สรุปเนื้อหา บทที่ 451 แอบซ่อนความสามารถ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 451 แอบซ่อนความสามารถ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เมืองหลวง บรรยากาศแช่มชื่นเบิกบาน
“แม่ทัพฉินเซิงกุมชัยชนะกลับมาแล้ว!”
“ตระกูลฉินทำลายรังโจรภูเขาทั้งสามหมื่นคน! สร้างคุณูปการทางทหารสูงส่ง!”
“หลังพวกชาวยุทธ์สิ้นไร้อนาคต พวกมันก็คุกเข่ายอมแพ้แล้ว! ยอมเข้าร่วมกับราชสำนัก!”
ข่าวดีนั้นแพร่กระจายต่อๆ กันไปในหมู่ประชาชน เหล่าชาวประชาเคาะกรับเคาะกลอง ต่างพากันบอกต่อกันและกัน
แต่ว่าข่าวดีเหล่านี้ กลับไม่ได้มีส่วนของเซียวเฉวียนเลยสักนิด
เซียวเฉวียนที่สร้างผลงานมากที่สุด กลับไม่ปรากฏชื่อแซ่สักนิด
ตำหนักฉางหมิง
จดหมายของฉินเซิงฉบับนี้ กลับมาก่อนตัวคนแล้ว
บนจดหมายนั้นเขียนเอาไว้เสียสวยงามว่า การทะลายรังโจรครั้งนี้ เซียวเฉวียนเป็นผู้วางแผนและสร้างผลงานใหญ่หลวง
เพื่อที่จะซ่อนเรื่องที่เซียวเฉวียนแตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนเอาไว้ บนจดหมายจึงเขียนแค่ผลงานทางยุทธวิธีของเซียวเฉวียน แต่กลับไม่ได้เขียนเรื่องการลงแรงลงมือของเซียวเฉวียน
เนื่องจากก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงร่างจดหมายฉบับหนึ่ง สอบถามฉินเซิงว่าเซียวเฉวียนใช่แตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนแล้วหรือไม่ ดังนั้นแล้วจดหมายของฉินเซิงจึงตอบอย่างฟันธงหนักแน่นว่า ไม่มีเหตุผิดปรกติกับเซียวเฉวียน และไม่มีร่องรอยการแตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนแต่อย่างใด
ข่าวนี้ ฮ่องเต้ขมวดคิ้วครั้งหนึ่ง ภายในใจทดท้อเป็นที่สุด
เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งร้อยคนพากันดีใจคึกคัก ชายหนุ่มอายุสิบกว่าปีอย่างเซียวเฉวียน หากมันแตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนได้ ไม่ใช่ว่าตบหน้าพวกเขาอย่างแรงหรือไร?
ดูท่าวิธีการวัดว่าใครแตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนจะเชื่อถือไม่ได้เลยสักนิด!
ขุนนางทั้งบุ๋นบู๊มองเทียนแดงเล่มที่สลักชื่อของเซียวเฉวียนไว้ มันยังลุกไหม้อยู่ เห็นดังนั้นแล้วแต่ละคนก็พากันดูถูก ดูท่าคำพูดของปีศาจกวีก็ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด
รัฐไป๋ลู่กำชัยครั้งใหญ่ แต่ละคนต่างเผยท่าทียินดีเป็นที่ยิ่ง ทว่าสีหน้าของจ้าวจินเขียนแต่ความทุกข์เต็มไปหมด
ตามที่สัญญากับฝ่าบาทเอาไว้ ครั้งนี้เซียวเฉวียนชนะแล้ว จ้าวจินต้องถูกลดขั้น
ฮ่องเต้ส่งสายตาครั้งหนึ่ง กำลังจะสั่งให้ขันทีหม่าอ่านราชโองการ จ้าวจินร้อนรนแล้ว เขาคุกเข่าลงพรวดบนพื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้แพ้นะพ่ะย่ะค่ะ ครั้งนี้ผู้ที่ทำให้รัฐไป๋ลู่กำชัยนั้นคือแม่ทัพฉินเซิง ไม่ใช่เซียวเฉวียน ไม่ใช่หรือ...”
