สรุปตอน บทที่ 468 หากมีชีวิตอยู่ก็ต้องหาให้พบ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 468 หากมีชีวิตอยู่ก็ต้องหาให้พบ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
พู่กันเฉียนคุนมาตามเสียงเรียก พร้อมกับมีเสียง “สวบ ๆ ๆ” บนพื้นที่ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิที่ว่างเปล่า มีภาพฉินซูโหรวผลักองค์หญิงตกบ่อน้ำเมื่อครู่นี้
“สวบ ๆ”
“สวบ ๆ ๆ”
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ปรากฏต่อหน้าทุกคนราวกับหนังสือนิทานภาพ และยังสามารถเปลี่ยนหน้าไปเองได้โดยอัตโนมัติ
สีหน้าฉินซูโหรวซีดลงเรื่อย ๆ เซียวเฉวียนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง องค์หญิงถูกโยนลงไปในบ่อน้ำจริง ๆ!
ไม่ได้การ!
หากมีชีวิตอยู่ก็ต้องหาให้พบ!
หากสิ้นใจแล้วก็ต้องหาร่างให้เจอ!
เซียวเฉวียนกระโจนทะยานลงไปในบ่อน้ำ
“นายท่าน!”
“ลูก!”
“ท่านพี่!”
ทุกคนต่างตื่นตกใจและเกาะที่ขอบบ่อด้วยความกลัวจนหน้าถอดสี ฉินซูโหรวเห็นเซียวเฉวียนกระโดดลงไปอย่างไม่คิดชีวิต นางส่ายหัวอย่างตื่นตระหนกตกใจอย่างที่สุด เซียวเฉวียนรักผู้หญิงคนนั้นได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ถึงขนาดที่กระโดดลงไปโดยไม่หันกลับมา!
“นายท่าน!”
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าทำทีจะกระโดดลงไปพร้อมกันทั้งคู่ ไป๋ฉี่กลับดึงตัวเหมิงเอ้าไว้ “จวนเซียวต้องมีคนคอยดูแล! ข้าจะไปเอง! เจ้าอยู่ที่นี่คอยคุ้มครองฮูหยินและคุณหนู!”
“จำไว้ให้มั่น อย่าให้มีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก!”
เหมิงเอ้าน้ำตาไหล ร้องสะอื้นเสียงต่ำ “ได้... เจ้าต้องช่วยนายท่านกลับมาให้ได้!”
“อื้ม!”
ไป๋ฉี่กระโจนลงไปในบ่อสุดตัว
ชิงหลงยินอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้างุนงง การกระทำที่ว่องไวของเซียวเฉวียน ชิงหลงยังไม่ทันได้ขวางไว้ เขาก็กระโดดลงไปเสียแล้ว
ความจริงการตามหาองค์หญิงไม่ใช่เรื่องยาก ชาวคุนหลุนมีวิธีการค้นหาสิ่งของและผู้คนที่ไม่เหมือนใคร
หากเซียวเฉวียนอยู่ข้าง ๆ จักต้องด่ากราดอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง : ให้ตายเถอะ! เหตุใดไม่รีบพูด! เหตุใดไม่รีบพูด! บ้าเอ้ย! บ้าเอ้ย!
“ใต้เท้าเซียว... นี่ไม่ใช่ความผิดของข้าจริงหรือไม่...” ชิงหลงพึมพำออกมาอย่างน้อยอกน้อยใจ เซียวเฉวียนเป็นผู้ที่สัมผัสกวีสมุทร เขาไม่มีทางตอบสนองได้รวดเร็วเหมือนอย่างเซียวเฉวียน
น้ำในบ่อนิ่งลง เหมิงเอ้าที่อยู่ด้านข้างเป็นกังวลเสียจนเริ่มมีน้ำตา แม่เซียวและเซียวจิงร้องไห้หนักขึ้น
“เอาละ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ปกป้องจวนเซียวไว้คือสิ่งสำคัญที่สุด”
ชิงหลงพูดกับเหมิงเอ้าเสียงทุ้ม ตอนนี้ฉินซูโหรวยังไม่เป็นอะไร ซึ่งหมายความว่าเซียวเฉวียนยังคงปลอดภัยอยู่
“จริงสิ”
เหมิงเอ้าที่เชื่องช้าก็รีบเช็ดนำ้ตาในทันที
ในขณะที่ทุกคนต่างจ้องไปในบ่อด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล คนใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนพร้อมกับยื่นจดหมายเชิญให้ “จวนจ้าวส่งจดหมายเชิญมาขอรับ บอกว่าเชิญคุณชายของเราไปร่วมงานศพของจ้าวจินไหล”
“ร่วมงานบ้าอะไร!” เหมิงเอ้าตอบกลับด้วยความโมโห “นายท่านยุ่งอยู่! ไปไหนก็ไป!”
“ขอรับ ๆ ๆ!”
...
