ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 467

“ใต้เท้าเซียว ตั้งสมาธิ ตั้งจิตให้มั่น!”

เสียงของชิงหลงดังขึ้นในหัวของเซียวเฉวียน

“พู่กันเฉียนคุนเป็นเจ้าแห่งภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ และภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิก็เป็นเจ้าแห่งเซี่ยวเฟิง!

“เพียงใช้พู่กันเฉียนคุนให้ดี เจ้าก็จะสามารถกำราบเซี่ยวเฟิงได้อย่างแท้จริง!”

“แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ พวกเราไม่สนใจว่าพู่กันเฉียนคุนจะเป็นอย่างไร เจ้าท่องคาถานี้เพื่อสยบเซี่ยวเฟิงเสียก่อน!”

“ได้… เร็วเข้าสิ...” เซียวเฉวียนพยักหน้า ชิงหลงอายุยังน้อย เหตุใดจึงได้พูดมากเช่นนี้!

“คาถานี้ค่อนข้างยาว แต่เจ้าต้องจำให้ได้! และสามารถท่องคาถาได้เพียงครั้งเดียว! หากท่องไม่คล่องแคล่วก็จะใช้การไม่ได้!”

เซี่ยวเฟิงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากกวีสมุทรคุนหลุน แน่นอนว่าต้องสัมพันธ์กับบทกวี

เซี่ยวเฟิงเป็นสัตว์ที่เก่าแก่มาก และเลื่องชื่อในเทือกเขาคุนหลุน

ทว่าในภายหลัง เซี่ยวเฟิงถูกปีศาจกวีจับตัวไปเพื่อใช้เป็นสัตว์สงครามของต้าเว่ย

ตามตำนานเล่าว่า เซี่ยวเฟิงเป็นพลังงานของกวีสมุทรคุนหลุน ซึ่งพลังแห่งบทกวีสมุทรจะปะทุออกมาจากบทกวีแต่ละบท

และเซี่ยวเฟิงก็เกิดขึ้นมาจากหนึ่งในบทกวีเหล่านั้น

ได้ยินเพียงเสียงชิงหลง ที่ท่องคาถาดังกังวานและทรงพลัง เขาตั้งใจท่องอย่างช้า ๆ เพื่อให้เซียวเฉวียนได้ยินอย่างชัดเจน

“ผืนป่าทึบทั้งอุดรและทักษิณ เสือสมิงลายขาวย่างเท้าไกล

ออกตามล่าหาเหยื่อในป่าใหญ่ เทือกเขาไร้แม้เสียงของเลียงผา”

แปลออกมาได้ว่า : หุบเขาทางเหนือและใต้ล้วนเต็มไปด้วยป่าทึบ ยังมีเสือตัวสีขาวเดินวนเวียนอยู่รอบป่า พอตกค่ำเสือก็จะออกตามล่าเหยื่อที่เป็นสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ในหุบเขาจึงเงียบสงบไร้ซึ่งเสียงของสัตว์อย่างกวางหมีลู่

อะไรกัน? นี่คือคาถางั้นหรือ?

เซียวเฉวียนที่หูตั้งผึ่ง ปวดหัวอย่างไม่อาจทนไหว สุดท้ายเป็นบทลำนำร่วมที่มีชื่อว่า “การเดินทางของเสือร้าย” ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของจังจี๋ ผู้ประพันธ์กลอนในราชวงศ์ถังของฮว๋าเซี่ย

“ให้ตายเถอะ! คราวหลังก็รีบบอกสิ! บทนี้ข้าท่องเป็น!”

เซียวเฉวียนที่ปวดหัวอย่างทนไม่ไหว อดไม่ได้ที่จะตีชิงหลงหนึ่งที!

เซี่ยวเฟิงได้ยินชิงหลงท่องคาถาออกมา มันก็ยิ่งฟุ้งพล่าน! แผดเสียงคำรามไปยังชิงหลง ลมลูกใหญ่พัดชิงหลงปลิว ชิงหลงรีบหลบด้วยความว่องไวและลมก็พุ่งใส่ต้นไม้จนหักโค่น!

