บทที่ 453 ท่าทีอวดดี – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 453 ท่าทีอวดดี จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
จวนตระกูลฉิน
“เร็วเข้า รีบไปอุ่นอาหารให้ร้อนเสีย เรือของท่านแม่ทัพจะกลับมาถึงในวันนี้แล้ว!”
แม่ฉินที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องเครื่องนั้น ใบหน้าของนางพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้มแจ่มใสแห่งความดีใจ
นางมิรู้เลยว่าฉินเฟิงถูกเนรเทศออกไปแล้ว บุตรสาวของตนก็มิอาจกลับบ้านเดิมของตัวเองได้อีก
นางรู้แต่เพียงว่า ตนเองภาคภูมิใจในตัวฉินเซิงยิ่งนัก ที่เขาสามารถกอบกู้หน้าและช่วยชีวิตตระกูลฉินกลับมาได้ อีกทั้งในยามที่มีการประกาศข่าวดีออกมา หาได้มีนามของสารเลวเซียวเฉวียนปรากฏไม่!
เช่นนั้นผลประโยชน์จากการรบชนะในครานี้ ย่อมต้องตกเป็นของตระกูลฉินโดยมิต้องสงสัย!
มารดาที่กำลังดีใจยินดีปรีดาอยู่นั้น หันกลับมามองที่ฉินหนาน เขากลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาแทน
เขารู้จักเซียวเฉวียนอดีตพี่เขยของเขาเป็นอย่างดี ในเมื่อเซียวเฉวียนไปถึงรัฐไป๋ลู่แล้ว ทั้งยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำทัพออกศึกในครานี้ เขาจักมีส่วนร่วมในการลงแรงร่วมรบเพียงเล็กน้อยได้หรือ?
ท่าทีหมกเม็ดมีความลับมากมายเช่นนี้ ทำเอาฉินหนานรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
ทั้งเขาและฉินเป่ยจึงได้พากันไปรั้งรอเรือที่กำลังจะกลับมาของเซียวเฉวียน ภายใต้แสงแดดที่ร้อนแผดเผา ใบหน้าของทั้งคู่พลันมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากมากมายไปในทันที
ที่บริเวณท่าเรือนั้น ยังมีเรือเล็กเรือน้อยมากมายที่จอดเทียบท่าเช่นกัน หากแต่เป็นเรือที่ทำการค้าขายเล็ก ๆ เท่านั้น
ทั่วทั้งเมืองหลวงพลันเต็มไปด้วยประกาศจากองค์จักรพรรดิมากมายที่กล่าวว่า เซียวเฉวียนและคนอื่น ๆ กำลังเดินทางกลับมาในวันนี้
เหล่าราษฎรทั้งหลายนั้น เมื่อรู้ว่าเซียวเฉวียนและฉินเซิงกำลังเดินทางกลับมาในวันนี้ ทุกคนต่างก็พากันมารั้งรอที่ท่าเรือในทันที
พวกเขาเคยมารอต้อนรับกองทัพของตระกูลฉินมานานหลายครั้งหลายคราแล้ว นั่นเป็นเพราะกองทัพของตระกูลฉินเป็นกองทัพที่เต็มไปด้วยความสามารถ
ทว่า ในครานี้กลับแตกต่างออกไป เนื่องจากการกลับมาในครานี้มีเซียวเฉวียนและชิงหลงเพิ่มมาด้วย
ถึงแม้ว่าภายในราชสำนักเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายจักมินึกพอใจในตัวของเซียวเฉวียนมากนัก หากแต่เหล่าราษฎรกลับมีท่าทีตรงข้ามกับพวกเขาโดยสิ้นเชิง
ราษฎรทั้งหลายเข้าใจว่า บุคคลที่ถูกเนรเทศออกไปแล้วนั้น หากสามารถกลับมายังเมืองหลวงได้รวดเร็วเช่นนี้ จักต้องเป็นคนดีมีความสามารถมากเป็นแน่!
ยิ่งไปกว่านั้น เซียวเฉวียนเองก็ยังมีฐานะเป็นถึงประมุขแห่งชิงหยวนอีก ในภายภาคหน้าหากลูกหลานของพวกเขาได้ร่ำเรียนนั้น ลูกหลานของตนเองก็จักได้รับการสอนสั่งจากเซียวเฉวียน เช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก!
