บทที่ 450 รักษาความลับ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 450 รักษาความลับ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“ฉินหลัง”
เซียวเฉวียนเย็นปลาบ ฉินเซิงกับฉินซูโหรวผงะไป
ฉินหลังงั้นหรือ?
ฉินหลังคือน้องชายร่วมบิดาต่างมารดากับฉินเซิง และเป็นท่านอารองของฉินซูโหรว หลังจากที่เขากับฉินเซิงต่างฝ่ายต่างแยกกันตั้งตระกูลแล้ว ฝั่งตระกูลฉินหลังกับฉินเซิงนั้นปรกติพบหน้ากันน้อยครั้งยิ่ง นอกจากเวลารวมตัวกันช่วงปีใหม่ก็เท่านั้น
ตามที่คนตระกูลฉินได้รับทราบข่าวมา เซียวเฉวียนกับฉินหลังไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไรกัน เหตุใดจึงเป็นฉินหลังได้?
“เขาล่วงเกินท่านหรือ?” ฉินเซิงสงสัยเป็นอย่างมาก สีหน้าแข็งค้าง
“ใช่ขอรับ”
เซียวเฉวียนเพียงแค่ตอบกลับอย่างง่ายๆ คำหนึ่งเท่านั้น ส่วนฉินเซิงกลับมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย “ใต้เท้าเซียว ท่านบอกข้าได้ไหมว่านี่เขาทำเพื่อเหตุใดกัน?”
“ข้ามีพี่น้องรายหนึ่งชื่อว่าอาฉี เป็นคนที่ข้ารู้จักตอนอยู่เกาะจูเสิน”
“หลายปีก่อนหน้านี้ อาฉีช่วยจอหงวนรายหนึ่งเอาไว้ ตอนหลังจอหงวนรายนี้เข้าสู่ราชสำนักกลายเป็นขุนนาง ฉินหลังรู้สึกว่าอาฉีขวางเส้นทางเดินของหลานชายตัวเอง ด้วยความโมโหถึงที่สุด ไม่เพียงแค่ฆ่าบิดามารดาของอาฉี แต่ยังใส่ความด้วยว่าอาฉีเป็นคนฆ่า”
“เป็นเหตุให้อาฉีถูกเนรเทศ และตอนหลังตายอยู่ที่เกาะจูเสิน”
หลังจากเซียวเฉวียนเอ่ยจบ ไม่ต้องพูดถึงฉินเซิง กระทั่งฉินซูโหรวยังรู้เลยว่าอาฉีที่ว่านี้เป็ใคร
อาฉี หรือเรียกว่าเสิ่นฉี เรื่องราวของเสิ่นฉีที่ช่วยจอหงวนนั้นเดิมทีเป็นเรื่องที่เล่าลือกันอยู่ในนครหลวงอยู่แล้ว
ตอนนั้นแม้ว่าฉินซูโหรวจะยังเล็กอย่างมาก แต่เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหล่าชาวประชาร่ำลือกันถึงอาฉี พูดว่าอาฉีคนกตัญญูคนนี้ถึงับทำเรื่องสังหารบิดามารดา นับว่าแปลกประหลาดเป็นที่สุด
และเพราะว่าประหลาดถึงปานนี้ เหล่าชาวบ้านจึงเอาแต่ซุบซิบเรื่องนี้กันตอนตลอด ต่อให้ผ่านไปนานปีปานนี้ เรื่องบุตรกตัญญูสังหารบิดามารดาก็ยังคงเป็นเรื่องราวที่ชาวบ้านชอบพูดคุยสนุกสนานกันหลังเวลาน้ำชา
กระทั่งฉินซูโหรวที่ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนต่อไหน ก็ยังได้ยินเรื่องราวเหลือเชื่อเรื่องนี้เลย
ทว่าฉินเซิงกับฉินซูโหรวกลับไม่ทันได้คิดว่าคดีเสิ่นฉีนี้ดันเกี่ยวข้องกับฉินหลัง
“ฉินหลังเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ?” ฉินเซิงสีหน้ายากจะเชื่อได้
เซียวเวียนในยามนี้นับว่าได้รู้แล้ว พวกสวยแต่รูปทว่าไม่มีสมองนั้นไม่ได้มีแค่ในผู้หญิง กระทั่งในหมู่ผู้ชายก็มีคนเช่นนี้อยู่
ฉินเซิงผู้นี้คือตัวอย่างของกลุ่มตัวอย่างนั้น ลูกสาวตัวเองทำเรื่องอะไรเขาล้วนไม่ทราบ น้องชายตัวเองไปก่อเรื่องอะไร เขาก็ไม่รู้เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่า จิตใจของฉินเซิงนั้นเอาแต่พะวงเรื่องรักษาครอบครัวปกป้องประเทศ รบทัพจับศึก ทว่าสมองของเขากลับคิดอ่านตามไม่ทันเอาเสียเลย
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเสิ่นฉีจะโกหก?” ทันใดนั้นฉินซูโหรวก็โพล่งขึ้นมาประโยคหนึ่ง ท่านอารองนั้นได้ชื่อว่าเป็นสุภาพชนมีชื่อในเมืองหลวง เขาไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้
เซียวเฉวียนประกายตาเย็นชา นางจึงรีบหุบปาก ยามนี้ฉินซูโหรวในสายตาของเซียวเฉวียนก็เป็นแค่บ่าวทาสรายหนึ่ง จะไปมีที่ให้นางพูดจาเสียที่ไหน?
