สรุปเนื้อหา บทที่ 434 แผนการที่ถูกวางไว้แล้ว – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 434 แผนการที่ถูกวางไว้แล้ว ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“แม่น”
เซียวเฉวียนสีหน้าจริงจัง เริ่มทำการเปิดฟังก์ชั่นกูเกิลพล่ามไปเรื่อย “ประมุขน้อยแห่งรัฐไป๋ลู่ เป็นถึงดวงดาวกุหลาบม่วงบนฟากฟ้า”
“ดวงดาวกุหลาบม่วง มีอีกชื่อคือดวงดาวแห่งจักรพรรดิ”
“ดวงดาวกุหลาบม่วงเป็นที่รู้จักในนาม “เจ้าแห่งการคำนวณดวงดาว” ดวงดาวกุหลาบม่วงก็คือ “ดวงดาวแห่งจักรพรรดิ” ดาวหลักประจำลัคนาคือผู้ที่มีความทะเยอทะยานทางจิตวิญญาณจักรพรรดิ กล่าวคือผู้ที่มีลัคนาราศีตรงตามจักรพรรดิ”
เซียวเฉวียนชี้ไปบนท้องฟ้า เฉินอี้และคนอื่น ๆ มองไปยังท้องฟ้าตอนกลางวันแสก ๆ ที่ไม่มีดาวสักดวง และฟังสิ่งที่เซียวเฉวียนเล่า “ดวงดาวกุหลาบม่วงก็คือดาวเหนือ ซึ่งหมายถึงดาวหลักของกลุ่มดาวหมีเล็ก กลุ่มดาวจระเข้ก็จะหมุนรอบมันตลอดสี่ฤดู ถ้าเปรียบท้องฟ้าเป็นกรวย เช่นนั้นดวงดาวกุหลาบม่วงก็คือยอดกรวยนั่นเอง”
พวกเฉินอี้ฟังด้วยความมึนงง แต่เซียวเฉวียนยังพูดต่อด้วยสีหน้าที่ลึกลับ “พวกเราจะเรียกบุคคล “ผู้ถูกดวงดาวกุหลาบม่วงล้อมรอบ” ว่าเป็นเทวดาลงมาจุติ แต่ขอบเขตดวงดาวที่ล้อมรอบมีเล็กใหญ่แตกต่างกัน หากเกิดในครอบครัวก็จะเป็นหัวหน้าครอบครัว หากเกิดในรัฐก็จะเป็นประมุขแห่งรัฐ หากเกิดในประเทศก็จะเป็นจักรพรรดิ”
“เมื่อวานข้าได้ย้ายดวงดาวกุหลาบม่วงไปยังทิศตะวันตก ประมุขน้อยของรัฐไป๋ลู่ต้องอยู่ที่นี่ไม่ผิดแน่”
คนเหล่านี้จะเข้าใจหรือไม่ ไม่สำคัญเลย
สิ่งสำคัญคือในตอนที่เซียวเฉวียนเล่าเรื่องนั้น ท่าทางต้องหล่อเหลา
และแน่นอนว่า เซียวเฉวียนพูดจามั่วซั่วไปเรื่อยด้วยท่าทางจริงจัง เฉินอี้และคนอื่น ๆ ต่างก็ฟังไม่เข้าใจ แต่แสดงสีหน้าราวกับว่าเซียวเฉวียนยอดเยี่ยมมาก
“คำพูดของท่านเทพเซียวไม่มีผิดแน่! ที่นี่มีทั้งภูเขาและน้ำจึงเหมาะแก่การหลบซ่อน! พวกเราเข้าไปในหุบเขา!” เฉินอี้ตื่นเต้นเสียจนอารมณ์และน้ำเสียงเต็มไปด้วยความฮึกเหิม “พวกเรามีคนมาก! ไม่ต้องกลัว! กุดหัวประมุขน้อยแห่งรัฐไป๋ลู่! พวกเราก็จะเป็นอ๋องแห่งรัฐไป๋ลู่!”
เหล่าลูกกระจ๊อกต่างพากันโห่ร้องขึ้นมา “รัฐไป๋ลู่! รัฐไป๋ลู่! รัฐไป๋ลู่!”
เซียวเฉวียนเหลือบมองชิงหลงอย่างได้ใจ เป็นอย่างไรเล่า เรียนสายวิทย์มาดี ไปที่ไหนก็ไม่ต้องกลัว
ชิงหลงแอบชูนิ้วโป้งให้ เลื่อมใส เลื่อมใส!
หากพูดว่าความไร้สาระของเซียวเฉวียน ทำให้ชิงหลงหูตากว้างไกล เช่นนั้นการทำลายของเซียวเฉวียนต่อจากนี้ ก็จะทำให้ชิงหลงเปิดโลกมากทีเดียว
เซียวเฉวียนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมเช่นเดียวกับเฉินอี้ “พวกเจ้าไปกันก่อนเลย! ข้าและชิงหลงจะตามประกบหลัง!”