มิต้องเอ่ยถึงชิงหลงเลย เขาเป็นถึงคนจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นเขาย่อมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
ฉินหนาน ฉินเป่ยและเหล่าราษฎรมากมายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่นั้น ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นเรือลำใหญ่กำลังแล่นเข้ามา พร้อมทั้งด้านบนเรือที่ผูกด้วยธงชาติของกองทัพตระกูลฉินและธงของเทือกเขาคุนหลุนนั่นเอง เหล่าผู้คนที่มองเห็นจากระยะไกลนั้น พวกเขาต่างก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“ท่านแม่ทัพฉิน! แม่ทัพฉิน! อ๊าก ! พวกเขากลับมาแล้ว! แม่ทัพฉินกลับมาแล้ว!”
“ใต้เท้าเซียว! ใต้เท้าเซียว!”
“ชิงหลง! ชิงหลง!”
“ชิงหลง!”
“เซียวเฉวียน! เซียวเฉวียน!”
เซียวเฉวียนที่ยืนอยู่บนหัวเรือได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนดังอึกทึกเช่นนี้ เสมือนกับเขามิได้นำทัพออกรบจนได้ชัยกลับมาเลยแม้แต่น้อย หากแต่ดูเหมือนเป็นคอนเสิร์ตที่ผู้ชมเรียกชื่อของตนเองเสียมากกว่า
เซียวเฉวียนจึงโบกไม้โบกมือให้กับทุกคน "สวัสดี! สวัสดีทุกคน!"
ฉินเซิงที่เคยชินกับสถานการณ์แบบนี้มาหลายครั้งหลายคราแล้วนั้น เขาจึงยืนอยู่บนหัวเรือ ด้วยใบหน้าที่จริงจังและเต็มไปด้วยท่าทีองอาจสง่างาม ดั่งเช่นแม่ทัพที่นำทัพออกรบจนได้รับชัยชนะกลับมาแทน
“พี่เขย! พี่เขย!”
คนแรกที่ฉินหนานตะโกนเรียกชื่อนั้น หาใช่บิดาของตนเองไม่ แต่กลับเป็นเซียวเฉวียน
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนเพียงแค่เหลือบตามองเขาราวกับคนมิรู้จักกันก็ไม่ปาน พร้อมกับเดินผ่านพวกเขาไป ก่อนจะส่งยิ้มให้เหล่าราษฎรที่ออกมารอต้อนรับเขาแทน
ความเยือกเย็นในดวงตาของเซียวเฉวียนนั้น ทำให้ฉินหนานถึงกับตกตะลึงไปในทันที เกิดอะไรขึ้นกับพี่เขยกัน? เหตุใดถึงมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นนั้นเล่า? เย็นชาเสียจนเสมือนว่าพวกเราต่างก็เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
เซียวเฉวียนหาได้ทำตัวเย็นชาแต่กับเขาไม่ หากแต่เขาทำตัวเย็นชากับทุก ๆ คนที่รู้จักเขา
ในเมื่อเขาจะมิยอมเลือกข้างองค์จักรรพดิหรือเว่ยเชียนชิวต่อไปเช่นนี้ ฉะนั้นแล้วเซียวเฉวียนจึงควรกำหนดเส้นแบ่งเขตความสัมพันธ์ของตนเองที่มีต่อคนอื่น ๆ ให้ชัดเจน
หากมิทำเช่นนี้ มันจักเป็นอันตรายต่อผู้คนที่อยู่รอบตัวของเขาแทน
เมื่อมิมีมิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลฉินเช่นนี้แล้ว การทำเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการปกป้องตระกูลฉินอีกทางหนึ่งเช่นเดียวกัน
ฉินหนานรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก ในยามนี้เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซียวเฉวียนห่างไกลกันเป็นอย่างมาก
“พี่สาม ตอนนี้ผู้คนพากันมาเยอะแล้ว บางทีพี่เขยอาจจะมองไม่เห็นท่าน” ปากของฉินเป่ยที่มักจะเอ่ยเรียกนามของเซียวเฉวีนนั้น มิรู้ว่าเมื่อใดที่เขาปรับเปลี่ยนมาเรียกว่าพี่เขยแทน ฉินเป่ยในยามนี้ก็เริ่มที่จะยอมรับในตัวของเซียวเฉวียนแล้วเช่นกัน
ทว่า หากจะมายอมรับในยามนี้ก็สายเกินไปแล้ว เซียวเฉวียนในตอนนี้หาใช่พี่เขยของพวกเขาอีกต่อไปไม่
บุคคลที่มารอรับเซียวเฉวียนพร้อมกับคนอื่น ๆ นั้น ยังมีเฉาสิงจือและสวี่ซูผิงที่เป็นหนึ่งในขุนนางผู้ใหญ่เก้าตำแหน่งที่มารับเซียวเฉวียนพร้อมกับคนอื่น ๆ อีกด้วย
พวกเขาต้องนำเซียวเฉวียนและคนอื่น ๆ เข้าไปในรายงานต่อฝ่าบาทในราชสำนักเสียก่อน
ชิงหลงรู้สึกร้อนรนขึ้นมาในทันที "รอข้าด้วย! ข้าก็จะไม่ไปเหมือนกัน!"