“นั่นสิ หรือว่า...จำผิดแล้วหรือ?” ฉินเซิงลังเลเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงยังปกป้องน้องชายตัวเองอีกหนึ่งประโยค
“ข้าเชื่อคำพูดของเสิ่นฉี”
เซียวเฉวียนเอ่ยเย็นชา อาฉีถูกเนรเทศไปอยู่เกาะจูเสินหลายปีปานนั้น รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีโอกาสกลับออกมา แล้วเขาจำเป็นต้องลำบากโกหกเว่ยไป๋เพื่ออะไร?
โกหกไปแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร?
อาฉีเอาแต่ยึดมั่นมองทะเลอย่างไม่หันหลังกลับ เงาร่างที่สุดท้ายสลายหายไปนั้น ยังคงตราตรึงอยู่ในสมองของเซียวเฉวียนอย่างลึกซึ้ง
เซียวเฉวียนรับปากเว่ยไป๋มาก่อน ในเมื่อเซียวเฉวียนเป็นเจ้าแห่งสำนึกศึกษาชิงหยวน เขาจะต้องช่วยทวงความยุติธรรมให้อาฉีเป็นแน่!
ไม่อย่างนั้น เขาไม่เพียงแต่จะผิดต่อความเชื่อมั่นของเว่ยไป๋ แต่จะผิดต่อคำสอนของเหวินฮั่นและปีศาจกวี หากบัณฑิตถูกใส่ร้าย แต่สำนักศึกษาไม่ดูดำดูดี เช่นนั้นต้าเว่ยจะมีรัชสมัยที่สงบสุขได้เช่นไร?
“แม่ทัพฉินเซิง หากว่าท่านช่วยข้าจับตัวฉินหลังได้ ความผิดที่ฉินเฟิงไล่ล่าสังหารข้าในคืนวันปีใหม่ ข้าจะไม่ถือสาเอาความอีกขอรับ”
ฉินซูโหรวตาเป็นประกาย จากนั้นเซียวเฉวียนก็อธิบายเป็นพิเศษ “ข้าจะให้เขาผ่านไปอย่างสบายๆ หน่อย แต่ว่าอย่าได้เข้าใจผิด ชีวิตของพวกเว่ยไป๋ทั้งสิบหกคนนี้ เขายังต้องรับผิดชอบอยู่ กระบวนการเนรเทศจะยังมีต่อไป แต่ว่าข้าจะให้เขาถูกไล่ไปยังที่ที่สบายหน่อย”
เนรเทศไปยังที่ที่สบายหน่อย...
ฉินซูโหรวนัยน์ตากระตุก การเนรเทศจะยังสบายได้อย่างไร?
