ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 475

สรุปบท บทที่ 475 มาถึงแล้ว: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 475 มาถึงแล้ว จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 475 มาถึงแล้ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

จวนเซียว

เสียงหัวเราะสนุกสนานดังขึ้นระลอกหนึ่ง

แม่เซียวจัดงานเฉลิมฉลองให้กับการกลับมาอย่างปลอดภัยของบุตรชายและลูกสะใภ้ และยังเฉลิมฉลองให้กับการเลื่อนขั้นของเซียวเฉวียนโดยเฉพาะด้วย

อี้กุยและโย่วควนก็ถูกเชิญมาด้วยเช่นกัน นั่งจิบเหล้ากินเนื้ออยู่ท่ามกลางงานเลี้ยง เพลิดเพลินดี

เว่ยอวี๋และต่งจัวนายและบ่าวไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ดื่มเหล้าเมามายได้เต็มที่

องค์หญิงนั่งอยู่ข้างเซียวเฉวียน หลังจากกลับมาจากกวีสมุทรและพักผ่อนได้สองสามวัน กำลังวังชาของนางก็ฟื้นฟูขึ้นมากทีเดียว

เพียงแต่เรื่องที่นางตกลงไปในบ่อ นางนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก จำได้ว่าหลังจากที่ตกลงไปในบ่อแล้ว ก็ไปโผล่ที่ไหนสักที่

แต่ตอนนั้นนางยังสะลืมสะลือ มองอะไรก็ไม่ชัด

นางบอกลักษณะของสถานที่แห่งนั้นกับเซียวเฉวียน เขาจึงช่วยปลอบประโลมนางว่านั้นเป็นแค่ภาพลวงตา

ทุกคนพากันยิ้มแย้ม ดีใจที่เซียวเฉวียนมีสิทธิ์ครอบครองรัฐไป๋ลู่ครึ่งหนึ่ง มันคือความมั่งคั่ง เทียบเท่ากับเจ้าครองนคร

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจวนเซียวนับว่ามีอำนาจสูงสุด

เซียวเฉวียนดีใจมาก และใช่ เราต้องพัฒนาการเพาะปลูกพริกไทย!ปลูกยี่หร่า!ปลูกเครื่องเทศ!

ปลูกมันให้เต็มทุ่งกว้างและภูเขาไปเลย

เช่นนี้อาหารของเซียวเฉวียนก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้ว

“แต่พรุ่งนี้เจ้าต้องไปดำรงตำแหน่งที่ชิงหยวน เป็นผู้นำทุกเรื่องของชิงหยวน” แม่เซียวทั้งดีใจทั้งกังวล “เส้นทางนี้มันไม่ง่ายเลยนะ”

ได้ยินว่าจ้าวซิ่นบุตรชายคนรองของจ้าวจินไหลมารายงานตัวเป็นนักศึกษา และรอเซียวเฉวียนอยู่ที่ชิงหยวน

จ้าวซิ่นเป็นคนเลี้ยงหมาป่า จะทำอะไรเขาได้ เขามีเซี่ยวเฟิงอยู่

“เซี่ยวเฟิง เจ้าว่าไหม” เซียวเฉวียนก้มหน้ามอง เซี่ยวเฟิงกำลังแทะเนื้ออย่างเอร็ดอร่อยเหมือนลูกหมาตัวหนึ่ง ไม่สนใจเขาสักนิด

“ช่วงนี้เซียวเฟิงไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่” นัยน์ตาของชิงหลงเปล่งประกาย กระทั่งพบกับความไม่ชอบมาพากลของเซี่ยวเฟิง “มักจะหดหู่บ่อย ๆ”

“ต้องคิดถึงแม่เสือกแน่ ๆ” เว่ยอวี๋หัวเราะ ฮ่า ๆ ทำลายบรรยากาศตึงเครียดของชิงหลงไปสิ้นเชิง

ทุกคนพากันหัวเราะ ฮ่า ๆ จากนั้นก็ดื่มกินกันต่อ

เซียวเฉวียนได้รับการเปลี่ยนแปลงมาจากกวีสมุทร เมื่อกวีสมุทรถูกทำลาย มันก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองบ้าง คาดว่าน่าจะอารมณ์ไม่ดี

ถึงอย่างรังเก่าก็ไม่มีแล้ว ใครจะดีใจเล่า?

เซียวเฉวียนลูบศีรษะของมัน “อารมร์ไม่ดี ก็กินเยอะ ๆ”

“กรร....” เซี่ยวเฟิงอ้าปากกว้าง ‘เอาอีก ๆ’

เซียวเฉวียนโยนผักสดให้มัน มันก็กินอย่างอิ่มหนำสำราญ

“โอ๊ะ ไม่เลือกอาหารด้วย?” เว่ยอวี๋เลิกคิ้วสูง “เมื่อก่อนบอกว่ามันเชื่องยากไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่เนื้อไหล่หมูไม่กิน ไม่ใช่น้ำแร่ไม่ดื่มไม่ใช่เหรอ?”

“คาดว่าครั้งที่แล้วเจ้านายคงไม่ได้พามันไปเกาะจูเสินด้วย แต่กลับพาสุนัขสีเหลืองตัวน้อยไปแทน มันคิดว่าเจ้านายไม่ต้องการมันแล้ว ตอนนี้ก็เลยเชื่องขึ้นมาเสียอย่างนั้น” ไป๋ฉีเอ่ยเช่นนี้ นัยน์ตาของเซียวเฉวียนก็เปล่งประกาย เซี่ยวเฟิงตัวนี้เข้าใจภาษามนุษย์

“รีบกินเถอะ ไม่อย่างนั้นอาหารเย็นชืดหมด”

แม่เซียวเอ่ยเตือน ทุกคนจึงไม่เกรงใจ

สิบหกไม่ได้กินของอร่อย ๆ เลยเมื่อครั้งอยู่บนเกาะจูเสิน เขาสวบทุกอย่างตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครสนใจว่าเขาจะกินมูมมามเพียงใด ยังคงคีบขาไก่และเนื้อให้เขาอย่างต่อเนื่อง

ครั้งนี้ แม่ไป๋ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวนักได้เข้าร่วมมื้ออาหารในครั้งนี้ด้วย

ในตอนที่เซียวเฉวียนไปยกอาหารจากในครัว แม่ไป๋เดินตามอยู่ด้านหลังของขา “ใต้เท้าเซียว”

แม่ของไป๋ฉีเกิดมามีร่างกายที่อ่อนแอมาก นิสัยใจคอก็อ่อนโยน ใบหน้าซีดเผือดจนมองเห็นได้ชัดเจน แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นผู้ใหญ่ที่งดงามเสมอ

“ฮูหยินไป๋ ท่านมีธุระอะไร?”

“ใต้เท้าเซียว” แม่ไป๋ทำความเคารพ และหยุดชะงัก คล้ายกับกำลังรวบรวมความกล้า “ข้าอยากถามท่านสักเรื่อง....”

นางยังไม่ทันเอ่ยปาก เซียวเฉวียนรู้ว่านางกำลังจะถามสิ่งใด “ฮูหยินไป๋เชิญถาม”

“ท่านอยู่บนเกาะจูเสิน เคยเจอคนที่ชื่อเว่ยอวี๋....”

เป็นอย่างที่คาดคิดไว้จริง ๆ เป็นอย่างที่เซียวเฉวียนคาดคิดไว้จริง ๆ

“เคยเจอขอรับ”

เซียวเฉวียนลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่อยากโกหกนาง จึงเล่าเรื่องการตายของเว่ยอวี๋อย่างตรงไปตรงมา

“ขอโทษที่ยามนั้นข้าอยู่ในสนามรบ ไม่ทราบว่าฉินซูโหรวจะ...”

เซียวเฉวียนอยากจะอธิบาย แต่นัยน์ตาของแม่ไป๋แดงก่ำ นางยกมือโบกไปมา “ช่างเถอะ มันคือชะตากรรมของเขา”

“และเป็นชะตากรรมของข้า...”

องค์หญิงเรียกเบา ๆ นัยน์ตาของเซียวเฉวียนอบอุ่นขึ้น “ไอหยา เรื่องอะไร?”

“มีจดหมายหนึ่งฉบับ ขันทีหม่า”

เมื่อครู่ขันทีหม่าปลอมตัวแอบส่งจดหมายฉบับนี้ให้กับองค์หญิง ให้นางส่งต่อให้กับเซียวเฉวียนโดยเร็วที่สุด

ฮ่องเต้ต้องหาเขา

เซียวเฉวียนเปิดจดหมาย ซึ่งบนจดหมายมีกลิ่นอายจิตสังหารบาง ๆ ‘ยามโฉ่ว ฆ่าเขา’

ยามโฉ่ว เวลา 02.00-04.00

เขาชี้ไปยังฉินหลัง

เซียวเฉวียนและคนที่ฮ่องเต้ต้องการมาถึงแล้ว

ดูท่าฮ่องเต้พิสูจน์ได้แล้ว คดีความของเสิ่นฉีต้องเป็นฝีมือของฉินหลังแน่นอน

เมืองหลวงเช้าตรู่ ทุกอย่างสงบไม่ได้คึกครื้นนัก

ฉินหลังนั่งอยู่บนเสลียงได้เอ่ยขึ้นว่า “ฮ่องเต้ตามสืบข้า เสิ่นฉีแค่คนเดียว ไม่พูดข้าคงลืมไปแล้ว”

ลูกหลานที่มาจากครอบครัวยากจน ถูกเนรทศมาหลายปี ฮ่องเต้ทรงเปิดคดีความอีกครั้ง

ฉินหลังยอมรับไม่ได้ เขาทำแล้วอย่างไร “เขาไม่มีหลักฐาน”

ไม่มีหลักฐานแล้วพูดจามั่วซั่ว นี่มันเว่ยเชียนชิวชัด ๆ

“นั่นนะสิ ใครให้เสิ่นฉีมากเรื่องกันเล่า ช่วยเหลือหนุ่มจอหงวนผู้นั้นเพราะเสิ่นฉี องค์ชายใหญ่ของเราไม่ใช่จอหงวน” บ่าวคนเก่าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความโกรธ

“ข้ายังจำได้ ในตอนที่ทุบตีชายสองคนในบ้านของเสิ่นฉีจนตาย พวกเขาพากันแหกปากร้องเสียงดังจนหูข้าแทบหนวก”

พอพูดเรื่องนี้ ฉินหลังไม่มีมาดองค์ชายผู้สูงส่งอีกแล้ว แต่มีความลำพองใจและความร้ายกาจเข้ามาแทนที่

“ใคร!”

เศรษฐีเจี้ยวตะโกนเสียงดัง ส่งผลให้เสลียงโคลงเคลง ฉินหลังตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สุนัขรับใช้ หามเสลียงให้มันดี ๆ กันหน่อย”

“ฉินหลัง เจ้ารู้ไหมบนเกาะจูเสินเป็นอย่างไร?”

น้ำเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น บนถนนที่เงียบสงัดกลับมีเสียงสะท้อนดังขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย