สรุปเนื้อหา บทที่ 457 เป็นบ่าวเป็นไพร่ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 457 เป็นบ่าวเป็นไพร่ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ทางด้านนอกจวนเซียว
มีคนสองคนหยุดฝีเท้าอยู่เนิ่นนานแล้ว เซี่ยวเฟิงเองก็อยู่ข้างกายพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน
เป็นเว่ยเชียนชิวกับฉินหลัง
ฉินเซิงกับฉินหลังมีบิดาคนเดียวกันทว่ามารดาเป็นคนละคน หลังทั้งสองแยกบ้านกันแล้ว คนผู้หนึ่งมีใจจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ คนอีกผู้หนึ่งพึ่งพาอาศัยเว่ยเชียนชิวไปตั้งนานแล้ว
ฉินหลังไม่ทราบเลยว่าเซียวเฉวียนได้จับตามองไปที่ตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่เซียวเฉวียนยังไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าไปหาเข้าก่อน เขากลับมาหาถึงหน้าประตูเองเสียแล้ว
ฉินหลังเป็นที่ปรึกษาของเว่ยเชียนชิวจำพวกกุนซือ เขาฉลาดหลักแหลมมากอุบาย จัดการทุกอย่างได้อย่างเงียบเฉียบ ต้องใจเว่ยเชียนชิวเป็นอย่างมาก
ฉินเซิงกับฉินหลัง คนหนึ่งบุ๋นคนหนึ่งบู๊ ทั้งสองต่างก็มีพรสวรรค์เป็นของตนเอง
"เหตุใดเซียวเฉวียนจึงได้ชัยในสงครามแห่งรัฐไป๋ลู่ ท่านมิได้กล่าวว่าเขาไม่อาจชนะหรอกหรือ?"
เว่ยเชียนชิวส่งเสียงหัวร่อเย็นชาหนึ่งเสียง เขาประเมินเซียวเฉวียนต่ำไปแล้วจริง ๆ
เรื่องที่เซียวเฉวียนได้ชัยนั้นไม่กล่าวถึงแล้ว แถมยังระเบิดหลานชายของเขาอีก
เว่ยเชียนชิวตั้งตนเป็นใหญ่ในเมืองหลวงมานานหลายปีมากเช่นนี้ กระทั่งเส้นผมแม้สักเส้นคนอื่น ๆ ก็มิกล้าสัมผัสมาก่อน
เซียวเฉวียนกลับถือดีเอาหลานชายของเขาไปต้มยำทำแกงเสียแล้ว!
พระชายาจูของเขาได้ยินว่าจูโชงได้รับปากเจ็บสาหัส มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ร่ำไห้จนตาแทบจะบอดอยู่แล้ว!
กล่าวว่าการที่จูโชงถูกระเบิดนั้นเป็นเหตุสุดวิสัย กระทั่งจูโชงเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเช่นเดียวกันว่าเหตุใดตนจึงถูกระเบิดเอาได้ ทว่าเว่ยเชียนชิวนั้นทราบดีเป็นอย่างมากว่านี่คือการที่เซียวเฉวียนต้องการจะก่อกบฏ!
เซี่ยวเฟิงกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากอยู่ทางด้านข้าง อุ้มเท้าลากพื้นไปมาไม่หยุด นายท่าน ข้าต้องการจะพบนายท่าน!
เว่ยเชียนชิวกุมโซ่เหล็กที่คอของมันอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อมันพุ่งไปทางด้านหน้าก็จะถูกเว่ยเชียนชิวออกแรงดึงกลับมาทันที
ฉินหลังกดเสียงต่ำหนึ่งประโยคว่า "ข้ารู้จักท่านพี่ใหญ่ฉินเซิงของข้าดีเป็นอย่างมาก วันนี้ ณ งานเลี้ยงในพระตำหนัก ข้าเห็นเขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ข้าเดาว่าเซียวเฉวียนจะต้องสัมผัสถึงกวีสมุทรคุนหลุนแล้วเป็นแน่"
"เจ้ากล่าวว่าเซียวเฉวียนมีความสามารถ การกลับมาในหนนี้คือการก่อกบฏรึ?"