“จ้าวไท่ชิง” ขันทีหม่ายกเสียงขึ้นสูงพลางเย้ยหยัน “จดหมายของแม่ทัพฉินก็เขียนเอาไว้แล้วว่าเซียวเฉวียนเป็นผู้นำปราบจลาจล ออกหน้าวางแผน เรื่องที่รัฐไป๋ลู่กำชับเหตุใดจึงไม่ใช่ผลงานของเซียวเฉวียนกันล่ะ?”
“ไม่ต้องพูดมาก”
ฮ่องเต้รู้แต่แรกว่าจ้าวจินยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ และจะต้องมีความเห็นมากมายแน่นอน “ในเมื่อจ้าวไท่ชิงไม่ยอม เช่นนั้นรอให้แม่ทัพฉินเซิงกับเซียวเฉวียนกลับเมืองหลวง จากนั้นให้แม่ทัพฉินเป็นผู้บรรยายศึกนี้ด้วยตนเอง ดีหรือไม่?”
ฮ่องเต้มองจ้าวจินด้วยสายตาเย็นชา จ้าวจินได้แต่เอ่ยยิ้มแห้งๆ “ขอรับ ฝ่าบาทฉลาดยิ่ง หากว่าแม่ทัพฉินตัดสินใจว่านี่เป็นผลงานของเซียวเฉวียน เช่นนั้นก็เป็นเซียวเฉวียนแล้ว”
จ้าวจินยินดีขึ้นมาเป็นครั้งแรก ตระกูลฉินไม่มีทางยอมมอบผลงานทางทหารให้แก่เซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนกับฉินซูโหรวแยกทางกัน ตระกูลเซียวก็ถือว่าฉีกหน้าตระกูลฉินไปแล้ว ฉินเซิงไม่พูดว่าร้ายเซียวเฉวียนก็ไม่เลวแล้ว ยังจะโยนความสำเร็จไปให้เซียวเฉวียนอีกหรือ?
จ้าวจินนั้นเป็นคนที่มีความคิดคับแคบเช่นนี้ และเซียวเฉวียนก็คาดเอาไว้แต่แรกแล้ว
ของอย่างผลงานทางการรบนี้ หากไม่เป็นของเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนจะไม่อยากรับเลยสักนิด
แต่หากว่าเป็นของเขา ใครก็อย่าได้แย่งไปเลย
คนกลุ่มนี้ในเมืองหลวงนั้นเป็นพวกกินคนไม่คายกระดูก เซียวเฉวียนคิดไว้แล้วว่าจะจัดการอย่างไร
เซียวเฉวียนฟังที่เว่ยอวี๋บอก ครั้งนี้ที่เขาถูกเนรเทศไม่ใช่เจตนาเดิมของฮ่องเต้ แต่เป็นจ้าวจินที่นำทัพเหล่าขุนนางบุ๋นสองร้อยคนก่อการ
เมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยทั้งเสือและหมาป่า คลื่นลมหนึ่งยังไม่ทันนิ่งอีกคลื่นก็มาแล้ว ในสายตาของเซียวเฉวียนที่นั่งอยู่บนเรือนั้น เขาใช้เวลาหลายวันนี้ในการพักผ่อนและจัดเรียงเรื่องราวที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมา
เรื่องแรกในเมืองหลวงนั้น เซียวเฉวียนจะไปหาฉินหลัง
เมื่อจบเรื่องของฉินหลังแล้ว เขาจะแก้แค้นให้อาฉี เซียวเฉวียนก็จะไปหาเว่ยเชียนชิว ไม่เช่นนั้นจะผิดต่อคำสอนของอาจารย์เขา และผิดต่อฉินปาฟาง
ก่อนหน้านี้กำลังของเซียวเฉวียนไม่พอ ยามนี้ลุขั้นกวีสมุทรคุนหลุน เขาไม่กลัวเว่ยเชียนชิวแล้ว ต่อให้เขาเป็นชาวยุทธ์แท้ เซียวเฉวียนก็ไม่กลัว
ในส่วนจ้าวจินนั้น เอาไว้คิดบัญชีท้ายที่สุด
พวกเซียวเฉวียนกับฉินเซิงนั้นเริ่มนั่งเรือขากลับ รัฐไป๋ลู่ที่วุ่นวายจำเป็นต้องผ่านการปรับแก้ แต่นี่ไม่ใช่หน้าที่ของฉินเซิงและเซียวเฉวียน ฮ่องเต้จะส่งคนอื่นมาจัดการ
ฮ่องเต้มีประสงค์เรียกหา พวกเขาสามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว
ระหว่างทาง ทั้งเรือลำใหญ่นั้น คนตระกูลฉินอยู่ในเขตหนึ่ง ส่วนเซียวเฉวียนกับพวกอยู่อีกมุมหนึ่ง ทั้งสองฟากต่างแยกกันไม่ยุ่งเกี่ยว
สายตาของเซียวเฉวียนเป็นประกาย “รอจนข้าเสร็จธุระของต้าเว่ยแล้ว ข้าจะตามท่านกลับเทือกเขาคุนหลุน”
ชิงหลงขมวดคิ้ว เซียวเฉวียนกลับเมืองหลวงอีกแล้ว จะต้องเคราะห์ร้ายมากกว่าโชคดีแน่
ผู้ที่โดดเด่นนั้นมักถูกทำลายได้ง่าย เซียวเฉวียนหนีออกมาจากเกาะจูเสินก่อนหลังจากนั้นก็สร้างผลงงาน เหล่าผู้ทรงอำนาจในเมืองหลวงจะปล่อยเขาไปได้เช่นไร?
ถึงเวลานั้นหากว่าเซียวเฉวียนเกิดเป็นอะไรไป แล้วจะตามเข้ากลับเทือกเขาคุนหลุนได้อย่างไร?
“ท่านวางใจ เหตุผลอย่างโดดเด่นแล้วจะเป็นที่ชิงชิง ใช่ว่าข้าจะไม่เข้าใจ” เซียวเฉวียนยกยิ้มชั่วร้าย “ข้าคิดดีแล้ว ข้าจะพูดว่าเป็นท่านที่ช่วยข้าหนีออกจากเกาะจูเสิน ในส่วนผลงานทางทหาร ข้ากับแม่ทัพฉินเจรจากันเรียบร้อยแล้ว ให้เขาพูดเพียงว่าข้าเป็นคนาวงแผน อย่างอื่นเขาจะไม่พูดเลย”
เขาสร้างผลงานทางการศึกแค่ระดับนี้กำลังดี เพียงพอให้เขามีคุณสมบัติกลับเมืองหลวง และเพียงพอให้คนไม่ริษยาในตัวเขา
ชิงหลงถลึงตามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “...”
“ท่าน...”
“ท่านใช้ข้าเป็นโล่รับธนูหรือ?”
ชิงหลงเป็นถึงผู้มากฝีมือรุ่นใหม่ของคุนหลุน เป็นหงส์มังกรในหมู่มนุษย์ เซียวเฉวียนพูดว่าจะใช้ก็จะใช้เนี่ยนะ?
“ลำบากท่านแล้ว” เซียวเฉวียนหัวเราะฮ่าๆ “มา ดื่มชา ดื่มชา”
ชิงหลงอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขายกถ้วยชาขึ้นจิบไปอึดหนึ่ง ราชวงศ์แคว้นต้าเว่ยเห็นคนของคุนหลุนเป็นดังแขกสูงศักดิ์ เซียวเฉวียนกลับเห็นเขาเป็นน้องชาย!
ด้วยเหตุที่ฉินเซิงนำข่าวชิงหลงมาที่เมืองหลวงทูลฮ่องเต้ไปหมดแล้ว บรรดาผู้สูงศักดิ์ของเมืองหลวงนั้นแสนจะยินดี
ครั้งที่แล้วที่คนจากคุนหลุนมานั้น เป็นรัชสมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังคงมีพระชนม์อยู่!
ในตอนนั้น เมืองหลวงแขวนโคมประดับผ้าแพร จัดงานเลี้ยงครั้งใหญ่ ตอนรับอาคันตุกะสูงศักดิ์จากต่างแดน!
ในเวลานี้ชิงหลงจะมา ก็ต้องจัดการในระดับเดียวกัน!
เมืองหลวงกับวังหลวงนั้นยุ่งวุ่นวาย ต้องฉลองผลงานการศึกให้ฉินเซิง แถมยังต้องต้อนรับชิงหลง บรรยากาศครึกครื้นอบอวลเต็มเมืองหลวงไปหมด
มีเพียงคนผู้เดียวที่หดหู่ท้อใจยิ่ง ฮ่องเต้เอาแต่กุมจดหมายของฉินเซิง “เซียววียน...ไม่ได้แตะระดับกวีสมุทรคุนหลุนจริงๆ หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...