พูดจบ ชิงหลงทำท่าที่จะออกตัววิ่งหนีเช่นเดียวกับเซียวเฉวียนในทันที
มารดามันเถอะ!
หากเซียวเฉวียนไม่ไปก็พอแล้ว หากว่าชิงหลงยังชิ่งตัวหนีไปเช่นนี้อีก เช่นนี้เฉาสิงจือจักกลับไปรายงานต่อฝ่าบาทเช่นไรเล่า!
“ท่านชิงหลงขอรับ” เฉาสิงจือเอ่ยขัดขวางเขาขึ้นมา “ฝ่าบาทกำลังรอท่านอยู่นะขอรับ ท่านช่วยเข้าไปในวังเสียหน่อยเถิดขอรับ รอจนกว่างานเลี้ยงจักจบลงเมื่อใด หากท่านต้องการมาพบใต้เท้าเซียว พวกกระหม่อมจักเป็นคนพาท่านมาส่งถึงจวนตระกูลเซียวเลยขอรับ”
ชิงหลงหาได้นึกสนใจในงานเลี้ยงในพระราชวังไม่ การที่เขามาต้าเว่ยในครานี้ เพียงเพื่อต้องการเชิญชวนเซียวเฉวียนไปที่เทือกเขาคุนหลุนเท่านั้น จักรพรรดิอะไรกัน หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเขาไม่?
“ยามที่เจ้าไปเยือนต้าเว่ยนั้น เจ้าจักต้องใส่ใจกับคำพูดวาจาและการกระทำของเจ้า ห้ามไปก่อเรื่องอันใดเป็นอันขาด”
ชิงหลงยังจดจำคำพูดของผู้อาวุโสในตระกูลได้เป็นอย่างดี เฮ้อเอาเถอะ ในเมื่อจักรพรรดิเชื้อเชิญถึงเพียงนี้อย่างไรก็ต้องเห็นแก่หน้าหน่อย
เมื่อชิงหลงมิอาจชิ่งหนีได้สำเร็จนั้น หากเว่ยอวี๋และเว่ยเป่าต่างก็ฉวยโอกาสในตอนที่เฉาสิงจือกำลังเอ่ยเกลี้ยกล่อมชิงหลงลอบวิ่งหนีออกมาแทน
“ฝ่าบาท! นายท่าน!”
สวี่ซูผิงที่ใกล้จะร่ำไห้ออกมานั้น ไอ๊หยา ไทเฮายังรอพบกับต้นตระกูลตัวน้อยทั้งสองคนอยู่นะ!
ทั่วร่างของเซียวเฉวียนแขวนชิ้นเนื้อเอาไว้หรืออย่างไร! เหตุใดทุกคนต่างก็จ้องจะติดตามเซียวเฉวียนออกไปเช่นนี้!
สวี่ซูผิงที่กำลังจะออกวิ่งตามพวกเขาไปนั้น หากแต่ถูกเฉาสิงจือห้ามปรามเอาไว้ "เอาเถอะ ปล่อยพวกเขาไปก่อน พวกเรามาคอยต้อนรับท่านแม่ทัพฉินและท่านชิงหลงกลับวังกันเสียก่อน"
สำหรับนิสัยเช่นนี้เป็นที่รู้กันดีว่า ต่อให้วิ่งตามท่านอ๋องทั้งสองพระองค์เช่นไร พวกเขาก็จะมิยอมกลับวังไปด้วยย่างแน่นอน
"ได้" สวี่ซูผิงได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเหม่อมองแผ่นหลังของเซียวเฉวียนที่เดินออกไปไกล ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ทว่า เขาก็จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้เพื่อเตรียมตัวกลับวังไปเสียก่อน
จวนตระกูลเซียว
ทั้งจูโชงและเหล่าลูกหลานจวนตระกูลขุนนางคนอื่น ๆ นั้น พลางโยนประทัดเข้าไปด้านในโดยมิเห็นถึงชีวิตความเป็นความตายใด ๆ ของผู้อื่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เสียงดังมาก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...