ไต่สวนอย่างนั้นหรือ?
พอฟังคำนี้แล้ว ทำให้ฉินซูโหรวลนลานเล็กน้อย
ฉินซูโหรวตื่นเต้นจนกลื่นน้ำลายไม่เต็มปาก แม้ตนรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ยังแกล้งถามต่อ “พ่อข้าจะไต่สวนข้าเรื่องใดกันเล่า?
“องค์หญิง ขุนพลแค่สั่งให้ข้ามาเชิญท่าน ส่วนจะเรื่องใดนั้น ข้าเองก็มิทราบได้ขอรับ“
“ยังจะเป็นเริ่องอันใดอีก” ชิงหลงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องแรกที่ท่านใต้เท้าเซียวฟื้นขึ้นมา แน่นอนว่าต้องคิดบัญชีที่ท่านฆ่าเว่ยไป๋!”
“พ่อข้าเป็นถึงท่านแม่ทัพ! เขากล้าอย่างนั้นหรือ?”
ฉินซูโหรววาจาช่างคมคาย ในใจหล่อน เซียวเฉวียนก็คงยังเป็นคนตระกูลตกต่ำคนหนึ่ง และยังเป็นคนตระกูลตกต่ำที่ถูกเนรเทศเสียด้วยซ้ำ!
จะคิดบัญชีอย่างนั้นหรือ?
เซียวเฉวียนช่างบังอาจเสียจริง!
ฉินซูโหรวช่างไร้ยางอายและไม่มีความยำเกรงอะไรทั้งสิ้น ทำให้ชิงหลงเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก”ในเมื่อท่านมิกลัว เช่นนั้นท่านจะมั่วนั่งตรงนี้อยู่ใยเล่า?ใยไม่ไปรับการไต่สวน”
“ไปก็ไป!ฮึ! ข้าก็อยากรู้เหมือนกันเซียวเฉวียนจะถืออะไรมาปรักปรำข้า ท่านพ่อไต่สวนข้า แล้วคิดว่าข้ากลัวอย่างนั้นหรือ?
พูดจบ ฉินซูโหรวสะบัดผ้าและเดินออกไป
ห้องไต่สวน มีเซียวเฉวียนและฉินเซิงที่นั่งอยู่ข้างกัน
มีทหารหลายสิบคนคุกเข่าอยู่บนพื้น แต่พวกเขาไม่กล้าแสดงความโกรธ
หลายวันมานี้ เซียวเฉวียนรวมถึงคนที่เซียวเฉวียนพามา จะใกล้ตายแหล่ไม่ตายแหล่ ไม่ได้อยู่สุขสบาย
ฉินเฟิงและฉินซูโหรวไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเซียวเฉวียน พวกเขาเลยกล้าที่จะทำเยี่ยงนี้กับเซียวเฉวียนได้
เหล่าทหารคงคิดว่า องค์หญิงและองค์ชายใหญ่ฉินเกลียดขี้หน้าเซียวเฉวียนมากขนาดนี้ นี่คือความหมายของแม่ทัพฉินที่จะสื่อ
แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่า ฉินเซิงทำธุระข้างนอกไม่กี่วัน ทำธุระเสร็จกลับมา ก็ได้เห็นว่าเซียวเฉวียนได้ฟื้นขึ้น หลังจากฉินเซิงได้ยินเซียวเฉวียนพูดเกี่ยวกับเรื่องราวของพวกเว่ยไป๋ เขาจึงนำทหารเหล่านี้มาสอบไต่สวนทันที
การไต่สวนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเซียวเฉวียนมีความเท่าเทียมกับฉินเซิงพวกเขาทั้งหมดนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักของการไต่สวน
กลุ่มพลทหารพวกนี้ พวกเขาเป็นทหารที่สังหารเว่ยไป๋และคนอื่นๆ
มีทหารประมาณสองร้อยกว่าคนที่เข้าร่วม