คำพูดนี้ของเซียวเฉวียนพูดแล้ว ไม่สู้พูดคำนี้จะดีกว่า ข้าจะให้ฉินเฟิงได้ตายสบายหน่อย
ดูท่านแล้ว เดิมทีเซียวเฉวียนไม่เพียงแค่คิดจะเนรเทศฉินเฟิง แต่จะส่งเขาไปยังสถานที่ที่มีขวากหนามไม่น้อยระหว่างทางด้วย
ฉินซูโหรวกัดฟัน นางน่าจะเดาได้แต่แรก คนจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยมแบบเซียวเฉวียนนี้ เรื่องที่ฉินเฟิงถูกเนรเทศเกรงว่าคงไม่ง่ายปานนั้น
ฉินเซิงเองก็เข้าใจแล้ว เซียวเฉวียนกำลังก้าวเดินทีละย่างก้าว และในเมื่อเว่ยไป๋ตายไปแล้ว เพื่อที่จะกำผลประโยชน์ให้ได้มากขึ้นหน่อย เซียวเฉวียนก็เลยอาศัยลอยตามน้ำ พูดว่าต้องการแก้แค้นให้กับพี่น้องของเว่ยไป๋
กองทัพหนานโตว ห้องเก็บฟืน
สิบเจ็ดอรหันต์ที่เซียวเฉวียนพาออกมานั้น ยามนี้เหลือแค่เจ้าสิบหกคนเดียวที่ยังอยู่
เขากับต่งตัวถูกขังไว้ในห้องฟืนที่ไม่มีใครถามไถ่ ภายในห้องเก็บฟืนอันมืดชื้นอับทึบนั้น แมลงบินว่อ
คนผู้หนึ่งเดินเข้ามาเปิดประตูพลางเอ่ย “สิบหก! ต่งจัว! ไป! ตามข้าเซียวเฉวียนกลับเมืองหลวง!”
สิบหกเงยหน้าขึ้น เซียวเฉวียนที่อยู่ตรงประตูนั้นดูสูงใหญ่เป็นที่สุด นัยน์ตาทั้งคู่ของเขาเผยประกายไม่ยอมท้อถอยไม่ยอมแพ้พ่ายออกมา
สิบหกคุกเข่าลงกับพื้นดังพรวด “ใต้เท้าเซียว เหล่าพี่น้อง...ตายสิ้นแล้ว!”
“ข้ารู้แล้ว”
เซียวเฉวียนรีบก้าวไปข้างหน้าก่อนจะพยุงเจ้าสิบหกขึ้นมา “วางใจได้ ข้าจะออกหน้าแทนเจ้าเอง”
สิบหกตัวสั่นสะท้านคราหนึ่ง เหล่าพี่น้องอยู่ด้วยกันที่เกาะจูเสินนานปี ไม่ได้ตายใต้คมปากพยัคฆ์หมาป่า แต่ทว่ายามที่กำลังจะได้อิสระ กลับตายใต้เงื้อมมือสตรีนางหนึ่ง!
“ข้าไม่ยอม! ข้าไม่ยอม!”
สิบหกต้องทนความอยุติธรรมมาหลายวัน เมื่อได้เห็เซียวเฉวียน มันก็แปรเป็นน้ำตาแห่งโทสะ “เพราะเหตุใดคนยังร้ายกาจยิ่งกว่าเสือหมาป่าเสียอีก! เพราะอะไร! เพราะอะไร!”
เรื่องความเป็นตายนั้น ไม่ใช่การปลอบใจอย่างง่ายๆ เพียงประโยคเดียวจะสามารถทได้
เซียวเฉวียนใช้มือพยุงเขา “เจ้าสิบหก! เจ้ายังจำอาฉีได้หรือไม่? เจ้ายังจำได้หรือม่าเพราะอะไรพวกเจ้าถึงต้องมาเร่ร่อนอยู่ที่เกาะจูเสิน?”
“ข้าจำได้! ข้าจำได้!” สิบหกร้องไห้ “พวกเราไปล่วงเกินผู้สูงศักดิ์เข้า! ทำร้ายศักดิ์ศรีของผู้สูงศักดิ์! ถึงได้ตกต่ำมาถึงตอนนี้! แสงตะวันดับสิ้น! รักษาไว้ไม่ได้กระทั่งชีวิต!”
“เอาละ จำได้ก็ดี! พวกมันก็สังหารบิดาของข้า สังหารอาจารย์ที่สั่งสอนข้ามา พวกเราต้องตั้งสติ!” เซียวเฉวียนมองเจ้าสิบหก “ตั้งสติเข้าไว้! พวกเรากลับเมืองหลวง! ไปทวงเอาสิ่งที่พวกมันติดค้างข้าและเจ้ากลับคืนมาให้หมด!”
“ดี...ดีเลย!”
นัยน์ตาของเจ้าสิบหกนับว่ามีแสงประกายบ้างแล้ว
“เยี่ยม! พวกเรากลับเมืองหลวงกัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...