปกันไปหมด พวกเขาจำวันแรกที่ได้รับสัญชาติและตั้งชื่อได้ ที่ว่าการกล่าวว่าหากเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้น หมายถึงเสียงอาณัติแห่งสวรรค์
รัฐไป๋ลู่มีผู้อารักขานับหมื่นคน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเสียงอาณัติแห่งสวรรค์ ทุกคนจึงหยิบดาบขึ้นมา แล้วมุ่งตรงไปยังหนานโตว
ระหว่างทาง กีบม้ากระทบพื้นฝุ่นปลิวตลบไปทั่ว
ตอนนี้จอมยุทธส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่ที่หนานโตว แม้ในเสียงอาณัติสวรรค์จะไม่ได้ระบุภารกิจชัดเจน แต่ผู้อารักขารู้ดีว่าจุดประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้เพื่อกำจัดโจรชั่วอย่างแน่นอน
เลือดในกายของพวกเขาเดือดพล่าน ความฮึกเหิมเป็นธรรมชาติของผู้อารักขา การต่อสู้ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา
ครานี้เมื่อจอมยุทธปรากฏตัวขึ้น ประมุขน้อยของพวกเขาต้องหนีเอาชีวิตรอดและหลบซ่อน ผู้อารักขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดตามประมุขน้อยไปอย่างคนขี้ขลาด หดหัวอยู่เหมือนเต่า
พวกเขาได้แต่เฝ้าดูอย่างไร้หนทาง ในขณะที่คนชั่วช้าพวกนั้นกำลังทำลายบ้านเมืองของพวกเขา ฆ่าประชาชน หากปราศจากคำสั่งของประมุขน้อย พวกเขาก็ทำได้เพียงเฝ้ามองโจรพวกนั้นสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างทำอะไรไม่ได้
บัดนี้เมื่อได้ยินเสียงอาณัติสวรรค์ เหล่าผู้อารักขาจึงละทิ้งประมุขน้อยของตนทันที รีบเร่งไปตามคำสั่ง
ทันใดนั้นปัญญาชนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งไปกอดผู้อารักขาเอาไว้ วิงวอนด้วยความหวาดกลัว “พวกท่านจะไปแห่งใด บัดนี้มีอันตรายไปทั่วทุกที่! ภารกิจของพวกท่านของปกป้องประมุขน้อย!”
เมื่ออาณัติสวรรค์อยู่ตรงหน้า คำสั่งของประมุขน้อยก็แค่การผายลม ผู้อารักขาทยอยจากไปทีละคนโดยไม่หันกลับไปมอง
เพียงแต่พวกเขายังคลางแคลงอยู่อย่าง คำพูดของฮ่องเต้ ‘จงเชื่อฟังข้า’
แล้ว ‘ข้า’ คนนั้นคือผู้ใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...