แต่คนที่จัดการโจมตีเว่ยไป๋และคนอื่น ๆ อย่างร้ายแรงและทำให้เว่ยไป๋และคนอื่น ๆ เสียชีวิต
มีทั้งหมดสิบสี่คนด้วยกัน
ทั้งสิบสี่คนนี้ ถูกเรียกตัวมาทั้งหมด
อยากจะหาพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ง่ายนัก สืบเนื่องหลังจากที่กลุ่มทหารนี้ได้ฆ่าพวกเว่ยไป๋ไป วันๆก็คุยโวโอ้อวดอยู่ที่ค่ายทหาร เหมือนกลัวไม่รู้ว่าพวกตนสร้างความดีความชอบ
เซียวเฉวียนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาทำการไต่สวน
กฎหมายในสมัยก่อน ไม่มีคำแก้ต่างของศาลหรือการนำเสนอหลักฐาน
โดยพื้นฐานแล้วการไต่สวนคือการทุบตีผู้อื่นให้ตายหากพวกเขาไม่ตั้งข้อหา หรือเพียงประกาศว่ามีความผิด ก็สามารถประหารชีวิตเขาได้ทันที
ดูราชวงศ์ถังของจีนเป็นตัวอย่าง ก็โหดเหี้ยมไม่น้อย เพียงเพราะไม่มีการป้องกันของศาลและการผลิตหลักฐาน จึงมีการสร้างคดีที่ไม่ยุติธรรมเป็นเท็จและผิดนับไม่ถ้วน
เพราะฉะนั้น ในสมัยโบราณการเป็นขุนนางก็มีประโยชน์ ถ้าหากข้าว่าเจ้าผิด เจ้าก็คือมีความผิด ข้าไม่ต้องหาหลักฐานอะไรมาพูดว่าเจ้าคือคนผิด
เปรียบเทียบได้ดีกับคนอย่างฉินซูโหรวที่ฆ่าพวกเว่ยไป๋ พูดว่าฆ่าก็ฆ่า ไม่ต้องการเหตุผลใดๆ ทำเหมือนกับชีวิตผู้คนไร้ค่าเหมือนดอกหญ้าริมทาง
อีกทั้งวิธีการไต่สวนของสมัยโบราณนั้นก็ถือว่าโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก
วิธีการคือไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ประเภทแรก ให้คนที่กระทำความผิดนั้นใส่หมวกเหล็ก และนำตะปูเหล็กยาวค่อยๆตอกเข้าไปในสมอง
ประเภทที่สอง ตั้งหม้อ วางถ่านรอบๆ แล้วใส่คนลงในหม้อเพื่อต้มสดๆ
วิธีการไต่สวนที่โหดเหี้ยมนี้ แม้แต่หมูที่ตายแล้วก็ยังผวา ห้องไต่สวนในยุคสมัยโบราณไม่ได้สุภาพเรียบร้อยเหมือนกับในละครทีวี
เหล่าพลทหารที่อยู่ตรงด้านหน้านี้ หมวกเหล็ก,ตะปู,ถ่าน,หม้อต่างก็เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว คนเหล่านี้ตัวสั่นด้วยความกลัว
ใบหน้าเซียวเฉวียนเต็มไปด้วยความเย็นชา เพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายฉินเซิงจึงพูดไป “ท่าใต้เท้าเซียว ท่านใจเย็นก่อนเถิด พวกเขาต้องได้รับผิดแน่นอน แต่พวกเขาเองก็ยอมรับผิดแล้ว วิธีใช้เครื่องมือทรมานคงไม่จำเป็นแล้วกระมัง”
เหล่าทหารต่างพยักหน้าเป็นระนาว ใช่แล้วใช่แล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างก็ยอมรับผิดแล้วเหตุใดจึงใช้วิธีการทางอาญาเพื่อดึงคำสารภาพ? และอีกอย่าง พวกเขาไม่ใช่ผู้บงการ เหตุใดถึงต้องโหดเหี้ยมเช่นนี้ด้วย?