สัตว์ร้าย!

สัตว์ร้าย!

หากเซี่ยวเฟิงไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของตัวเอง เซียวเฉวียนคงตบมันให้ตายจริง ๆ!

ได้ยินเสียงของเซียวเฉวียนท่องคาถาต่อ: “ออกตามล่าหาเหยื่อในป่าใหญ่ เทือกเขาไร้แม้เสียงของเลียงผา

...

ชายผู้กล้าเก่งกาจยังปราณี เสือร้ายทิ้งฝีเท้าไว้ให้เชยชม”

เนื้อความของบทกวีตอนหลังกล่าวว่า : ในทุกปีเสือจะทำการสืบพันธุ์ในหุบเขาลึก ตัวผู้และตัวเมียต่างอยู่รวมกันเป็นฝูง

ห่างไกลจากถ้ำเสือยังมีหมู่บ้านติดริมเขา เสือร้ายมักจะออกล่าวัวเหลืองของชาวบ้าน

ชายหนุ่มผู้กล้าหาญและช่ำชองการขี่ม้ายิงธนูยังไม่กล้ายิงมัน ทำได้เพียงมองตามรอยเท้าที่เสือทิ้งไว้ใต้หุบเขาให้ดูต่างหน้า

บทกวีทั้งบทเขียนถึงภาพเหตุการณ์ของเสือร้ายที่ทำร้ายชาวบ้าน แต่จริง ๆ แล้วหมายจะเขียนถึงเนื้อหาเกี่ยวกับผู้มีบารมีชั่วร้ายที่แผลงฤทธิ์ในสังคม และให้ความรู้แก่ผู้คนให้เข้าใจความเป็นจริง

มีการใช้เสือร้ายเขียนไว้ทุกช่วงตอนในบทกวี แต่ละประโยคเป็นการอุปมาถึงบุคคลและเหตุการณ์ การอุปมามีความเหมาะสมกับสภาพบ้านเมือง เป็นการพรรณาที่มีชีวิตชีวาและสื่อความหมายลึกซึ้ง

ประโยคสุดท้าย “ชายผู้กล้าเก่งกาจยังปราณี เสือร้ายทิ้งฝีเท้าไว้ให้เชยชม” สองประโยคนี้แปลว่าเสือเหล่านี้ทำสิ่งชั่วร้ายมากมาย และแม้แต่เหล่าผู้ที่เลื่องชื่อลือนามว่าขี่ม้ายิงธนูได้ก็ยังไม่กล้าต่อกลอนกับมัน เพียงแค่มาในป่าเพื่อดูรอยเท้าของมันเท่านั้น

แต่ในความจริงเป็นการเสียดสีราชสำนักที่ปล่อยปละละเลยความผิดและคนชั่ว เพื่ออำพรางซ่อนเร้น วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน เสแสร้งหลอกลวง

“ทิ้งฝีเท้าไว้ให้เชยชม” เต็มไปด้วยคำเสียดสีที่เผ็ดร้อนแสบสัน

นี่ก็เป็นเหตุผลที่เซี่ยวเฟิงมักจะฟุ้งพล่านเช่นนี้อยู่เสมอ

มันแปลงกายมาจากบทกวีที่มีความเผ็ดร้อนในทุกท่อน เซี่ยวเฟิงจะไม่ฟุ้งพล่านได้อย่างไร?

เซียวเฉวียนท่องกวีจนจบบท ชิงหลงตะโกนเสียงดัง “ท่องตามข้า กลายร่าง!”

“กลายร่าง!” เซียวเฉวียนตะคอกเสียงกร้าว!

“โฮก ๆ ๆ!”

เห็นเพียงแสงสีขาวปกคลุมตัวของเซี่ยวเฟิงไว้ ในที่สุดก็สิ้นเสียงร้องโวยวายของเซี่ยวเฟิง

เดิมทีมันมีร่างกายใหญ่โตและดุร้าย แต่ทันใดนั้นก็มีขนาดตัวเล็กลงท่ามกลางแสงสีขาว และเสียงร้องของมันก็ไม่ดุร้ายอีกต่อไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย