ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 456

"ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้ว! ใต้เท้าเซียวได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถิดขอรับ!"

ลูกหลานขุนนางในตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลายที่เคยภาคภูมิใจกับการกระทำของตนเองเมื่อครู่นั้น

ในยามนี้กลับนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเซียวเฉวียนเสมือนสุนัขก็ไม่ปาน ทั้งยังคาดหวังให้เซียวเฉวียนปล่อยพวกเขาไปอีก

จักเป็นไปได้อย่างไร?

เซียวเฉวียนพลันยื่นมือออกมา พร้อมกับไป๋ฉี่ที่นำบัญชีเล่มหนึ่งส่งให้ในทันที

นี่มันอะไรกันน่ะ?

เหล่าลูกหลานขุนนางในตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลาย ต่างพากันมองดูสมุดบัญชีด้วยสีหน้าที่งงงวย พวกเขาหาได้มีการค้าอันใดเกี่ยวข้องกับตระกูลเซียวไม่ เหตุใดถึงมีสมุดบัญชีเช่นนี้อยู่ได้?

เซียวเฉวียนค่อย ๆ เปิดสมุดเล่มนั้นออกมา ก่อนจะค่อย ๆ อ่านตัวอักษรด้านในอย่างชัดถ้อยชัดคำออกมาว่า "วันที่หกเดือนหก จูโชงกับคนอื่นๆ ได้ขว้างประทัดราว ๆ หกสิบลูก ตอนกลางวันยี่สิบลูก ตอนบ่ายอีกหกสิบกว่าลูก"

เหล่าลูกหลานขุนนางในตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลายต่างพากันสับสนไปในทันที มารดามันเถิด? ประทัดที่พวกเขาขว้างออกไป ถูกคนในตระกูลเซียวจดจำเอาไว้ได้งั้นหรือ?

หากว่ากันตามจริงแล้ว ผู้ที่จดจำประทัดที่ถูกปาออกมาทุกลูกนั้นหาใช่คนในตระกูลเซียวไม่ หากตาเป็นเหมิงเอ้าผู้ที่จดจำบัญชีแค้นนี้ได้อย่างขึ้นใจต่างหาก

สมุดจดความแค้นเล่มเล็กๆ นี้ ถูกเขียนขึ้นโดยเหมิงเอ้า เพื่อเป็นการจดบันทึกสิ่งที่ไอ้สารเลวพวกนี้ก่อเรื่องขึ้นโดยเฉพาะ

เพื่อจดจำความแค้นนี้ไว้ เหมิงเอ้าจดบันทึกทุกอย่างเอาไว้ด้วยความละเอียดและแม่นยำยิ่งนัก ไม่เพียงแต่เขียนจดจำวันเดือนปี แม้แต่ลูกประทัดที่ถูกปาเข้ามาไม่ว่าระยะทางจะใกล้หรือไกล เหมิงเอ้าล้วนแต่จดบันทึกเอาไว้ทั้งหมด รวมไปถึงร่องรอยกำแพงบ้านของตระกูลเซียวที่ถูกลูกประทัดทำลายอีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลต่างก็ถูกเหมิงเอ้าจดบันทึกเอาไว้หมดแล้ว

อาจเป็นไปได้ว่า เหมิงอ้าวถูกคนเหล่านี้กลั่นแกล้งเสียจนเก็บกดยิ่งนัก มิเช่นนั้นเขาคงมิทำเรื่องที่ทั้งน่ารักทั้งดูโง่เง่าเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน

ไม่ว่าจูโชงและคนอื่นๆ จะโยนลูกประทัดออกมาหนึ่งลูก เหมิงเอ้าก็จักจดจำเอาไว้หนึ่งจุด :หากนายท่านของข้ากลับมาเมื่อใด พวกเจ้าได้รู้จักคำว่ารู้วิธีเขียนคำว่าตายอย่างแน่นอน!

