สรุปเนื้อหา บทที่ 454 ร้ายกาจ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 454 ร้ายกาจ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
คราก่อนที่ถูกไป๋ฉี่ตัดหูไปข้างหนึ่งนั้น เกรงว่าพวกเขายังมิได้รับบทเรียนมากพอกระมัง ถึงได้ทำตัวร้ายกาจลงเช่นนี้
บาดแผลที่เพิ่งถูกตัดหูของพวกเขายังมิทันหายดี ด้านบนหัวยังคงมีผ้าพันแผลพันทับเอาไว้อยู่เช่นนี้ พวกเขากลับยังคงจุดประทัดโยนเข้าไปในจวนอีก
พวกเขารู้ดีว่าเซียวเฉวียนกำลังจะกลับมาในวันนี้ พวกเขาบางส่วนจึงรู้สึกหวาดระแวงและเกรงกลัว
ทว่า ทั้งจูโชงและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินข่าวมาก่อนว่าเซียวเฉวียนกำลังจะกลับมานั้น โดยหาได้มีความดีความชอบในการนำทัพออกรบจนได้ชัยไม่ ความดีความชอบทั้งหมดยังคงตกเป็นของตระกูลฉินตามเดิม
อีกทั้ง ก่อนที่เซียวเฉวียนจะถูกเนรเทศไปยังเกาะจูเสินนั้น ยังคิดที่จะเข้าไปประจบประแจงเว่ยเชียนชิวเพื่อเข้าร่วมเป็นพรรคพวกของท่านอาเขยเขาอีก หากว่าเซียวเฉวียนกลับมาเมืองหลวงนั้น เซียวเฉวียนจะทำอะไรกับเขาได้?
ท่านป้าของจูโชงเป็นถึงฮูหยินเอกของเว่ยเจียนกั๋ว ฉะนั้นแล้ว เซียวเฉวียนควรจะเข้ามาประจบประแจงจูโชงจึงจะถูก
“โยนเลย! ฮ่าฮ่า!”
“โยนให้โดนพวกมันเลย!”
ประทัดในมือของจูโชงที่ค่อย ๆ ระเบิด “โป้งป้าง” ลงบนพื้นนั้น ใบหน้าของจูโชงที่เต็มไปด้วยสิวมากมายพลันแย้มยิ้มหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ไม่ว่าพวกเขาจะขว้างประทัดออกไปมากมายเท่าใด ภายในจวนตระกูลเซียวก็หาได้มีปฏิกิริยาใด ๆ ไม่ เกรงว่าพวกมันคงจะกลัวยิ่งนัก
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ได้! ดีดีดี! รอข้าจุดประทัดที่ใหญ่กว่านี้เสียก่อน ข้าจะระเบิดให้ประตูจวนของพวกมันพังเลย!” จูโชงภูมิใจในตนเองยิ่งนัก หากประตูจวนตระกูลเซียวถูกระเบิดออกมาเมื่อใด คนในตระกูลเซียวก็คงมิต่างจากเต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง
วันนี้จูโชงเอาประทัดขนาดใหญ่เป็นพิเศษมาด้วย หากเทียบกับในยุคปัจจุบันละก็ มันก็คือดินปืนระเบิดดี ๆ นี่เอง
“นี่... มันใหญ่เกินไปหรือไม่” ในยามนี้ เหล่าลูกหลานจนตระกูลขุนนางคนอื่น ๆ ต่างก็พากันหวาดกลัวขึ้นมาในทันที
ด้านในจวนตระกูลเซียวยังมีองค์หญิงต้าถงประทับอยู่ด้านในอีกด้วย พวกเขาทำการก่อกวนเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ก็พอแล้ว หากจะระเบิดจนประตูจวนตระกูลเซียวระเบิดออกมาเช่นนี้ละก็ ย่อมต้องทำให้เกิดการบาดเจ็บถึงชีวิตคนอย่างแน่นอนเลย อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันที่เซียวเฉวียนกลับมาอีก หากว่าพวกคนที่อยู่ด้านในออกมาต่อกรกับพวกเขาขึ้นมาจริง ๆ แล้วจะทำเช่นไรเล่า?