“ห๋า? ท่านเทพเซียว ท่านไม่นำหน้าหรอกหรือ?” เฉินอี้กลับไม่ได้โง่เขลาไปเสียหมด เขาขมวดคิ้วราวกับมีบางสิ่งไม่ปกติ
เซียวเฉวียนจ้องไปที่เขาด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง “ข้าเป็นถึงเทพเซียนที่คอยชี้ทางให้พวกเจ้า เจ้ายังคิดให้ข้ามาเป็นกองหน้าให้พวกเจ้าอีกหรือ? พวกเจ้าไม่อยากมีหัวแล้วใช่หรือไม่?”
“ปิ้ว!”
พู่กันจินหลุนเฉียนคุนผุดออกมาจากแขนเสื้อของเขา ราวกับจะบิดหัวของเฉินอี้หากเขาไม่เห็นด้วย
มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า ยิ่งเราอ่อนน้อมถ่อมตนและต่ำต้อยมากเท่าไร ผู้คนก็จะคิดว่าเราเสแสร้งและไม่มีศักยภาพมากขึ้นเท่านั้น
แต่หากเรายิ่งหยิ่งผยองมากเท่าไร ผู้คนก็จะยิ่งเกรงกลัวและหลบทางให้เรามากขึ้นเท่านั้น
เฉินอี้และเหล่าผู้นำผู้พเนจรในยุทธภพต่างก็ตกใจจนตัวสั่น “ไม่บังอาจ ๆ ท่านเทพเซียวโปรดอภัย”
หากอาศัยเพียงแค่หลอกลวงคงไม่ได้ เซียวเฉวียนส่งสายตาให้ชิงหลงนำอาวุธที่ได้เตรียมไว้ออกมา “นี่คือดาบเทพเซียนที่ใต้เท้าชิงหลงมอบให้พวกเจ้า อานุภาพน่าอัศจรรย์ และสามารถช่วยเจ้าขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ได้”
ดาบเล่มนี้เป็นดาบคู่กายของชิงหลงจริง ๆ มันแหลมคมอย่างไร้ที่ติ หากนำผมหนึ่งเส้นวางไว้ข้างดาบและใช้ปากเป่า ผมเส้นนั้นก็จะขาดในทันที ใช้การได้ดีกว่าดาบจิงหุนเสียอีก
ก่อนหน้านี้ชิงหลงไม่ยินยอมอย่างมาก เซียวเฉวียนบอกว่าเขาขี้งก คงไม่สามารถเอาพู่กันเฉียนคุนและภาพคุนหลุนให้แก่เฉินอี้ได้ เพราะเฉินอี้ไม่มีความรู้ จึงไม่อาจสั่งการพวกมันได้ ยังมีสิ่งใดสะดวกต่อเฉินอี้มากกว่าดาบเล่มนี้อีหรือไม่?
ดังนั้น ชิงหลงจึงทำได้เพียงยื่นดาบให้กับเฉินอี้
เฉินอี้ดีใจอย่างที่สุด นี่คือดาบของเซียนชิงหลงเชียวนะ!
ดาบนี้ทำจากโลหะจากเทือกเขาคุนหลุน ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ดาบชิงหลงเล่มนี้จึงบริสุทธิ์กว่าดาบทั้งหมดที่มีอยู่ของต้าเว่ย
ผู้พเนจรในยุทธภพมีความสามารถในการจำแนกดาบได้ดีที่สุด เฉินอี้พึงพอใจในดาบเล่มนี้ของชิงหลงอย่างมาก เมื่อรับมาแล้วก็ทั้งดูและจับไม่วางตา
เมื่อมีดาบของชิงหลง จิตวิญญาณการต่อสู้ของเฉินอี้ได้รับการปลุกเร้าอย่างมาก “ไป! ขึ้นเขากัน!”