อย่างน้อยก็มีแม่ทัพฉินที่ดี อย่างน้อยก็สมเหตุสมผลไม่เหมือนกับเซียวเฉวียนที่จะฆ่าแกงกันอย่างเดียว
เซียวเฉวียนส่งเสียงฮึในลำคอ ฉินเซิงจึงพูดโน้มน้าวไปอีกรอบ “ท่านใจเย็นเถิด ใยจึงต้องใช้วิธีการทางอาญาเพื่อดึงคำสารภาพ ฆ่าให้ตายไปรู้แล้วรู้รอดจะดีกว่า”
หา?
หา?
เดิมทีฉินเซิงที่โกรธอยู่แล้ว ได้ยินลูกสาวที่รักพูดเช่นนั้นก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีก “ที่นี่คือค่ายทหาร เรียกข้าว่าท่านแม่ทัพ!และอีกอย่าง!ทำการคารวะท่านใต้ท้าเซียวเดี๋ยวนี้!”
ฉินเซิงสั่งให้ฉินซูโหรวทำความคารวะใต้เท้าเซียว ฉินซูโหรวตาเบิกโพลง ถือดีอะไรต้องคารวะเซียวเฉวียนด้วยเล่า?
ตาหล่อนเลื่อนต่ำลง ก็เห็นว่าพี่ตนได้คุกเข่าลงที่พื้นแล้ว
“เร็วสิ!” ฉินเซิงตะคอกด้วยความโกรธ ฉินซูโหรวไม่พอใจจึงกล่าวไปว่า “ข้าไม่ทำ!ข้าเป็นถึงองค์หญิง!เหตุใดข้าต้องคารวะคนตระกูลตกต่ำเช่นนั้นด้วย!”
“เจ้าช่างเป็นมารผจญเสียจริง!”
ฉินเซิงโกรธแทบจะไม่ไหว ในเวลานี้ เมื่อเซียวเฉวียนเห็นทุกคนที่นี่ ถึงจะพูดประโยคแรกขึ้นมา “ข้าไม่ถือความหรอกท่านแม่ทัพฉิน นั่งเถิด”
“ข้าจะไต่สวน ท่านมายืนดูข้างๆก็พอแล้ว”
น้ำเสียงของเซียวเฉวียนช่างเย็นชาประดุจน้ำแข็ง ฉินเซิงเห็นว่าไม่เหมาะสม แต่ก็ทำได้แค่ตามความปรารถนาของเซียวเฉวียน
“เซียวเฉวียนมองไปยังฉินเฟิงและฉินซูโหรว น้ำเสียงที่พูดออกมาช่างไร้ความรู้สึกนัก “ข้าในนามฮ่องเต้ฉิน เพื่อปราบกบฏในรัฐไปลู่ ข้าได้นำคนสิบเจ็ดคนหรือที่เรียกว่าพระอรหันต์สิบเจ็ดองค์ ซึ่งข้านำกลับมาจากเกาะจูเสิน”
“ข้าและแม่ทัพฉินได้สั่งให้พวกเขาเผายุ้งฉางสี่หลังใหญ่ หลังจากที่พวกเขาทำภารกิจเสร็จสิ้น ได้มีคนเห็นว่าพวกเขาได้กลับเข้าค่ายทหารแล้ว”
“บัดนี้ ไม่เห็นพวกเขา พวกเจ้าคงจะรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใดใช่หรือไม่?
......
......
......
ฉินเฟิงและฉินซูโหรวต่างจ้องมองกันไม่พูดจา
เหล่าทหารยิ่งตกใจขึ้นไปอีก
พวกเขาได้ฆ่าพระอรหันต์ เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้กันทั้งนั้น รู้อยู่แก่ใจแล้วใยเซียวเฉวียนถึงได้ถามอีก?
ที่เซียวเฉวียนเรียกพวกเขามา มิใช่ต้องการลงโทษพวกเขาอย่างนั้นหรือ?
เซียวเฉวียนหัวเราะอย่างมีเลศนัย ถ้าวันนี้เซียวเฉวียนนำเรื่องนี้มาสรุป เรื่องนี้ก็คงสิ้นสุดลงแล้ว
แต่เซียวเฉวียนกลับไม่ปล่อยให้มันจบง่ายๆเช่นนั้นน่ะสิ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...