“บุ๋ง ๆ”
“บุ๋ง ๆ”
เซียวเฉวียนกระโดดลงไปในน้ำและไม่ช้าก็เกิดการสับสันทิศทาง
ในน้ำมืดเกินไปจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดเลย
เซียวเฉวียนที่กำลังว่ายขึ้นไปเพื่อสูดอากาศหายใจ จู่ ๆ ก็มีบางสิ่งดึงเขาไว้และดึงเขาไปยังใต้สุดของบ่อ
ความรู้สึกไร้น้ำหนักที่แปลกประหลาดล้อมรอบเขา คล้ายกับน้ำไหลดังซู่ซ่า และเขาก็ตกลงมาจากที่สูงในฉับพลัน
ราวกับว่าจู่ ๆ เขาก็หลุดไปจากบ่อน้ำและเข้าสู่ท้องฟ้าในอีกมิติหนึ่ง
เขาร่วงลงมาเรื่อย ๆ จากบนฟากฟ้า และตกมาอยู่ในสถานที่ที่รู้สึกคุ้นเคยแต่ก็แปลกตา
นั่นคือสถานที่ที่เขาฝันถึง
“โอ้ย ๆ ๆ ๆ ๆ!”
“ตุบ!”
เซียวเฉวียนล้มลงกับพื้นอย่างแรง แต่กลับไม่มีอาการเจ็บปวดแม้แต่น้อย พื้นดินอ่อนนุ่มราวกับสายไหม
ให้ตายสิ?
ปีศาจกวียิ้ม เซียวเฉวียนหันกลับมา ชายวัยหนุ่มผู้หนึ่งที่ดูสูงใหญ่และหล่อเหลายืนอยู่ด้านหลังของเซียวเฉวียน
เซียวเทียนแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนที่เขาตายก็มีอายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ดังนั้นภาพลักษณ์ในกวีสมุทรก็ต้องมีอายุราวยี่สิบปีไปโดยปริยาย ดูไม่เหมือนท่านพ่อของเซียวเฉวียน แต่เหมือนพี่น้องกันเสียมากกว่า
ลักษณะของเขาคล้ายกับเซียวเฉวียนอยู่เล็กน้อย
ถุย เซียวเฉวียนที่ต้องคล้ายกับเขาสิ นี่คือท่านพ่อของเขาเชียวนะ!
“ท่านพ่อ?”
เซียวเฉวียนตะโกนออกไปอย่างมึนงง เซียวเทียนพยักหน้า พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ลูกชายข้า”
ระหว่างคิ้วและขมับของเซียวเทียนดูดุดัน แต่เมื่อเอ่ยเรียกเซียวเฉวียนกลับดูอ่อนโยนและใจดี
“ท่านพ่อ!”
เซียวเฉวียนพุ่งตัวเข้าไปเพื่อกอดเซียวเทียน แต่ทว่าไม่อาจสัมผัสโดนตัวเขาได้
เขาดูเหมือนกลุ่มก้อนอากาศที่ลอยอยู่ เซียวเฉวียนยื่นมือไปสัมผัส แต่กลับทะลุร่างของเซียวเทียน
“ลูกชายข้า กวีสมุทรไม่มีร่างจำแลง” เซียวเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยน ในตาของเซียวเฉวียนมีน้ำตาไหลอยู่ “ท่านพ่อ ท่านแม่คิดถึงท่านมาก”
“ข้ารู้ นางเป็นเช่นนี้เสมอ”
แท้จริงแล้ว เซียวเทียนเป็นชาวต้าเว่ยคนแรกที่ได้สัมผัสกวีสมุทรคุนหลุน เพียงแต่เขาปิดบังได้ดีทีเดียว และไม่ได้บอกเรื่องนี้กับผู้ใด หลังจากตายไปแล้ว ปีศาจกวีก็ได้บรรลุบทกวีและกลายเป็นคนที่สอง
เซียวเฉวียนคือคนที่สาม
“ท่านพ่อ” เซียวเฉวียนพูดตัดตอนขึ้นมา “ท่านรู้หรือไม่ว่าลูกสะใภ้ท่านอยู่ที่ใด?”
“ท่านพ่อท่านแม่มิสำคัญเท่าลูกสะใภ้สินะ เจ้าไม่ห่วงพวกเราเลย” ปีศาจกวีพึมพำอย่างไม่พอใจ
“ท่านอาจารย์ นี่เป็นเรื่องสำคัญเชียวนะ อย่างไรซะนางยังคงมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ!”
เซียวเฉวียนทั้งโมโหท้ังตลก ทว่าท่านพ่อและท่านอาจารย์ถูกขังอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควร นี่คือการทนทุกข์ทรมานไปตลอดกาล
ครั้งก่อนที่เซียวเฉวียนสลบไป และอยู่ที่นี่เป็นเวลาห้าวันห้าคืน รู้สึกว่าที่นี่น่าเบื่อหน่ายอย่างที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นท่านพ่ออยู่ที่นี่มานับสิบปีแล้ว
“นางอยู่ตรงนั้น”
เซียวเทียนชี้ เซียวเฉวียนตะลึงงัน องค์หญิงและชิงกั่วตกอยู่ริมน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลนัก!
“พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร?” ปีศาจกวีทั้งจำใจและกังวล “เป็นไปได้อย่างมากที่พวกเจ้าจะออกไปไม่ได้อีกแล้ว!”
เพราะอย่างไรซะ ครั้งนี้พวกเซียวเฉวียนเข้ามาด้วยร่างจริง มิใช่จิตวิญญาณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...