ในค่ายทหารหนานตู เมืองไป๋ลู่
เมื่อข่าวชัยชนะอันยิ่งใหญ่จากแนวหน้ามาถึง ฉินเฟิงและฉินซูโหรวดีใจจนมิอาจจะพรรณนา
พ่อนี้เจ๋งสุดๆ!
อย่างที่คาดไว้ มีพ่ออยู่ ต้องได้ชัยชนะอย่างแน่นอน!
เซียวเฉวียนเป็นผู้รู้หนังสือหนังหาคนหนึ่ง นอกจากท่องบทกวี จะทำอะไรได้? ในยามคับขันของสงคราม ยังไงก็ต้องพึ่งพาพ่ออยู่ดี!
ฉินซูโหรวภูมิใจมาก เธอกังวลว่าตระกูลฉินจะจบเห่ในคราวนี้ แต่ตอนนี้พ่อเธอได้สร้างผลงานทางการทหารแล้ว ใครจะกล้ามากล่าวหาเธอฉินซูโหรวเป็นกบฏ ใครจะกล้ามากล่าวหาตระกูลฉินอีก?
”เร็ว ๆ ๆ! รีบอุ่นอาหารเร็วๆ เข้า พ่อกำลังจะกลับมากินข้าวแล้ว!”
ฉินซูโหรวกำลังชี้ไม้ชี้มืออยู่ในครัว ตอนนี้สนามรบยากลำบาก เธอต้องขอให้แม่ครัวเตรียมอาหารประเภทเนื้อ 3 อย่าง ผัก 1 อย่าง และซุป 1 อย่าง
แม่ครัวไม่มีทางเลือก ก็เธอเป็นเจ้าหญิงและเป็นลูกสาวสุดที่รักของแม่ทัพฉินด้วย?
”ว้าว กลิ่นหอมๆ “
เวลานี้ ต่งจัว เว่ยไป๋ และอรหันต์อีก 18 คนได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นและกลับเข้ามายังค่ายทหารหนานตูตามแผน
สถานะของเซียวเฉวียนและชิงหลงถูกเปิดเผย พวกเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะกลับมายังจวนอ๋องหนานตูได้
หลังจากที่พวกเขาเผายุ้งฉางและสังหารผู้นำคนอื่นๆ ของชาวนักพเนจร พวกเขาก็กลับมาที่ค่ายทหาร
ทันทีที่กลับมาทั้งเหงื่อและเลือดเต็มตัว พวกเขาก็รุดมาที่ครัวเพื่อหาอะไรกิน
พวกเขาเลาะมาตามกลิ่นซึ่งพามาถึงห้องครัว โดยไม่คาดคิดจ๊ะเอ๋เข้ากับฉินซูโหรว
”ฮึ พวกนี้ไม่ใช่พวกสุนัขของเซียวเฉวียนเหรอ?”
วาจาของฉินซูโหรวฟังดูน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง เว่ยไป๋ยังคิดว่าหูเขาฟังอะไรผิดไป ฉินซูโหรวอย่างน้อยก็เป็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ ไม่น่าจะพูดหยาบคายถึงขนาดนี้
ฉินซูโหรวเหลือบมองพวกเขา "ข้าเคยเห็นพวกเจ้าในจวนเจ้าอ๋องครองเมืองมาก่อน ทำไมจำข้าเจ้าหญิงคนนี้ไม่ได้แล้วเหรอ?"
คำพูดของฉินซูโหรวล้วนจะเตือนให้พวกเว่ยไป๋ต้องคำนับแสดงความเคารพให้เธอ
เว่ยไป๋และคนอื่นๆ ก็ไม่โง่เช่นกัน พวกเขายกมือขึ้นแล้วพูดว่า "ขอคำนับเจ้าหญิง"
หลังจากทำความเคารพแล้ว พวกเขาก็จะเคลื่อนเท้าเข้าไปทานข้าวต้มสักชาม แต่ฉินซูโหรวหยุดพวกเขาไว้ "แค่นี้เองเหรอ?"
”ใครให้พวกเจ้ามาที่นี่”
”ในเมื่อพวกเจ้าเป็นสุนัขของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนไม่ได้บอกหรือ ห้องครัวนี้ไม่ใช่ว่าจะให้ใครเข้ามาได้ตามใจ”
ใบหน้าของเว่ยไป๋ขาวซีด แม่ครัวเห็นท่าไม่ดี จึงรีบก้าวมาข้างหน้าและอธิบายว่า "รายงานเจ้าหญิง ใต้เท้าเซียวได้รับคำสั่งให้ปราบพวกโจร คนพวกนี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าเซียว แม่ทัพฉินได้สั่งไว้ว่า พวกเขามาทานข้าวที่นี่ตอนไหนก็ได้”
ใต้เท้าเซียว? นักโทษเนรเทศผู้อับจน ใต้เท้าอะไรกัน?
ฉินซูโหรวหันหลังกลับมาตบหน้าแม่ครัวจนหน้าแดง “อีสวะ! ข้าถามอะไรเธอหรือ? ข้ากำลังสั่งสอนสุนัขอยู่ เธอมาแส่หาอะไร?”
เจ้าหญิง ขอโทษ ขอโทษด้วย!” แม่ครัวตกใจกลัวจนคุกเข่าลงกับพื้น ฉินซูโหรวเป็นคนของราชวงศ์ ชาวบ้านทั่วไปอย่างพวกเขาไม่อาจจะล่วงเกินได้ "ระวังเดี๋ยวมือท่านจะเจ็บ! ผู้น้อยปากเสีย! ผู้น้อยปากเสียเอง!”
พูดจบ แม่ครัวก็ตบหน้าตัวเอง กลัวว่าฉินซูโหรวจะบันดานโทสะไม่ยอมเลิก
“ไปให้พ้น! พวกมีตาหามีแววไม่!”
ทันทีที่ได้รับชัยชนะในแนวหน้า ฉินซูโหรวจึงยืดหลังได้ตรงขึ้น ตอนที่เธอถูกเหยียดหยามในจวนเจ้าอ๋อง พวกผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวเฉวียนต่างก็เห็น ฉินซูโหรวจะปล่อยให้คนพวกนี้มีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร?
ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ฉินซูโหรวก็มาทำร้ายแม่ครัวคนหนึ่ง เว่ยไป๋ขมวดคิ้วและช่วยพยุงแม่ครัวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นลุกขึ้น "เจ้าถอยไปก่อน ที่นี่ไม่มีธุระของเจ้าแล้ว"
คนที่มีสายตาฉลาดหลักแหลมจะเห็นว่า ฉินซูโหรวไม่ได้จะมุ่งร้ายแม่ครัว แต่จะมามุ่งร้ายพวกเขาต่างหาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...