จวนตระกูลฉิน
“เร็วเข้า รีบไปอุ่นอาหารให้ร้อนเสีย เรือของท่านแม่ทัพจะกลับมาถึงในวันนี้แล้ว!”
แม่ฉินที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องเครื่องนั้น ใบหน้าของนางพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้มแจ่มใสแห่งความดีใจ
นางมิรู้เลยว่าฉินเฟิงถูกเนรเทศออกไปแล้ว บุตรสาวของตนก็มิอาจกลับบ้านเดิมของตัวเองได้อีก
นางรู้แต่เพียงว่า ตนเองภาคภูมิใจในตัวฉินเซิงยิ่งนัก ที่เขาสามารถกอบกู้หน้าและช่วยชีวิตตระกูลฉินกลับมาได้ อีกทั้งในยามที่มีการประกาศข่าวดีออกมา หาได้มีนามของสารเลวเซียวเฉวียนปรากฏไม่!
เช่นนั้นผลประโยชน์จากการรบชนะในครานี้ ย่อมต้องตกเป็นของตระกูลฉินโดยมิต้องสงสัย!
มารดาที่กำลังดีใจยินดีปรีดาอยู่นั้น หันกลับมามองที่ฉินหนาน เขากลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาแทน
เขารู้จักเซียวเฉวียนอดีตพี่เขยของเขาเป็นอย่างดี ในเมื่อเซียวเฉวียนไปถึงรัฐไป๋ลู่แล้ว ทั้งยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำทัพออกศึกในครานี้ เขาจักมีส่วนร่วมในการลงแรงร่วมรบเพียงเล็กน้อยได้หรือ?
ท่าทีหมกเม็ดมีความลับมากมายเช่นนี้ ทำเอาฉินหนานรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
ทั้งเขาและฉินเป่ยจึงได้พากันไปรั้งรอเรือที่กำลังจะกลับมาของเซียวเฉวียน ภายใต้แสงแดดที่ร้อนแผดเผา ใบหน้าของทั้งคู่พลันมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากมากมายไปในทันที
ที่บริเวณท่าเรือนั้น ยังมีเรือเล็กเรือน้อยมากมายที่จอดเทียบท่าเช่นกัน หากแต่เป็นเรือที่ทำการค้าขายเล็ก ๆ เท่านั้น
ทั่วทั้งเมืองหลวงพลันเต็มไปด้วยประกาศจากองค์จักรพรรดิมากมายที่กล่าวว่า เซียวเฉวียนและคนอื่น ๆ กำลังเดินทางกลับมาในวันนี้
เหล่าราษฎรทั้งหลายนั้น เมื่อรู้ว่าเซียวเฉวียนและฉินเซิงกำลังเดินทางกลับมาในวันนี้ ทุกคนต่างก็พากันมารั้งรอที่ท่าเรือในทันที
พวกเขาเคยมารอต้อนรับกองทัพของตระกูลฉินมานานหลายครั้งหลายคราแล้ว นั่นเป็นเพราะกองทัพของตระกูลฉินเป็นกองทัพที่เต็มไปด้วยความสามารถ
ทว่า ในครานี้กลับแตกต่างออกไป เนื่องจากการกลับมาในครานี้มีเซียวเฉวียนและชิงหลงเพิ่มมาด้วย
ถึงแม้ว่าภายในราชสำนักเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายจักมินึกพอใจในตัวของเซียวเฉวียนมากนัก หากแต่เหล่าราษฎรกลับมีท่าทีตรงข้ามกับพวกเขาโดยสิ้นเชิง
ราษฎรทั้งหลายเข้าใจว่า บุคคลที่ถูกเนรเทศออกไปแล้วนั้น หากสามารถกลับมายังเมืองหลวงได้รวดเร็วเช่นนี้ จักต้องเป็นคนดีมีความสามารถมากเป็นแน่!
ยิ่งไปกว่านั้น เซียวเฉวียนเองก็ยังมีฐานะเป็นถึงประมุขแห่งชิงหยวนอีก ในภายภาคหน้าหากลูกหลานของพวกเขาได้ร่ำเรียนนั้น ลูกหลานของตนเองก็จักได้รับการสอนสั่งจากเซียวเฉวียน เช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก!
มิต้องเอ่ยถึงชิงหลงเลย เขาเป็นถึงคนจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นเขาย่อมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
ฉินหนาน ฉินเป่ยและเหล่าราษฎรมากมายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่นั้น ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นเรือลำใหญ่กำลังแล่นเข้ามา พร้อมทั้งด้านบนเรือที่ผูกด้วยธงชาติของกองทัพตระกูลฉินและธงของเทือกเขาคุนหลุนนั่นเอง เหล่าผู้คนที่มองเห็นจากระยะไกลนั้น พวกเขาต่างก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“ท่านแม่ทัพฉิน! แม่ทัพฉิน! อ๊าก ! พวกเขากลับมาแล้ว! แม่ทัพฉินกลับมาแล้ว!”
“ใต้เท้าเซียว! ใต้เท้าเซียว!”
“ชิงหลง! ชิงหลง!”
“ชิงหลง!”
“เซียวเฉวียน! เซียวเฉวียน!”
เซียวเฉวียนที่ยืนอยู่บนหัวเรือได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนดังอึกทึกเช่นนี้ เสมือนกับเขามิได้นำทัพออกรบจนได้ชัยกลับมาเลยแม้แต่น้อย หากแต่ดูเหมือนเป็นคอนเสิร์ตที่ผู้ชมเรียกชื่อของตนเองเสียมากกว่า
เซียวเฉวียนจึงโบกไม้โบกมือให้กับทุกคน "สวัสดี! สวัสดีทุกคน!"
ฉินเซิงที่เคยชินกับสถานการณ์แบบนี้มาหลายครั้งหลายคราแล้วนั้น เขาจึงยืนอยู่บนหัวเรือ ด้วยใบหน้าที่จริงจังและเต็มไปด้วยท่าทีองอาจสง่างาม ดั่งเช่นแม่ทัพที่นำทัพออกรบจนได้รับชัยชนะกลับมาแทน
“พี่เขย! พี่เขย!”
คนแรกที่ฉินหนานตะโกนเรียกชื่อนั้น หาใช่บิดาของตนเองไม่ แต่กลับเป็นเซียวเฉวียน
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนเพียงแค่เหลือบตามองเขาราวกับคนมิรู้จักกันก็ไม่ปาน พร้อมกับเดินผ่านพวกเขาไป ก่อนจะส่งยิ้มให้เหล่าราษฎรที่ออกมารอต้อนรับเขาแทน
ความเยือกเย็นในดวงตาของเซียวเฉวียนนั้น ทำให้ฉินหนานถึงกับตกตะลึงไปในทันที เกิดอะไรขึ้นกับพี่เขยกัน? เหตุใดถึงมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นนั้นเล่า? เย็นชาเสียจนเสมือนว่าพวกเราต่างก็เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
เซียวเฉวียนหาได้ทำตัวเย็นชาแต่กับเขาไม่ หากแต่เขาทำตัวเย็นชากับทุก ๆ คนที่รู้จักเขา
ในเมื่อเขาจะมิยอมเลือกข้างองค์จักรรพดิหรือเว่ยเชียนชิวต่อไปเช่นนี้ ฉะนั้นแล้วเซียวเฉวียนจึงควรกำหนดเส้นแบ่งเขตความสัมพันธ์ของตนเองที่มีต่อคนอื่น ๆ ให้ชัดเจน
หากมิทำเช่นนี้ มันจักเป็นอันตรายต่อผู้คนที่อยู่รอบตัวของเขาแทน
เมื่อมิมีมิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลฉินเช่นนี้แล้ว การทำเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการปกป้องตระกูลฉินอีกทางหนึ่งเช่นเดียวกัน
ฉินหนานรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก ในยามนี้เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซียวเฉวียนห่างไกลกันเป็นอย่างมาก
“พี่สาม ตอนนี้ผู้คนพากันมาเยอะแล้ว บางทีพี่เขยอาจจะมองไม่เห็นท่าน” ปากของฉินเป่ยที่มักจะเอ่ยเรียกนามของเซียวเฉวีนนั้น มิรู้ว่าเมื่อใดที่เขาปรับเปลี่ยนมาเรียกว่าพี่เขยแทน ฉินเป่ยในยามนี้ก็เริ่มที่จะยอมรับในตัวของเซียวเฉวียนแล้วเช่นกัน
ทว่า หากจะมายอมรับในยามนี้ก็สายเกินไปแล้ว เซียวเฉวียนในตอนนี้หาใช่พี่เขยของพวกเขาอีกต่อไปไม่
บุคคลที่มารอรับเซียวเฉวียนพร้อมกับคนอื่น ๆ นั้น ยังมีเฉาสิงจือและสวี่ซูผิงที่เป็นหนึ่งในขุนนางผู้ใหญ่เก้าตำแหน่งที่มารับเซียวเฉวียนพร้อมกับคนอื่น ๆ อีกด้วย
พวกเขาต้องนำเซียวเฉวียนและคนอื่น ๆ เข้าไปในรายงานต่อฝ่าบาทในราชสำนักเสียก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...