เมืองหลวง บรรยากาศแช่มชื่นเบิกบาน
“แม่ทัพฉินเซิงกุมชัยชนะกลับมาแล้ว!”
“ตระกูลฉินทำลายรังโจรภูเขาทั้งสามหมื่นคน! สร้างคุณูปการทางทหารสูงส่ง!”
“หลังพวกชาวยุทธ์สิ้นไร้อนาคต พวกมันก็คุกเข่ายอมแพ้แล้ว! ยอมเข้าร่วมกับราชสำนัก!”
ข่าวดีนั้นแพร่กระจายต่อๆ กันไปในหมู่ประชาชน เหล่าชาวประชาเคาะกรับเคาะกลอง ต่างพากันบอกต่อกันและกัน
แต่ว่าข่าวดีเหล่านี้ กลับไม่ได้มีส่วนของเซียวเฉวียนเลยสักนิด
เซียวเฉวียนที่สร้างผลงานมากที่สุด กลับไม่ปรากฏชื่อแซ่สักนิด
ตำหนักฉางหมิง
จดหมายของฉินเซิงฉบับนี้ กลับมาก่อนตัวคนแล้ว
บนจดหมายนั้นเขียนเอาไว้เสียสวยงามว่า การทะลายรังโจรครั้งนี้ เซียวเฉวียนเป็นผู้วางแผนและสร้างผลงานใหญ่หลวง
เพื่อที่จะซ่อนเรื่องที่เซียวเฉวียนแตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนเอาไว้ บนจดหมายจึงเขียนแค่ผลงานทางยุทธวิธีของเซียวเฉวียน แต่กลับไม่ได้เขียนเรื่องการลงแรงลงมือของเซียวเฉวียน
เนื่องจากก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงร่างจดหมายฉบับหนึ่ง สอบถามฉินเซิงว่าเซียวเฉวียนใช่แตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนแล้วหรือไม่ ดังนั้นแล้วจดหมายของฉินเซิงจึงตอบอย่างฟันธงหนักแน่นว่า ไม่มีเหตุผิดปรกติกับเซียวเฉวียน และไม่มีร่องรอยการแตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนแต่อย่างใด
ข่าวนี้ ฮ่องเต้ขมวดคิ้วครั้งหนึ่ง ภายในใจทดท้อเป็นที่สุด
เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งร้อยคนพากันดีใจคึกคัก ชายหนุ่มอายุสิบกว่าปีอย่างเซียวเฉวียน หากมันแตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนได้ ไม่ใช่ว่าตบหน้าพวกเขาอย่างแรงหรือไร?
ดูท่าวิธีการวัดว่าใครแตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนจะเชื่อถือไม่ได้เลยสักนิด!
ขุนนางทั้งบุ๋นบู๊มองเทียนแดงเล่มที่สลักชื่อของเซียวเฉวียนไว้ มันยังลุกไหม้อยู่ เห็นดังนั้นแล้วแต่ละคนก็พากันดูถูก ดูท่าคำพูดของปีศาจกวีก็ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด
รัฐไป๋ลู่กำชัยครั้งใหญ่ แต่ละคนต่างเผยท่าทียินดีเป็นที่ยิ่ง ทว่าสีหน้าของจ้าวจินเขียนแต่ความทุกข์เต็มไปหมด
ตามที่สัญญากับฝ่าบาทเอาไว้ ครั้งนี้เซียวเฉวียนชนะแล้ว จ้าวจินต้องถูกลดขั้น
ฮ่องเต้ส่งสายตาครั้งหนึ่ง กำลังจะสั่งให้ขันทีหม่าอ่านราชโองการ จ้าวจินร้อนรนแล้ว เขาคุกเข่าลงพรวดบนพื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้แพ้นะพ่ะย่ะค่ะ ครั้งนี้ผู้ที่ทำให้รัฐไป๋ลู่กำชัยนั้นคือแม่ทัพฉินเซิง ไม่ใช่เซียวเฉวียน ไม่ใช่หรือ...”
“จ้าวไท่ชิง” ขันทีหม่ายกเสียงขึ้นสูงพลางเย้ยหยัน “จดหมายของแม่ทัพฉินก็เขียนเอาไว้แล้วว่าเซียวเฉวียนเป็นผู้นำปราบจลาจล ออกหน้าวางแผน เรื่องที่รัฐไป๋ลู่กำชับเหตุใดจึงไม่ใช่ผลงานของเซียวเฉวียนกันล่ะ?”
“ไม่ต้องพูดมาก”
ฮ่องเต้รู้แต่แรกว่าจ้าวจินยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ และจะต้องมีความเห็นมากมายแน่นอน “ในเมื่อจ้าวไท่ชิงไม่ยอม เช่นนั้นรอให้แม่ทัพฉินเซิงกับเซียวเฉวียนกลับเมืองหลวง จากนั้นให้แม่ทัพฉินเป็นผู้บรรยายศึกนี้ด้วยตนเอง ดีหรือไม่?”
ฮ่องเต้มองจ้าวจินด้วยสายตาเย็นชา จ้าวจินได้แต่เอ่ยยิ้มแห้งๆ “ขอรับ ฝ่าบาทฉลาดยิ่ง หากว่าแม่ทัพฉินตัดสินใจว่านี่เป็นผลงานของเซียวเฉวียน เช่นนั้นก็เป็นเซียวเฉวียนแล้ว”
จ้าวจินยินดีขึ้นมาเป็นครั้งแรก ตระกูลฉินไม่มีทางยอมมอบผลงานทางทหารให้แก่เซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนกับฉินซูโหรวแยกทางกัน ตระกูลเซียวก็ถือว่าฉีกหน้าตระกูลฉินไปแล้ว ฉินเซิงไม่พูดว่าร้ายเซียวเฉวียนก็ไม่เลวแล้ว ยังจะโยนความสำเร็จไปให้เซียวเฉวียนอีกหรือ?
จ้าวจินนั้นเป็นคนที่มีความคิดคับแคบเช่นนี้ และเซียวเฉวียนก็คาดเอาไว้แต่แรกแล้ว
ของอย่างผลงานทางการรบนี้ หากไม่เป็นของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนจะไม่อยากรับเลยสักนิด
แต่หากว่าเป็นของเขา ใครก็อย่าได้แย่งไปเลย
คนกลุ่มนี้ในเมืองหลวงนั้นเป็นพวกกินคนไม่คายกระดูก เซียวเฉวียนคิดไว้แล้วว่าจะจัดการอย่างไร
เซียวเฉวียนฟังที่เว่ยอวี๋บอก ครั้งนี้ที่เขาถูกเนรเทศไม่ใช่เจตนาเดิมของฮ่องเต้ แต่เป็นจ้าวจินที่นำทัพเหล่าขุนนางบุ๋นสองร้อยคนก่อการ
เมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยทั้งเสือและหมาป่า คลื่นลมหนึ่งยังไม่ทันนิ่งอีกคลื่นก็มาแล้ว ในสายตาของเซียวเฉวียนที่นั่งอยู่บนเรือนั้น เขาใช้เวลาหลายวันนี้ในการพักผ่อนและจัดเรียงเรื่องราวที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมา
เรื่องแรกในเมืองหลวงนั้น เซียวเฉวียนจะไปหาฉินหลัง
เมื่อจบเรื่องของฉินหลังแล้ว เขาจะแก้แค้นให้อาฉี เซียวเฉวียนก็จะไปหาเว่ยเชียนชิว ไม่เช่นนั้นจะผิดต่อคำสอนของอาจารย์เขา และผิดต่อฉินปาฟาง
ก่อนหน้านี้กำลังของเซียวเฉวียนไม่พอ ยามนี้ลุขั้นกวีสมุทรคุนหลุน เขาไม่กลัวเว่ยเชียนชิวแล้ว ต่อให้เขาเป็นชาวยุทธ์แท้ เซียวเฉวียนก็ไม่กลัว
ในส่วนจ้าวจินนั้น เอาไว้คิดบัญชีท้ายที่สุด
พวกเซียวเฉวียนกับฉินเซิงนั้นเริ่มนั่งเรือขากลับ รัฐไป๋ลู่ที่วุ่นวายจำเป็นต้องผ่านการปรับแก้ แต่นี่ไม่ใช่หน้าที่ของฉินเซิงและเซียวเฉวียน ฮ่องเต้จะส่งคนอื่นมาจัดการ
ฮ่องเต้มีประสงค์เรียกหา พวกเขาสามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว
ระหว่างทาง ทั้งเรือลำใหญ่นั้น คนตระกูลฉินอยู่ในเขตหนึ่ง ส่วนเซียวเฉวียนกับพวกอยู่อีกมุมหนึ่ง ทั้งสองฟากต่างแยกกันไม่ยุ่งเกี่ยว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...