สิ้นเสียงคำสั่งของเฉินอี้ ผู้พเนจรในยุทธภพจำนวนมหาศาล กำลังพลมากกว่าสามหมื่นคนก็เดินเข้าไปในป่าไร้นามแห่งนี้
จุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้ เพื่อกำจัดผู้นำผู้พเนจรในยุทธภพและอีกสามหมื่นคน ยกเว้นเฉินอี้
ผู้พเนจรในยุทธภพต่างมีพรรค ชื่อและฉายานาม และผู้นำเป็นของตนเอง แต่ถึงกระนั้นความสามัคคีของผู้พเนจรในยุทธภพกลับไม่แข็งแกร่งมากพอ เพราะนอกจากความสามารถนิดหน่อยของผู้นำ ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีกเลย ดังนั้นผู้ที่เลี้ยงดูผู้พเนจรในยุทธภพมักเป็นจวนเจ้าผู้ครองรัฐ
ครานี้ แม้แต่เซียวเฉวียนยังรู้สึกว่าซือชือและเว่ยเชียนชิวเฉลียวฉลาดอย่างมาก พวกเขาใช้เพียงเงินทองก็สามารถตะครุบผู้พเนจรในยุทธภพเสียอยู่หมัด
แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน นั่นก็คือหากมีผู้อื่นที่มีเงินเหมือนกัน ก็สามารถดูแลและควบคุมคนกลุ่มนี้ได้
จากการสำรวจนับหลายวันของเซียวเฉวียน เขาพบว่าเฉินอี้ควบคุมง่ายที่สุด ผนวกกับเขามีบารมีและชื่อเสียงมากที่สุด ดังนั้นในผู้นำทั้งหกเจ็ดพรรคนั้น เซียวเฉวียนตั้งใจจะเก็บเขาไว้
จำเป็นต้องมีเฉินอี้อยู่ จึงจะสามารถนำผู้พเนจรในยุทธภพไปสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักได้อย่างราบรื่น และเพื่อใช้ในกิจของต้าเว่ยด้วย
เฉินอี้และคนอื่น ๆ เดินเข้าไปในป่าอย่างองอาจและฮึกเหิม เซียวเฉวียนและชิงหลงมองตามอยู่ข้างหลัง
“ไปเถอะ” ท้ายสุดของแถว ชิงหลงตั้งท่าจะเดินตามไป
ได้พิจารณาแล้ว
ได้ใคร่ครวญแล้ว
“เหตุใดจึงไม่บอกข้า?” ชิงหลงสงสัย เขาติดตามเซียวเฉวียนโดยที่ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย ในใจของชิงหลงรู้สึกเป็นกังวลมาก เกรงว่าเซียวเฉวียนจะใช้คนกลุ่มน้อยเอาชนะศัตรูหมู่มาก หากไม่สามารถเอาชนะได้ ก็จะต้องตายไปเช่นนี้หรือ
“ข้าจะบอกเจ้าไปไยกัน? ชาวเทือกเขาคุนหลุนไม่ยุ่งเรื่องการเมืองมิใช่หรือ?”
เซียวเฉวียนสายตานิ่งสงบ มองชิงหลงที่ยังอ้ำอึ้ง “เจ้ารู้ด้วยหรือ?”
“ข้าเดาเอา” เซียวเฉวียนไม่ได้โง่เสียหน่อย เขาอยู่ในต้าเว่ยมาเกือบปีได้ เซียวเฉวียนเคยเห็นเพียง ทาสคุนหลุน แต่ชาวเทือกเขาคุนหลุนเขากลับไม่เคยพบเห็นเลย
แม้แต่ในตำราอัตชีวประวัติของต้าเว่ย ก็ยังไม่เคยกล่าวถึงชาวเทือกเขาคุนหลุน ทำให้เซียวเฉวียนคิดว่าในเทือกเขาคุนหลุน นอกจากทาสคุนหลุน ก็ไม่มีแม้แต่ต้นหญ้าสักต้นเดียว
ชิงหลงเป็นชาวคุนหลุนคนแรกที่เซียวเฉวียนพบเจอ
นอกจากว่าชาวเทือกเขาคุนหลุนหนีหน้าสังคมมนุษย์ มีโลกส่วนตัว ไม่สนเรื่องภายนอก ยังเป็นเพราะสาเหตุใดได้อีก?
“คนที่บ้านเกิดข้าเรียกคนแบบพวกเจ้าว่า สุดยอดชายหนุ่มผู้ติดบ้าน โลกภายนอกจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า”
ชายหนุ่มผู้ติดบ้าน?
ชิงหลงไม่เข้าใจ
เซียวเฉวียนยิ้ม “หมายถึงชายรูปงามที่นิ่งเงียบ เข้าใจแล้วหรือไม่”
เมื่อได้ยินว่าเซียวเฉวียนกำลังชื่นชมตัวเอง ชิงหลงก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย “ใต้เท้าเซียวพูดเป็นเล่น ข้าคงไม่ดีพอจะเป็นชายหนุ่มผู้ติดบ้านเสียกระมัง”
เซียวเฉวียนยิ้ม ดวงตาจ้องไปยังทิศทางแสนไกล “พวกเขามาแล้ว”
เหล่าผู้อารักขาที่ตัวสูงใหญ่น่าเกรงขาม
พวกเขาถือดาบ สง่างามและมีจำนวนมหาศาล
เว่ยอวี๋รอรับผู้อารักขาที่ชานเมืองหนานโตว ตามคำสั่งของเซียวเฉวียน คือการแอบนำผู้อารักขามาพบกับเซียวเฉวียนที่ปากทางขึ้นเขา
ตอนที่เหล่าผู้อารักขาเห็นเซียวเฉวียนที่กำลังขี่ม้า ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
เพราะเว่ยอวี๋ชี้ไปที่เขาพร้อมกับกล่าวว่า “เขาคือเจ้านายของพวกเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...