เมื่อครู่ยังนึกถึงสวรรค์วิมาน เพียงครู่เดียวแปรเปลี่ยนเป็นตกนรก
หากว่าจูโชงรู้สึกยับยั้งชั่งใจและลดพฤติกรรมที่เกินกว่าเหตุลงไปสักนิด วันนี้เขาก็คงจะมีทางรอดหลงเหลืออยู่
หากแต่จูโชงเพียงกลอกตาไปมา ก่อนจะเอ่ยตะโกนด่าทอและสาปแช่งออกมาอย่างชั่วร้ายว่า "กลัวอะไร! พวกเจ้ามันคนขี้ขลาด! องค์หญิงต้าถงก็เป็นเพียงองค์หญิงต่างแดนเท่านั้น แต่ข้าเป็นถึงหลานชายของเว่ยเจียนกั๋ว! ระเบิดประตูพวกมันเสีย! พวกเรามิใช่ว่าขาดแคลนเงินทองหรือ? เพียงแค่ได้ปล้นตระกูลเซียวสักครั้ง เราคงมีชีวิตดี ๆ ไปอีกนาน!”
เมื่อได้ยินจูโชงเอ่ยออกมาเช่นนี้ เหล่าพรรคพวกคนอื่น ๆ จึงเริ่มลังเลใจขึ้นมาเล็กน้อย ว่ากันว่าของโบราณในจวนตระกูลเซียวที่ไม่สามารถประเมินค่ามีมากมายนัก
เมื่อเห็นว่าเหล่าลูกหลานของจวนตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายพากันคิดได้นั้น จูโชงก็เริ่มทำการข่มขู่เพื่อถือตนเหนือกว่าในทันที "พวกเจ้าอย่าได้ลืมไป! เป็นเพราะเซียวเฉวียนได้เป็นราชบุตรเขย ถึงได้ทำให้พวกเราสูญเสียเงินทั้งหมดไปกับบ่อนพนันเช่นนี้!"
“ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่า หลังจากที่ตาเฒ่าเหวินฮั่นจากไปนั้น เขาได้ทิ้งของล้ำค่าภาพวาดและของโบราณมากมายไว้ให้กับเซียวเฉวียน! ตราบใดที่พวกเราสามารถได้ของเก่าพวกนั้น พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าสุราแล้ว?”
“ดินปืนพวกนี้ เป็นข้าที่คิดค้นทำมันขึ้นมาเป็นพิเศษ ช้าก่อน หากข้าเข้าไปปล้นภาพวาดและของโบราณจากตระกูลเซียวมาได้เมื่อใด พวกเข้าอย่ามานึกอิจฉาข้าแล้วกัน!”
เมื่อเห็นจูโชงเอ่ยออกมาเช่นนี้ เหล่าลูกหลานของจวนตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายที่กำลังตกต่ำจึงโอนอ่อนเชื่อฟังในคำพูดของเขา
ใช่แล้ว เป็นเซียวเฉวียนที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาต้องล้มละลาย จวนตระกูลเซียวจักต้องเป็นคนรับผิดชอบ!
จูโชงที่เป็นญาติของเว่ยเชียนชิว ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะก่อเรื่องทำความผิดขึ้นมา เมื่อมีจูโชงเป็นหัวโจกเรื่องเช่นนี้ หากพวกจะตามน้ำไปด้วยย่อมมิมีปัญหาใด ๆ ตามมาอย่างแน่นอน
"เอาล่ะ! เช่นนี้ก็ระเบิดประตูจวนตระกูลเซียวเสีย! พร้อมกับบุกเข้าไปขโมยของโบราณทั้งหมดของจวนตระกูลเซียวเลย!"
ประโยคนี้ ราวกับเป็นการประกาศกร้าวถึงหนทางตายของตนเอง
เป็นพวกเขาที่หาหนทางตายให้กับตนเองอย่างแท้จริง
มิไกลจากกันนัก เป็นเซียวเฉวียนที่ยืนฟังพวกเขาพูดคุยกันมาโดยตลอด
ไป๋ฉี่โค้งคำนับกล่าวรายงานว่า "นายท่านขอรับ ในช่วงเวลาที่ท่านมิอยู่นั้น จวนตระกูลเซียวถูกคนเหล่านี้เข้ามาก่อกวนรุกรานทุกวันเลยขอรับ"
"ข้ารู้"
เซียวเฉวียนกลอกตามองไปยังกำแพงบ้านของจวนตระกูลเซียวที่เต็มไปด้วยร่องรอยประทัดมากมาย ด้านหน้าประตูจวนยังเต็มไปด้วยผักเน่าและไข่เน่าที่คนอื่นโยนมาใส่ประตูจวนอีก
เมื่อมีผักเน่าขึ้นมาหลายใบนั้น จนกระทั่งมันทับถมกันจนเป็นผักใบใหม่ปกคลุมใบผักเก่าเช่นนี้ หน้าร้อนพวกมันจึงส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา พร้อมกับมีแมลงวันมากมายที่พากันบินตอมไม่มีหยุด รวมไปถึงหนอนเน่ามากมายที่พากันไต่ยั้วเยี้ยไปทั่วพื้น
มีที่ใดกันที่เหมือนจวนตระกูลเซียว เสมือนกับจวนตระกูลที่ถูกปล่อยรกร้างเอาไว้เสียมากกว่า
มิต้องเดาก็พอจะรู้ว่า ทุกวันเวลาเซียวเฉวียนไม่อยู่ในเมืองหลวงนั้น ชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลเซียวนั้นยากลำบากมากเพียงใด จนถึงขนาดที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดก็ถูกผู้คนรังแกข่มเหงเช่นนี้
"ครึ่งหนึ่ง"
จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็เอ่ยอะไรบางอย่างออกมา ทว่า เว่ยอวี๋และเว่ยเป่าหาได้เข้าใจมันไม่
เซียวเฉวียนดูมิเหมือนบุรุษที่ถูกเนรเทศเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังดุดีกว่าแต่ก่อนขึ้นเป็น!