ดวงตาของเว่ยเชียนชิวเคร่งขรึมขึ้นทันที
"ใช่" การตัดสินของฉินหลังไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
เพียงแต่เขาแค่ไม่กระจ่างว่าเหตุใดเซียวเฉวียนต้องปกปิดพละกำลังด้วยเท่านั้น หากเซียวเฉวียนบอกกับใต้หล้าว่าเขากล่าวถึงสัมผัสถึงกวีสมุทรคุนหลุนแล้วละก็ เช่นนั้นในต้าเว่ยเซียวเฉวียนอยากได้ลมก็ต้องได้ลม อยากได้ฝนก็ต้องได้ฝนแล้ว
แต่เซียวเฉวียนกลับเลือกที่จะปิดบังเอาไว้ เก็บมันเอาไว้ภายในหัวใจ
ฉินหลังจึงไม่เข้าใจเลย
บัดนี้มาแล้วแต่เซียวเฉวียนกำลังอยู่ในที่ลับ ส่วนพวกเขาอยู่ในที่แจ้ง
ที่ทำให้คนบันดาลโทสะมากขึ้นไปอีกคือเซียวเฉวียนไม่ร่วมงานเลี้ยงในวัง เว่ยเชียนชิวย่อมนึกว่าไอ้หนุ่มนี่ฉลาดอย่างที่คิดเอาไว้แล้วแน่ ๆ ไม่เลือกเข้าฝั่งฮ่องเต้แต่กลับเลือกเข้าค่ายของเขา
เว่ยเชียนชิวที่ทำสิ่งใดไม่สนใจสายตาใคร เบ่งอำนาจบารมีเป็นอย่างมากกับฉินหลังมาถึงจวนเซียวแล้ว นักว่าเซียวเฉวียนจะเปิดประตูใหญ่ให้ ต้อนรับขับสู้พวกเขาอย่างว่าง่าย
เขายังวางแผนเอาไว้ว่าจะแนะนำฉินหลังให้เซียวเฉวียนได้รู้จักกัน เช่นนี้เองก็จะถือว่าเป็นการแสดงความซื่อสัตย์ด้วย แม้เซียวเฉวียนจะถูกเว่ยเชียนชิวรับเข้าเป็นพวกอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม
แต่ผลสุดท้ายพอเว่ยเชียนชิวกับฉินหลังมาแล้วกลับมีเพียงแค่เสียงลมพัดฟู่ ๆ เท่านั้น ปากประตูไม่มีผู้ใดมาต้อนรับเลยแม้แต่คนเดียว
ทั้งก็เป็นที่หน้าประตูจวนเซียวด้วยเช่นเดียวกัน เว่ยเชียนชิวได้ยินคนรับใช้ในจวนมารายงาน กล่าวว่าจูโชงหลานชายผู้นี้วันนี้ถูกระเบิดที่ปากประตูจวนเซียวเสียแล้ว
แม่งเอ๊ย
นี่เป็นครั้งแรกเลยเชียวนะที่เว่ยเชียนชิวถูกปิดประตูใส่หน้า!
เซียวเฉวียนไม่เข้าฝ่ายฮ่องเต้ ทั้งก็ไม่เข้าฝ่ายเขาด้วยเช่นเดียวกัน ไอ้หนุ่มนี้มันมิใช่ว่าจะก่อกบฏหรอกหรือไร?
"เจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าการส่งเซี่ยวเฟิงให้กับเซียวเฉวียนจะสามารถทดสอบว่าเขาสัมผัสถึงกวีสมุทรคุนหลุนได้จริง ๆ?" เว่ยเชียนชิวสบตามองเซี่ยวเฟิงมีความอาลัยเล็กน้อย "เซี่ยวเฟิงเป็นถึงสัตว์สงคราม หากมอบให้กับเซียวเฉวียนแล้วทดสอบไม่ได้เลยละก็ นั่นจะไม่ได้เป็นการเสียเปรียบหรอกหรือ?"
"ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ยิ่งเซียวเฉวียนแข็งแกร่งมากเท่าใด เซี่ยวเฟิงที่อยู่ข้างกายเขาก็จะยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน ไป๋ฉี่กับองครักษ์เหล่านั้นสามารถปกปิดพละกำลังของตนเองเอาไว้ได้ ทว่าสัตว์สงครามกลับไม่สามารถทำได้"
"ได้ เชื่อเจ้าก็แล้วกัน"
เมื่อเว่ยเชียนชิวปล่อยมือ สุดท้ายร่างกายของเซี่ยวเฟิงก็กระโดดทันที วิ่งไปอย่างไร้ร่องรอย หวนคะนึงถึงเซียวเฉวียนอย่างไร้เทียบเทียม สองสามวันมานี้ที่เว่ยเชียนชิวให้เนื้อกับมันนั้น สุดท้ายก็เลี้ยงเสียข้าวสุกแล้ว
"จับตาดูเซียวเฉวียนเอาไว้" เว่ยเชียนชิวบันดาลโทสะจนสูดลมหายใจลึก ๆ หนึ่งหน "การที่ไอ้หนุ่มคนนี้แก้ปัญหาจอมยุทธ์ได้ก็เหนือความคาดหมายของข้าแล้ว บัดนี้รัฐไป๋ลู่มีเพียงแค่ประมุขน้อยองค์นั้นผู้เดียวเท่านั้น แต่ประมุขน้อยกลับมาที่เมืองหลวงอีก ผู้กุมอำนาจของรัฐไป๋ลู่ย่อมต้องตกไปอยู่ในมือของฮ่องเต้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว"
"ประมาทข้าศึก เป็นพวกเราที่ประมาทข้าศึกมากเกินไปแล้ว"
เป็นครั้งแรกที่ฉินหลังได้ยินคำพูดเศร้าใจจากปากของเว่ยเชียนชิว เขาตกตะลึงทันที "วางใจเถิด ข้าน้อยจะจัดการเซียวเฉวียนให้ท่านให้จงได้"
"รอข่าวดีจากเจ้าก็แล้วกัน" เว่ยเชียนชิวสบตามองป้ายของจวนเซียวด้วยสายตาเย็นยะเยือกหนึ่งหน ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อจากไป
จวนเซียว บรรยากาศครึกครื้น มีคนผู้หนึ่งกำลังยุ่งวุ่นจนขาไม่ได้พัก
"ฉินซูโหรว อาหารนี้เย็นแล้ว เอาไปอุ่นเสียหน่อย"
"อ๋อ ได้"
"มา ๆ ๆ กิน ๆ ๆ ไม่ได้กล่าวว่าคิดถึงสุรารสเลิศแห่งเมืองหลวงกันหรอกหรือไร" เซียวเฉวียนยัดแก้วสุราใส่มือสิบหก "เหล่าสหายทั้งหลายล้วนไม่อยู่แล้ว พวกเราดื่มแทนพวกเขา"
"ได้!" กระบอกตาของสิบหกแดงก่ำทันที
"ฉินซูโหรว!" ในตอนนั้นเอง เซียวเฉวียนกลับตะโกนขึ้นมาหนึ่งเสียงอีกครั้ง "เอาสุรามาสิบเจ็ดแก้ว!"
ฉินซูโหรว
ฉินซูโหรว
ฉินซูโหรวกำหมัดในมือแน่น เซียวเฉวียนเรียกชื่อจริงโดยตรง กระทั่งท่านหญิงเองก็ล้วนไม่เรียกขานแล้ว
เธอไม่เคยได้ยินใครร้องเรียกชื่อเสียงเรียงนามของตนเองโดยตรงเช่นนี้มาก่อน!
แต่เซียวเฉวียนกลับเรียกขานนางราวกับว่านางเป็นบ่าวสาวใช้ผู้หนึ่งเลยก็ไม่ปาน!
จนปัญญาแล้ว ใครให้เซียวเฉวียนจับจุดอ่อนของนางได้กันเล่า!
หากรู้ก่อนว่าการสังหารสิบหกอรหันต์นั่นแล้วจะต้องเป็นบ่าวเป็นไพร่แล้วละก็ ฉินซูโหรวจะอดทนไม่ลงมืออย่างแน่นอน!
เซียวเฉวียนกำลังบอกกับฉินซูโหรวผ่านการกระทำว่านี่ก็คือสิ่งที่จะต้องชดใช้
ส่วนจวนฉิน แม่ฉินทำได้เพียงแค่รอฉินเซิงกลับมา นางมองไปทางด้านหลังเขาไปมา "เหตุใดจึงมีเพียงเจ้า?"
"เฟิงเอ๋อร์เล่า?"
"แล้วฉินซูโหรวเล่า?"
ฉินเซิงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดไม่จา
แม่ฉินตกใจจนใจไม่ดีแล้ว "เจ้าพูดสิ! บุตรชายกับบุตรสาวของข้าเล่า!"
"บุตรชายอยู่ที่รัฐไป๋ลู่"
ฉินเซิงผ่อนลมหายใจยาม ๆ ออกมาหนึ่งหน "ท่านอย่าไปคิดถึงเขาเลย"
"อะไรคือการกล่าวว่าอย่าไปคิดถึงเขาเลย เจ้าล้วนกลับมาแล้ว เหตุใดบุตรชายจึงไม่กลับมาด้วย?" แม่ฉินกุมแขนของเขาเอาไว้แน่น "ข่าวลือนั่นคงมิใช่ความจริงหรอกกระมัง"
[1] สิบนิ้วไม่เคยเปื้อนน้ำในวสันต์ฤดู หมายถึง ผู้ที่ไม่เคยได้ทำงานหนักมาก่อนเลยในชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...