ในยามที่กลุ่มของจูโชงและคนอื่นๆ ขว้างประทัดและเดินจากไปด้วยความเฮฮานั้น เหมิงเอ้าก็มักจะหยิบสมุดจดขึ้นมา พร้อมกับตรวจสอบรูที่ถูกลูกประทัดทั้งหลายทำลายใหม่ ๆ เกิดขึ้นบนผนังด้วยความเคียดแค้น

ในยามที่เซียวเฉวียนเห็นบันทึกเหล่านี้นั้น เขาทั้งรู้สึกโกรธและรู้สึกตลกไปในคราวเดียวกัน เขาโกรธโมโหที่พวกจูโชงก่อเรื่องขึ้นด้วยความไร้ยางอาย หากแต่สิ่งที่ตลกกว่านั้นก็คือ เทพเจ้าแห่งสงครามในภายภาคหน้า จักมีช่วงเวลาที่กระทำตัวได้น่ารักเช่นนี้

นับว่าโชคดีที่เขาทำให้เซียวเฉวียนมีหลักฐาน

“วันที่แปดเดือนหก จูโชงและคนอื่นๆ ได้จุดประทัดเจ็ดสิบห้าจุด ตอนเช้าห้าสิบลูก ตอนบ่ายอีกยี่สิบลูก บนกำแพงถูกระเบิดออกเป็นจุดใหญ่สิบจุดและจุดเล็กหกสิบห้าจุด ทำให้เกิดรอยใหม่ขึ้นมาอีกสิบสี่จุด”

“วันที่สิบสี่เดือนหก ตอนเช้าสี่สิบลูก ตอนบ่ายอีกห้าสิบกว่าลูก...”

เซียวเฉวียนอ่านบันทึกออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย หากแต่ทั่วร่างของเหล่าลูกหลานขุนนางในตระกูลชนชั้นสูงกลับสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว ในยามนี้ พวกเขานึกอิจฉาจูโชงที่เป็นลมล้มพับไปด้วยความเจ็บปวดยิ่งนัก

พวกเขาเองก็หวังว่าตนเองจะสลบไปโดยมิต้องมารู้เรื่องพวกนี้ด้วยเช่นกัน!

พวกเขามิคิดไม่ฝันเลยว่า คนในจวนตระกูลเซียวจะอาฆาตพยาบาทพวกเขามากถึงเพียงนี้ การกระทำที่ชั่วร้ายของพวกเขานั้นพลันถูกบันทึกเอาไว้อย่างไว้ในสมุดจดอย่างละเอียดยิบ!

เซียวเฉวียนอ่านทุกคำออกมาโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียว พร้อมทั้งใบหน้าที่เริ่มมืดครึ้มขึ้นขึ้นเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปไม่นาน พรรคพวกของจูโชงกลับก่อเรื่องอุกอาจถึงเพียงนี้ หากว่าเซียวเฉวียนมิได้กลับมาในวันนี้ละก็ จวนตระกูลเซียวคงจะถูกพวกเขาระเบิดทิ้งเข้าสักวัน

“ดี พวกเจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก”

เซียวเฉวียนหลุบสายตาจ้องมองไปยังเหล่าลูกหลานขุนนางในตระกูลชนชั้นสูง

“ใต้เท้าเซียว! ท่านที่เป็นถึงคนใหญ่คนโตเช่นนี้มิควรจะเก็บเรื่องราวของผู้น้อยไปคิดเล็กคิดน้อยนะขอรับ! ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด! เรื่องทั้งหมดล้วนแต่เป็นจูโชงที่เป็นคนยุยงผู้อื่นให้กระทำตามใจเขา! หากมิใช่เพราะเขาละก็ พวกข้าน้อยหาได้กล้ากระทำเช่นนั้นไม่!”

ในยามนี้ เหล่าลูกหลานขุนนางในตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลายต่างพากันโยนความผิดให้กับจูโชงในทันที

ในเมื่อจูโชงเป็นถึงหลานชายของเว่ยเชียนชิว เกรงว่าเซียวเฉวียนจักทำอันใดย่อมต้องไว้หน้าเว่ยเชียนชิวอยู่หลายส่วน ถึงแม้ว่าเขาจักต้องการลงโทษจูโชง เซียวเฉวียนก็คงจะทำมิได้รุนแรงอันใดมาก นัก

ในเมื่อแม้แต่จูโชงก็ยังมิต้องมาถูกลงโทษเช่นนี้ ฉะนั้นแล้วเซียวเฉวียนก็ควรจะปล่อยพวกเขาไปมิใช่หรือ?