ในทางตรงกันข้าม บุตรหลานของจวนตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์เช่นจูโชงนั้น หลังจากที่จวนตระกูลต้องล้มละลายลงเพราะแพ้พนัน เขาก็ใช้ชีวิตเสมือนกับขอทานหรือคนเร่ร่อนก็ไม่ปาน ผมเผ้าพลันยุ่งเหยิง พร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสกปรกโสโครกยิ่งนัก
ดูเหมือนว่าเว่ยเชียนชิวและพระชายาเผ่าจูหาได้สนใจไยดีจูโชงไม่
“เซียวเฉวียน ฮ่าฮ่า!” จูโชงคงแย้มยิ้มเปิดเผยฟันที่เหลืองอ๋อยออกมา “เจ้าลูกเต่าสารเลว ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียที!”
ตะบันไฟในมือของจูโชงนั้นกำลังถูกจุดอยู่ จูโชงหาได้มีท่าทีหวาดกลัวไม่ ทั้งยังเอ่ยขึ้นมาว่า "ขอร้องข้าสิ หากเจ้ามอบของขวัญล้ำค่าและภาพวาดโบราณมากมายให้ข้าละก็ ข้าจะไม่ระเบิดประตูจวนเจ้า!"
ระเบิด
คนของเว่ยเชียนชิวชื่นชอบการใช้ดินปืนยิ่งนัก
ในคราแรกที่ขโมยตราอาญาสิทธิ์กองทัพตระกูลฉินไปนั้น พวกมันก็ได้ฝังดินปืนจำนวนมากไว้ใต้จวนตระกูลฉิน
ครั้งที่สองเป็นตอนที่พวกมันจักทำการขโมยเซี่ยวเฟิงไป หากว่าเซียวเฉวียนไม่ยอมส่งเซี่ยวเฟิงไปให้พวกมันละก็ จวนตระกูลเซียวคงถูกระเบิดไม่มีเหลือ
นับว่าดินปืนเป็นหนึ่งในสี่สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยยุคโบราณ
พรรคพวกของเว่ยเชียนชิวนั้น รู้ซึ้งถึงข้อดีของการโจมตีทางกายภาพเช่นนี้เป็นอย่างดี คนที่โหดเหี้ยมที่มิชอบเอ่ยอันใดมาก แต่กลับใช้แรงระเบิดเป็นพลังในการคุกคามแทน
“ภาพวาดล้ำค่าและของโบราณ ข้าไม่ให้” เซียวเฉวียนเอ่ยออกมาด้วยความเฉยเมย
“หากเจ้าไม่ให้ข้า ข้าจักระเบิดประตูจวนของเจ้าเสีย!” จูโชงตวาดออกมาด้วยท่าทีดุร้าย ราวกับต้องการจะทำให้เซียวเฉวียนหวาดกลัวในตัวเขา
เซียวเฉวียนเพียงแค่มองจูโชงอย่างเงียบ ๆ ก็สามารถทำให้ใจของจูโชงสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที "เจ้าก็ลองดู ว่าคุณชายเช่นข้าจักทำเช่นไรได้บ้าง! ข้าจักบอกเจ้าเลย! หากข้าจุดดินปืนนี้ขึ้นมาเมื่อใดละก็! คนในตระกูลเซียวทั้งหมดต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน!"
“เซียวเฉวียน! เพียงเพื่อของล้ำค่าพวกนั้น แม้แต่ชีวิตของคนในตระกูลเซียวเจ้าก็ไม่ต้องการแล้วหรือ?”
“อื้ม ไม่ต้องการ” เซียวเฉวียนแย้มยิ้มกล่าวออกมา ซึ่งทำให้จูโชงหัวร้อนจนลุกเป็นไฟในทันที เซียวเฉวียนออกไปจากเมืองหลวงในครานี้ เขากลายเป็นคนบ้าไปแล้วหรือไงกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...