“ในตระกูลเซียวเฉวียนของข้า มีหญิงเฒ่าชราคนหนึ่งอายุอานามเพียงหกสิบ ทั้งยังมีน้องสาวที่อายุมิถึงยี่สิบหนาว พวกเขาล้วนแต่หวาดกลัวเรื่องรายที่เกิดขึ้น”

เซียวเฉวียนพลางหัวเราะเยาะเย้ยออกมา "ไม่สำคัญหรอกว่า พวกเจ้าจักจดจำความลำบากยากเข็ญที่คนของตระกูลเซียวเคยได้ร่วมกระทำขึ้นมาได้หรือไม่ เพราะจิตใจของพวกเจ้ามันหยาบช้าและขี้ขลาดตาขาวเป็นที่สุด!"

เหล่าลูกหลานขุนนางในตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลายต่างพากันมองไปที่เซียวเฉวียน นี่มันหมายความว่าอันใดกัน?

“หากแต่ฮูหยินของข้าเป็นถึงองค์หญิงต้าถง เป็นถึงน้องสาวร่วมสาบานของฝ่าพระบาท การกระทำของพวกเจ้าในยามนี้ถือเป็นการลบหลู่เกียรติของราชวงศ์จริงๆ เช่นนี้ราชวงศ์ของต้าเว่ยควรจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดดี?”

คำพูดของเซียวเฉวียนนั้น ได้ถูกตีตราการกระทำของกลุ่มคนตรงหน้าโดยมิอาจลบข้อหานี้ออกไปได้อีกแล้ว

“ไม่...มิใช่พวกเราขอรับ เป็นจูโชง เป็นจูโชงคนเดียว!”

เซียวเฉวียนพลางแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา "ถึงแม้ว่าจูโชงเป็นคนเริ่มแล้วอย่างไร ถึงกระนั้นก็ไม่อาจฉีกหน้าราชวงศ์ต้าเว่ยไปได้!"

“ยิ่งไปกว่านั้น! ข้า เซียวเฉวียนเป็นถึงศิษย์ของท่านปีศาจกวี! แม้แต่บิดาของพวกเจ้าทุกคนเห็นข้ายังต้องก้มหน้าคุกเข่าให้! พวกเจ้านับว่าเป็นตัวอันใดกัน! ถึงได้กล้ามาร้องขอความเมตตาจากข้า?” เซียวเฉวียนพลางตะโกนออกมาด้วยเสียงที่กึ่งก้อง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อหันไปกล่าวว่า "พวกเจ้ามานี่เสีย! คนเหล่านี้กล้าคุกคามจวนตระกูลเซียว ก่อกวนรังควานองค์หญิงต้าถง ทั้งยังมินึกใส่ใจกฎหมายบ้านเมืองที่ควรมี! จิตใจที่หยาบช้าและการกระทำที่เลวร้ายเช่นนี้! ไม่แม้แต่จะสนใจฟ้าดิน!"

“สังหารพวกมันเสีย! เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู!”

สังหารหรือ?

เมื่อเซียวเฉวียนเอ่ยพูดขึ้นมาเช่นนี้ เหล่าลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูงที่หวาดกลัวความตาย ถึงแม้ว่าพวกเขาจักต้องตกต่ำ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ถือเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงเช่นเดียวกัน!

บิดาของพวกเขายังเป็นถึงขุนนางในราชสำนักอีกด้วย !

เซียวเฉวียนเอ่ยว่าจะสังหารพวกเขาก็ทำได้งั้นหรือ

เหล่าลูกหลานขุนนางในตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลายต่างพากันส่ายหัวไปมา "เซียวเฉวียน! เจ้ามิอาจยืมมือกองทัพเพื่อมาสังหารผู้คนตามใจตนเองเช่นนี้ได้!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย